มหัศจรรย์ความรัก "เมื่อฉันมีลูกพิการ"
"วินาทีแรกที่รู้ว่าลูกเป็นเด็กพิเศษ หัวใจสำคัญคือการให้กำลังใจตัวเอง ครอบครัว ร่วมให้กำลังใจซึ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดเพราะถ้าเราไม่มีกำลังใจยืนหยัดต่อสู้เราจะไม่มีแรงมากพอในการช่วยเหลือลูก"
คำกล่าวของแม่นก แม่ผู้มีหัวใจนักสู้ให้กับน้อง "ลูกหิน" ลูกชายที่ป่วยพิการด้วยโรคหินปูนเกาะสมอง พร้อมกล่าวต่อว่าการมีลูกพิการทำให้ได้เรียนรู้ถึงความอดทนของจิตใจตัวเอง ที่อ่อนแออดทนต่อความยากลำบากที่ต้องเลี้ยงลูกที่ไม่ปกติเหมือนคนอื่น
ศูนย์การเรียนรู้บ้านแม่นก ร่วมกับมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว และสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชนและครอบครัว สสส. จัดเสวนาและเปิดตัวหนังสือเรื่อง "มหัศจรรย์ เมื่อฉันมีลูกพิการ" เปลี่ยน...ความพิการเป็น...ความพิเศษ ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี โดยมีคุณแม่หัวใจแกร่ง "แม่นก" นางเสาวภา ธีระปรีชากุล ประธานศูนย์การเรียนรู้บ้านแม่นก ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ความรักที่ยิ่งใหญ่ของ "แม่" ที่มีลูกพิการ พร้อมด้วย
รศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ผอ.ศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก เพื่อแบ่งปันความรู้ให้คุณแม่ที่มีลูกพิการนำไปปรับใช้กับลูกของตนเอง รศ.นพ.อดิ ศักดิ์แนะแนวทางการดูแลเด็กพิการให้มีสุขภาพทางกายและใจที่ดี สามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขว่า ลำพังการรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพโดย โรงพยาบาลอย่างเดียวไม่เพียงพอ จึงต้องมีหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือและประสานงานเข้าด้วยกัน ทั้งแนวทางทฤษฎีและปฏิบัติ เชื่อมโยงให้เด็กพิการมีส่วนร่วมในสังคม ทำให้ครอบครัวแข็งแกร่งมีความยั่งยืนยิ่งขึ้น
แม่นก เสาวภา กล่าวว่า การจะเลี้ยงลูกพิการให้รอดได้ สิ่งแรกพ่อแม่ต้องยอมรับความจริงและพร้อมที่จะพัฒนา ความเป็นแม่ที่มีลูกพิการทางสมองระดับ 5 คือไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ตลอดชีวิต เป็นเรื่องที่ยากมากในการดูแลเด็กพิการทางสมอง ซึ่งจะมีอาการและโรคแทรกซ้อนเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และด้วยความรักลูกมาก จะทำอย่างไรให้ลูกอยู่รอดอย่างปลอดภัยและมีความสุข ให้ลูกมีความทุกข์น้อยที่สุด เมื่อเรามีลูกพิการซึ่งขอเรียกว่า"เด็กพิเศษ"เราจึงต้องเลี้ยงดูเขาเป็นพิเศษด้วยการมอบความรักให้เต็มที่
แม่นกกล่าวต่อว่า ถึงวันนี้ศูนย์การเรียนรู้บ้านแม่นกช่วยอบรมครอบครัวที่มีลูกพิการทางสมอง แล้วกว่า 60 ครอบครัว มีสมาชิก 12 ครอบครัว อาสาสมัคร 10 คน และกำลังสร้างอาสาสมัครเพื่อช่วยเหลือเด็กพิการรุนแรง เพราะตระหนักดีว่าในวันนี้ที่พ่อแม่ยังแข็งแรง สามารถเลี้ยงลูกได้ แต่ถ้าวันหนึ่งพ่อแม่แก่ เจ็บ และตายไป ใครจะเลี้ยงลูก ซึ่งได้รับความช่วยเหลืออย่างดีจากภาคเอกชน องค์กรหน่วยงานที่มีน้ำใจ เช่น องค์กรคาร่า ประเทศออสเตรเลีย ที่มาช่วยสร้างอาสาสมัครในประเทศไทยให้เป็นมืออาชีพอย่างปลอดภัย การจัดค่ายเรียนรู้ศาสตร์โดสะโฮกับวิทยากรญี่ปุ่น เพื่อฝึกให้เด็กช่วยเหลือตนเองได้
