สสส.เปิดเวที “สร้างประเทศไทยให้น่าอยู่”
สสส.เปิดเวที “สานงาน เสริมพลัง ร่วมสร้างประเทศไทยให้น่าอยู่” ครบรอบ 12 ปี คึกคัก ภาคีสร้างเสริมสุขภาพกว่า 3,000 คน ตบเท้าร่วมแสดงพลัง รับทศวรรษที่ 2 หมอประเวศ ชู สสส. ต้นแบบองค์กรนวัตกรรมทางสังคม เปิดพื้นที่ทางสังคมและปัญญา ช่วยสร้างสังคมให้เข้มแข็ง
วันที่ 28 พ.ค. ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับภาคีเครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพ กว่า 300 องค์กร จัดเวที “สานงาน เสริมพลัง ร่วมสร้างประเทศไทยให้น่าอยู่” ในระหว่างวันที่ 28-29 พ.ค.นี้ ในโอกาสการดำเนินงานของ สสส. ครบรอบ 12 ปี โดยมีผู้ร่วมงานจากภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา นักวิชาการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชน กว่า 3,000 คน
ศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส กล่าวตอนหนึ่งในการปาฐกถานำเรื่อง “นวัตกรรมทางสังคมกับการพัฒนาประเทศ” ว่า การทำงานของ สสส. ใน 12 ปี ที่ผ่านมาเป็นการสร้างเครื่องมือที่เป็นต้นแบบนวัตกรรมทางสังคม ทำให้เกิดพื้นที่ทางสังคมและพื้นที่ทางปัญญาอย่างกว้างขวาง และสามารถแก้ไขการบริหารแบบแนวดิ่ง ซึ่งสังคมเข้มแข็ง จะเป็นตัวนำให้การเมืองดี ศีลธรรมดี และเศรษฐกิจดี โดยไม่ว่าจะเป็นอำนาจอะไร เช่น อำนาจทางการเมือง ถ้าอยู่ท่ามกลางสังคมที่เข้มแข็ง มีความเป็นพลเมืองสูง อำนาจก็จะถูกตรวจสอบ ทำตามอำเภอใจไม่ได้ ต้องอยู่ในร่องในรอย สังคมเข้มแข็งจึงเป็นปัจจัยให้การเมืองดี ศีลธรรมดี และเศรษฐกิจดี
“การปล่อยให้สังคมอ่อนแอ ผู้คนขาดจิตสำนึกแห่งความเป็นพลเมือง ตัวใครตัวมัน อำนาจต่างๆ ในสังคมก็จะไม่ถูกตรวจสอบ และสามารถทำตามอำเภอใจได้มาก การเมืองจึงไม่ดี ศีลธรรมจึงไม่ดี เศรษฐกิจจึงไม่ดี เมื่อปัจจัยชี้ขาดอนาคตของการพัฒนาประเทศอยู่ที่สังคมเข้มแข็ง นวัตกรรมทางสังคม จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะสังคมที่เข้มแข็งจะสามารถขับเคลื่อนเรื่องที่ทำได้ยากไปได้ และกระบวนการเรียนรู้ที่ผู้คนร่วมคิดร่วมทำด้วยกันก็จะพาให้สังคมนั้นดี ขึ้น” ศ.นพ.ประเวศกล่าว
ด้าน ศ.นพ.ไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์ ประธานกรรมการประเมินผลการดำเนินงาน สสส. กล่าวในการอภิปรายเรื่อง “เรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง บนฐานของการติดตามประเมินผล 1 ทศวรรษของ สสส.” ว่า การทำงานของ สสส.ตลอดเวลาที่ผ่านมามีจุดประสงค์ที่จะสร้างวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพให้ ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยมีแผนการดำเนินงาน โครงการ และกิจกรรมต่างๆ ด้วยความหลากหลายทั้งพื้นที่ กลุ่มอายุ ทำให้เกิดพหุภาคี ชุมชน และองค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน
