ไขปริศนา 5 สัมผัส สร้างเด็กอัจฉริยะตั้งแต่ในครรภ์

แสดงความคิดเห็น

นพ.มานิตย์ แสนมณีชัย สูติ-นรีแพทย์

ความปรารถนาของพ่อแม่อยากให้ลูกเติบโตสมวัย เฉลียวฉลาด มีพัฒนาการที่ดี อารมณ์แจ่มใสยิ้มง่าย ประกอบกับมีศีลธรรม นอกเหนือจากพันธุกรรมแล้วปัจจัยสำคัญช่วยพัฒนาศักยภาพของลูกน้อยตั้งแต่อยู่ ในครรภ์คือ การมอบโภชนาการที่ครบถ้วนสมดุล ล่าสุด เอส-26 มัมโกลด์ โฉมใหม่ มีโฟเลตต่อแก้ว 2.5 เท่าจากสูตรเดิม ร่วมกับ รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์ จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ“เอส-26 มัมโกลด์ 5 สัมผัสสร้างลูกฉลาดตั้งแต่ในครรภ์” ให้ว่าที่คุณพ่อ คุณแม่ 60 คู่ เพื่อแนะนำกระตุ้นการเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้แก่ สัมผัสทางกาย การมองเห็น การรับรส การได้ยิน และการรับกลิ่น เมื่อเร็ว ๆ นี้ที่ห้องประชุมออดิทอเรี่ยม ชั้น 7 รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์ ก่อนจัดครั้งต่อไปวันที่ 8 มิ.ย. รพ. กรุงเทพ พัทยา จ.ชลบุรี และวันที่ 20 ก.ค. รพ.เกษมราษฎร์ศรี บุรินทร์ จ.เชียงราย

คู่ว่าที่ คุณพ่อและคุณที่เข้าร่วม อบรมเชิงปฏิบัติการ“เอส-26 มัมโกลด์ 5 สัมผัสสร้างลูกฉลาดตั้งแต่ในครรภ์” นพ.มานิตย์ แสนมณีชัย สูติ-นรีแพทย์ เผยว่า แต่ละช่วงอายุครรภ์ตลอดระยะเวลา 40 สัปดาห์ นับเป็นช่วงเวลาที่มีความหมายต่อการพัฒนาศักยภาพสมองของลูก รวมทั้งการสร้างอวัยวะต่าง ๆ และการเจริญเติบโตของร่างกาย โดยปัจจัยสำคัญที่มีผลคืออาหารและสิ่งแวดล้อม ในแง่สารอาหารนอกจากโปรตีน คุณแม่จำเป็นต้องรับสารโฟเลตให้เพียงพอเพื่อช่วยในการสร้างหลอดเลือด ประสาทและสมองที่สมบูรณ์ รวมทั้งมีหน้าที่สำคัญในกระบวนการสร้างดีเอ็นเอและเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกาย ระหว่างตั้งครรภ์มารดาต้องการโฟเลตปริมาณเพิ่มขึ้นก่อนตั้งครรภ์ถึงร้อยละ 50 คือจาก 400 ไมโคร กรัม เพิ่มเป็น 600-1,000 ไมโครกรัมต่อวัน ลดความเสี่ยงพิการทางสมองในครรภ์ เช่น ภาวะหลอดประสาทไม่ปิด ปากแหว่งเพดานโหว่ และโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดบางชนิด เป็นต้น

สมองคือต้นทุนสำคัญของชีวิต ดังนั้นการกระตุ้นสัมผัสทั้ง 5 คุณพ่อคุณแม่ต้องร่วมมือกันถ่ายทอดความรักความผูกพันไปสู่ทารกในครรภ์ เมื่อทารกอายุ 2 เดือน เริ่มกระตุ้นสัมผัสทางกาย ด้วยการลูบเบา ๆ ที่หน้าท้องคุณแม่ แม้ทารกยังเป็นตัวอ่อนอยู่มากแต่เริ่มรับรู้ เข้าเดือนที่ 4-5 ทารกเริ่ม ได้ยินเสียง ควรพูดคุยกับลูก เล่านิทาน หรือเปิดเพลงทำนองสบาย ๆ ให้ฟังเพื่อกระตุ้นพัฒนาการ การได้ยิน ในเดือนที่ 6-7 มีพัฒนา การรับรสและการมองเห็น ทารกจะลืมตารับรู้แสงสว่างจากภายนอก ตอบสนองด้วยการดิ้น และเมื่ออายุครรภ์ 9 เดือนพัฒนาการ ได้รับกลิ่น แม้ทำงานไม่ชัดเจนนัก การใช้น้ำมันอโรมากลิ่นหอมอ่อน ๆ นอกจากช่วยให้คุณแม่ผ่อนคลายแล้วยังสามารถ กระตุ้นการรับกลิ่นของทารกในครรภ์ได้

ว่าที่คุณพ่อและคุณแม่ที่เข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการ“เอส-26 มัมโกลด์ 5 สัมผัสสร้างลูกฉลาดตั้งแต่ในครรภ์” ในโอกาสนี้ว่าที่คุณพ่อมือใหม่ นพ.หฤษฎ์ ตู้ จินดา พาภรรยาว่าที่คุณแม่มือใหม่ ปฐมา ตู้จินดา อายุครรภ์ 32 สัปดาห์ มาร่วมอบรมเผยว่า นอกจากใส่ใจกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ดื่มนมวันละ 2 แก้ว และดื่มน้ำวันละ 2 ลิตร เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมอาหารต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ยังใส่ใจกระตุ้นประสาทลูกน้อย โดยก่อนนอนให้ฟังเพลงสบาย ๆ อ่านนิทานและคุยกับลูกทุกวัน ทุกครั้งบอกว่าเสียงนี้คือแม่ เสียงนี้คือพ่อ เพื่อให้ลูกคุ้นเคยตั้งแต่อยู่ในท้อง วันนี้ได้รับความรู้ใหม่กระตุ้นด้านการมองเห็นด้วยการนำไฟฉายมาส่องกะพริบ ๆ เป็นการกระตุ้นให้ลูกกะพริบตา ตอบสนองต่อแสงไฟและช่วยให้เซลล์สมองตลอดจนเส้นประสาทส่วนรับภาพและการมอง เห็น จะนำกลับไปลองเล่นกับลูก เพราะปกติใช้เพียงมือลูบท้องหรือร้องเพลงกับเขา มักมีปฏิกิริยาตอบกลับทั้งเตะและถีบเสมอ.

ขอบคุณ... http://www.dailynews.co.th/society/206051 (ขนาดไฟล์: 167)

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 22 พ.ค.56
วันที่โพสต์: 23/05/2556 เวลา 02:56:37 ดูภาพสไลด์โชว์ ไขปริศนา 5 สัมผัส สร้างเด็กอัจฉริยะตั้งแต่ในครรภ์