ศ.นพ.ไกรสิทธิ์ กล่าวว่า การทำงานของ สสส. ที่ประสบผลสำเร็จและส่งผลกระทบต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชนอย่างสูง อาทิ การลดลงของอัตราการสูบบุหรี่ การดื่มสุรา และการเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงกิจกรรมต่างๆ อีกมากที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ด้านสุขภาวะสังคม เช่น ด้านการศึกษา การสื่อสารสาธารณะ และการคุ้มครองผู้บริโภค อีกทั้งยังเป็นต้นแบบสำหรับเครือข่ายการทำงานด้านการสร้างเสริมสุขภาพทั้งใน และนอกประเทศ ทั้งนี้ การประเมินผลการทำงานถือเป็นเรื่องสำคัญเพื่อทำให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนา ไปสู่การทำงานที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้การประเมินผลและการพัฒนาศักยภาพจะผลักดันให้ สสส. ก้าวไปข้างหน้าด้วยกระบวนการที่โปร่งใสและรับผิดชอบ
ทั้งนี้ ภายในงานจะมีเวทีการแสดงทรรศนะของนักวิชาการสาธารณสุขทั้งไทย และต่างชาติ การเสวนาวิชาการห้องย่อยรวม 22 ห้อง และตลาดนัดแห่งแรงบันดาลใจ หรือ Market Place จากภาคีเครือข่ายกว่า 300 องค์กร อาทิ ห้องเรียนความมืด เพื่อให้คนทั่วไปได้เรียนรู้และเข้าใจการใช้ชีวิตของผู้พิการทางสายตา, โรงภาพยนตร์แห่งแรงบันดาลใจ ถ่ายทอดเรื่องราวทางสังคมจากคนทุกกลุ่ม โดยพิธีกรจากรายการสารคดีข่าว อาทิ คนค้นฅน ข่าวสามมิติ วิตามินข่าว เป็นต้น และถนนแห่งนิทรรศการ รวบรวมผลงานเด่นที่ขับเคลื่อนสังคมอย่างเป็นรูปธรรมและทำได้จริงจาก สสส. และภาคีเครือข่าย
ขอบคุณ… http://www.banmuang.co.th/2013/05/สสส-เปิดเวที-สร้างประเทศ/
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
การอภิปรายบนเวทีสานงาน เสริมพลัง ร่วมสร้างประเทศไทยให้น่าอยู่ สสส.เปิดเวที “สานงาน เสริมพลัง ร่วมสร้างประเทศไทยให้น่าอยู่” ครบรอบ 12 ปี คึกคัก ภาคีสร้างเสริมสุขภาพกว่า 3,000 คน ตบเท้าร่วมแสดงพลัง รับทศวรรษที่ 2 หมอประเวศ ชู สสส. ต้นแบบองค์กรนวัตกรรมทางสังคม เปิดพื้นที่ทางสังคมและปัญญา ช่วยสร้างสังคมให้เข้มแข็ง วันที่ 28 พ.ค. ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับภาคีเครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพ กว่า 300 องค์กร จัดเวที “สานงาน เสริมพลัง ร่วมสร้างประเทศไทยให้น่าอยู่” ในระหว่างวันที่ 28-29 พ.ค.นี้ ในโอกาสการดำเนินงานของ สสส. ครบรอบ 12 ปี โดยมีผู้ร่วมงานจากภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา นักวิชาการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชน กว่า 3,000 คน ศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส กล่าวตอนหนึ่งในการปาฐกถานำเรื่อง “นวัตกรรมทางสังคมกับการพัฒนาประเทศ” ว่า การทำงานของ สสส. ใน 12 ปี ที่ผ่านมาเป็นการสร้างเครื่องมือที่เป็นต้นแบบนวัตกรรมทางสังคม ทำให้เกิดพื้นที่ทางสังคมและพื้นที่ทางปัญญาอย่างกว้างขวาง และสามารถแก้ไขการบริหารแบบแนวดิ่ง ซึ่งสังคมเข้มแข็ง จะเป็นตัวนำให้การเมืองดี ศีลธรรมดี และเศรษฐกิจดี โดยไม่ว่าจะเป็นอำนาจอะไร เช่น อำนาจทางการเมือง ถ้าอยู่ท่ามกลางสังคมที่เข้มแข็ง มีความเป็นพลเมืองสูง อำนาจก็จะถูกตรวจสอบ ทำตามอำเภอใจไม่ได้ ต้องอยู่ในร่องในรอย สังคมเข้มแข็งจึงเป็นปัจจัยให้การเมืองดี ศีลธรรมดี และเศรษฐกิจดี “การปล่อยให้สังคมอ่อนแอ ผู้คนขาดจิตสำนึกแห่งความเป็นพลเมือง ตัวใครตัวมัน อำนาจต่างๆ ในสังคมก็จะไม่ถูกตรวจสอบ และสามารถทำตามอำเภอใจได้มาก การเมืองจึงไม่ดี ศีลธรรมจึงไม่ดี เศรษฐกิจจึงไม่ดี เมื่อปัจจัยชี้ขาดอนาคตของการพัฒนาประเทศอยู่ที่สังคมเข้มแข็ง นวัตกรรมทางสังคม จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะสังคมที่เข้มแข็งจะสามารถขับเคลื่อนเรื่องที่ทำได้ยากไปได้ และกระบวนการเรียนรู้ที่ผู้คนร่วมคิดร่วมทำด้วยกันก็จะพาให้สังคมนั้นดี ขึ้น” ศ.นพ.ประเวศกล่าว ด้าน ศ.นพ.ไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์ ประธานกรรมการประเมินผลการดำเนินงาน สสส. กล่าวในการอภิปรายเรื่อง “เรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง บนฐานของการติดตามประเมินผล 1 ทศวรรษของ สสส.” ว่า การทำงานของ สสส.ตลอดเวลาที่ผ่านมามีจุดประสงค์ที่จะสร้างวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพให้ ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยมีแผนการดำเนินงาน โครงการ และกิจกรรมต่างๆ ด้วยความหลากหลายทั้งพื้นที่ กลุ่มอายุ ทำให้เกิดพหุภาคี ชุมชน และองค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน ศ.นพ.ไกรสิทธิ์ กล่าวว่า การทำงานของ สสส. ที่ประสบผลสำเร็จและส่งผลกระทบต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชนอย่างสูง อาทิ การลดลงของอัตราการสูบบุหรี่ การดื่มสุรา และการเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงกิจกรรมต่างๆ อีกมากที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ด้านสุขภาวะสังคม เช่น ด้านการศึกษา การสื่อสารสาธารณะ และการคุ้มครองผู้บริโภค อีกทั้งยังเป็นต้นแบบสำหรับเครือข่ายการทำงานด้านการสร้างเสริมสุขภาพทั้งใน และนอกประเทศ ทั้งนี้ การประเมินผลการทำงานถือเป็นเรื่องสำคัญเพื่อทำให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนา ไปสู่การทำงานที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้การประเมินผลและการพัฒนาศักยภาพจะผลักดันให้ สสส. ก้าวไปข้างหน้าด้วยกระบวนการที่โปร่งใสและรับผิดชอบ ทั้งนี้ ภายในงานจะมีเวทีการแสดงทรรศนะของนักวิชาการสาธารณสุขทั้งไทย และต่างชาติ การเสวนาวิชาการห้องย่อยรวม 22 ห้อง และตลาดนัดแห่งแรงบันดาลใจ หรือ Market Place จากภาคีเครือข่ายกว่า 300 องค์กร อาทิ ห้องเรียนความมืด เพื่อให้คนทั่วไปได้เรียนรู้และเข้าใจการใช้ชีวิตของผู้พิการทางสายตา, โรงภาพยนตร์แห่งแรงบันดาลใจ ถ่ายทอดเรื่องราวทางสังคมจากคนทุกกลุ่ม โดยพิธีกรจากรายการสารคดีข่าว อาทิ คนค้นฅน ข่าวสามมิติ วิตามินข่าว เป็นต้น และถนนแห่งนิทรรศการ รวบรวมผลงานเด่นที่ขับเคลื่อนสังคมอย่างเป็นรูปธรรมและทำได้จริงจาก สสส. และภาคีเครือข่าย ขอบคุณ… http://www.banmuang.co.th/2013/05/สสส-เปิดเวที-สร้างประเทศ/
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)