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

นพ.มานิตย์ แสนมณีชัย สูติ-นรีแพทย์ ความปรารถนาของพ่อแม่อยากให้ลูกเติบโตสมวัย เฉลียวฉลาด มีพัฒนาการที่ดี อารมณ์แจ่มใสยิ้มง่าย ประกอบกับมีศีลธรรม นอกเหนือจากพันธุกรรมแล้วปัจจัยสำคัญช่วยพัฒนาศักยภาพของลูกน้อยตั้งแต่อยู่ ในครรภ์คือ การมอบโภชนาการที่ครบถ้วนสมดุล ล่าสุด เอส-26 มัมโกลด์ โฉมใหม่ มีโฟเลตต่อแก้ว 2.5 เท่าจากสูตรเดิม ร่วมกับ รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์ จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ“เอส-26 มัมโกลด์ 5 สัมผัสสร้างลูกฉลาดตั้งแต่ในครรภ์” ให้ว่าที่คุณพ่อ คุณแม่ 60 คู่ เพื่อแนะนำกระตุ้นการเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้แก่ สัมผัสทางกาย การมองเห็น การรับรส การได้ยิน และการรับกลิ่น เมื่อเร็ว ๆ นี้ที่ห้องประชุมออดิทอเรี่ยม ชั้น 7 รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์ ก่อนจัดครั้งต่อไปวันที่ 8 มิ.ย. รพ. กรุงเทพ พัทยา จ.ชลบุรี และวันที่ 20 ก.ค. รพ.เกษมราษฎร์ศรี บุรินทร์ จ.เชียงราย คู่ว่าที่ คุณพ่อและคุณที่เข้าร่วม อบรมเชิงปฏิบัติการ“เอส-26 มัมโกลด์ 5 สัมผัสสร้างลูกฉลาดตั้งแต่ในครรภ์”นพ.มานิตย์ แสนมณีชัย สูติ-นรีแพทย์ เผยว่า แต่ละช่วงอายุครรภ์ตลอดระยะเวลา 40 สัปดาห์ นับเป็นช่วงเวลาที่มีความหมายต่อการพัฒนาศักยภาพสมองของลูก รวมทั้งการสร้างอวัยวะต่าง ๆ และการเจริญเติบโตของร่างกาย โดยปัจจัยสำคัญที่มีผลคืออาหารและสิ่งแวดล้อม ในแง่สารอาหารนอกจากโปรตีน คุณแม่จำเป็นต้องรับสารโฟเลตให้เพียงพอเพื่อช่วยในการสร้างหลอดเลือด ประสาทและสมองที่สมบูรณ์ รวมทั้งมีหน้าที่สำคัญในกระบวนการสร้างดีเอ็นเอและเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกาย ระหว่างตั้งครรภ์มารดาต้องการโฟเลตปริมาณเพิ่มขึ้นก่อนตั้งครรภ์ถึงร้อยละ 50 คือจาก 400 ไมโคร กรัม เพิ่มเป็น 600-1,000 ไมโครกรัมต่อวัน ลดความเสี่ยงพิการทางสมองในครรภ์ เช่น ภาวะหลอดประสาทไม่ปิด ปากแหว่งเพดานโหว่ และโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดบางชนิด เป็นต้น สมองคือต้นทุนสำคัญของชีวิต ดังนั้นการกระตุ้นสัมผัสทั้ง 5 คุณพ่อคุณแม่ต้องร่วมมือกันถ่ายทอดความรักความผูกพันไปสู่ทารกในครรภ์ เมื่อทารกอายุ 2 เดือน เริ่มกระตุ้นสัมผัสทางกาย ด้วยการลูบเบา ๆ ที่หน้าท้องคุณแม่ แม้ทารกยังเป็นตัวอ่อนอยู่มากแต่เริ่มรับรู้ เข้าเดือนที่ 4-5 ทารกเริ่ม ได้ยินเสียง ควรพูดคุยกับลูก เล่านิทาน หรือเปิดเพลงทำนองสบาย ๆ ให้ฟังเพื่อกระตุ้นพัฒนาการ การได้ยิน ในเดือนที่ 6-7 มีพัฒนา การรับรสและการมองเห็น ทารกจะลืมตารับรู้แสงสว่างจากภายนอก ตอบสนองด้วยการดิ้น และเมื่ออายุครรภ์ 9 เดือนพัฒนาการ ได้รับกลิ่น แม้ทำงานไม่ชัดเจนนัก การใช้น้ำมันอโรมากลิ่นหอมอ่อน ๆ นอกจากช่วยให้คุณแม่ผ่อนคลายแล้วยังสามารถ กระตุ้นการรับกลิ่นของทารกในครรภ์ได้ ว่าที่คุณพ่อและคุณแม่ที่เข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการ“เอส-26 มัมโกลด์ 5 สัมผัสสร้างลูกฉลาดตั้งแต่ในครรภ์”ในโอกาสนี้ว่าที่คุณพ่อมือใหม่ นพ.หฤษฎ์ ตู้ จินดา พาภรรยาว่าที่คุณแม่มือใหม่ ปฐมา ตู้จินดา อายุครรภ์ 32 สัปดาห์ มาร่วมอบรมเผยว่า นอกจากใส่ใจกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ดื่มนมวันละ 2 แก้ว และดื่มน้ำวันละ 2 ลิตร เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมอาหารต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ยังใส่ใจกระตุ้นประสาทลูกน้อย โดยก่อนนอนให้ฟังเพลงสบาย ๆ อ่านนิทานและคุยกับลูกทุกวัน ทุกครั้งบอกว่าเสียงนี้คือแม่ เสียงนี้คือพ่อ เพื่อให้ลูกคุ้นเคยตั้งแต่อยู่ในท้อง วันนี้ได้รับความรู้ใหม่กระตุ้นด้านการมองเห็นด้วยการนำไฟฉายมาส่องกะพริบ ๆ เป็นการกระตุ้นให้ลูกกะพริบตา ตอบสนองต่อแสงไฟและช่วยให้เซลล์สมองตลอดจนเส้นประสาทส่วนรับภาพและการมอง เห็น จะนำกลับไปลองเล่นกับลูก เพราะปกติใช้เพียงมือลูบท้องหรือร้องเพลงกับเขา มักมีปฏิกิริยาตอบกลับทั้งเตะและถีบเสมอ. ขอบคุณ... http://www.dailynews.co.th/society/206051

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...