รวมถึงการจัดพิมพ์หนังสือ "มหัศจรรย์ เมื่อฉันมีลูกพิการ" ซึ่งได้รับการอนุเคราะห์จากโรงพิมพ์ บริษัท จีแอลโอ เมนโน่ จำกัด จำนวน 2,000 เล่ม แจกฟรีให้กับแม่ที่มีลูกพิการทางสมอง รวมถึงผู้ที่ต้องการเป็นอาสาสมัครทั่วประเทศ ติดต่อขอรับหนังสือได้ที่ศูนย์การเรียนรู้บ้านแม่นก โทร.08-1432-7801 และมูลนิธิเครือข่ายครอบครัวฐาณิชชาลิ้มพานิช08-9481-0972
สำหรับ เนื้อหาในหนังสือ "มหัศจรรย์ เมื่อฉันมีลูกพิการ" เกิดจากการนำความรู้และประสบการณ์ทั้งหมดของแม่นกและแม่คนอื่นๆ ในศูนย์การเรียนรู้บ้านแม่นก กว่า 10 ปี จาก 12 ครอบครัวที่มีลูกเป็นเด็กพิการ รวมเข้าด้วยกัน เนื้อหาสาระสำคัญ อาทิ ทำใจอย่างไร...วินาทีแรกที่รู้ว่าลูกเป็นเด็กพิเศษ, ถ้าเรามีลูกพิการทางสมอง ต้องเรียนรู้อะไรบ้าง, หัวใจสำคัญของการ มีลูกพิการ, สำลัก...ปัญหายอดฮิตของเด็กพิเศษ,กายภาพถึง..ลูกก็สบายฯลฯ
แม่นก กล่าวว่า "อยากให้กำลังใจคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเป็นเด็กพิเศษทุกคน เพราะหัวใจสำคัญของการดูแลเด็กพิเศษคือครอบครัว พ่อแม่ของเด็กพิเศษต้องมีความสามารถพิเศษ เป็นทั้งครู นักจัดการ นักปฐมพยาบาล และอื่นๆ อีกมากมายเพื่อการอยู่รอดของลูก เพราะลูกคือสิ่งมีค่าที่สุดของพ่อแม่ แม้ลูกพิการทางกายแต่ใจหนูไม่พิการ เราจึงรวมตัวกันสู้เพื่อลูกทำให้ลูกมีความสุขและเป็นเด็กโชคดีที่สุดในโลกที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อกับแม่"
"หัวใจสำคัญอีกประการหนึ่งเพื่อต้องการปรับความคิดเปลี่ยนทัศนคติใหม่ อย่ามองว่าการมีลูกเป็นเด็กพิการคือปัญหา หยุดความทุกข์ ความเศร้าและอายที่มีลูกพิการ แต่จงมองว่า เขาคือ "เด็กพิเศษ" ที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ"
ขอบคุณ... http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROc1lXUXdNVE14TVRBMU5nPT0= (ขนาดไฟล์: 167)
ข่าวสดออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 31 ต.ค.56
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
บรรยากาศผู้เข้าร่วมงานเสวนาและเปิดตัวหนังสือเรื่อง \"มหัศจรรย์ เมื่อฉันมีลูกพิการ\" เปลี่ยน...ความพิการเป็น...ความพิเศษ ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี "วินาทีแรกที่รู้ว่าลูกเป็นเด็กพิเศษ หัวใจสำคัญคือการให้กำลังใจตัวเอง ครอบครัว ร่วมให้กำลังใจซึ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดเพราะถ้าเราไม่มีกำลังใจยืนหยัดต่อสู้เราจะไม่มีแรงมากพอในการช่วยเหลือลูก" คำกล่าวของแม่นก แม่ผู้มีหัวใจนักสู้ให้กับน้อง "ลูกหิน" ลูกชายที่ป่วยพิการด้วยโรคหินปูนเกาะสมอง พร้อมกล่าวต่อว่าการมีลูกพิการทำให้ได้เรียนรู้ถึงความอดทนของจิตใจตัวเอง ที่อ่อนแออดทนต่อความยากลำบากที่ต้องเลี้ยงลูกที่ไม่ปกติเหมือนคนอื่น ศูนย์การเรียนรู้บ้านแม่นก ร่วมกับมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว และสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชนและครอบครัว สสส. จัดเสวนาและเปิดตัวหนังสือเรื่อง "มหัศจรรย์ เมื่อฉันมีลูกพิการ" เปลี่ยน...ความพิการเป็น...ความพิเศษ ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี โดยมีคุณแม่หัวใจแกร่ง "แม่นก" นางเสาวภา ธีระปรีชากุล ประธานศูนย์การเรียนรู้บ้านแม่นก ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ความรักที่ยิ่งใหญ่ของ "แม่" ที่มีลูกพิการ พร้อมด้วย รศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ผอ.ศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก เพื่อแบ่งปันความรู้ให้คุณแม่ที่มีลูกพิการนำไปปรับใช้กับลูกของตนเอง รศ.นพ.อดิ ศักดิ์แนะแนวทางการดูแลเด็กพิการให้มีสุขภาพทางกายและใจที่ดี สามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขว่า ลำพังการรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพโดย โรงพยาบาลอย่างเดียวไม่เพียงพอ จึงต้องมีหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือและประสานงานเข้าด้วยกัน ทั้งแนวทางทฤษฎีและปฏิบัติ เชื่อมโยงให้เด็กพิการมีส่วนร่วมในสังคม ทำให้ครอบครัวแข็งแกร่งมีความยั่งยืนยิ่งขึ้น แม่นก เสาวภา กล่าวว่า การจะเลี้ยงลูกพิการให้รอดได้ สิ่งแรกพ่อแม่ต้องยอมรับความจริงและพร้อมที่จะพัฒนา ความเป็นแม่ที่มีลูกพิการทางสมองระดับ 5 คือไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ตลอดชีวิต เป็นเรื่องที่ยากมากในการดูแลเด็กพิการทางสมอง ซึ่งจะมีอาการและโรคแทรกซ้อนเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และด้วยความรักลูกมาก จะทำอย่างไรให้ลูกอยู่รอดอย่างปลอดภัยและมีความสุข ให้ลูกมีความทุกข์น้อยที่สุด เมื่อเรามีลูกพิการซึ่งขอเรียกว่า"เด็กพิเศษ"เราจึงต้องเลี้ยงดูเขาเป็นพิเศษด้วยการมอบความรักให้เต็มที่ แม่นกกล่าวต่อว่า ถึงวันนี้ศูนย์การเรียนรู้บ้านแม่นกช่วยอบรมครอบครัวที่มีลูกพิการทางสมอง แล้วกว่า 60 ครอบครัว มีสมาชิก 12 ครอบครัว อาสาสมัคร 10 คน และกำลังสร้างอาสาสมัครเพื่อช่วยเหลือเด็กพิการรุนแรง เพราะตระหนักดีว่าในวันนี้ที่พ่อแม่ยังแข็งแรง สามารถเลี้ยงลูกได้ แต่ถ้าวันหนึ่งพ่อแม่แก่ เจ็บ และตายไป ใครจะเลี้ยงลูก ซึ่งได้รับความช่วยเหลืออย่างดีจากภาคเอกชน องค์กรหน่วยงานที่มีน้ำใจ เช่น องค์กรคาร่า ประเทศออสเตรเลีย ที่มาช่วยสร้างอาสาสมัครในประเทศไทยให้เป็นมืออาชีพอย่างปลอดภัย การจัดค่ายเรียนรู้ศาสตร์โดสะโฮกับวิทยากรญี่ปุ่น เพื่อฝึกให้เด็กช่วยเหลือตนเองได้ บรรยากาศผู้เข้าร่วมงานเสวนาและเปิดตัวหนังสือเรื่อง \"มหัศจรรย์ เมื่อฉันมีลูกพิการ\" เปลี่ยน...ความพิการเป็น...ความพิเศษ ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี รวมถึงการจัดพิมพ์หนังสือ "มหัศจรรย์ เมื่อฉันมีลูกพิการ" ซึ่งได้รับการอนุเคราะห์จากโรงพิมพ์ บริษัท จีแอลโอ เมนโน่ จำกัด จำนวน 2,000 เล่ม แจกฟรีให้กับแม่ที่มีลูกพิการทางสมอง รวมถึงผู้ที่ต้องการเป็นอาสาสมัครทั่วประเทศ ติดต่อขอรับหนังสือได้ที่ศูนย์การเรียนรู้บ้านแม่นก โทร.08-1432-7801 และมูลนิธิเครือข่ายครอบครัวฐาณิชชาลิ้มพานิช08-9481-0972 สำหรับ เนื้อหาในหนังสือ "มหัศจรรย์ เมื่อฉันมีลูกพิการ" เกิดจากการนำความรู้และประสบการณ์ทั้งหมดของแม่นกและแม่คนอื่นๆ ในศูนย์การเรียนรู้บ้านแม่นก กว่า 10 ปี จาก 12 ครอบครัวที่มีลูกเป็นเด็กพิการ รวมเข้าด้วยกัน เนื้อหาสาระสำคัญ อาทิ ทำใจอย่างไร...วินาทีแรกที่รู้ว่าลูกเป็นเด็กพิเศษ, ถ้าเรามีลูกพิการทางสมอง ต้องเรียนรู้อะไรบ้าง, หัวใจสำคัญของการ มีลูกพิการ, สำลัก...ปัญหายอดฮิตของเด็กพิเศษ,กายภาพถึง..ลูกก็สบายฯลฯ แม่นก กล่าวว่า "อยากให้กำลังใจคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเป็นเด็กพิเศษทุกคน เพราะหัวใจสำคัญของการดูแลเด็กพิเศษคือครอบครัว พ่อแม่ของเด็กพิเศษต้องมีความสามารถพิเศษ เป็นทั้งครู นักจัดการ นักปฐมพยาบาล และอื่นๆ อีกมากมายเพื่อการอยู่รอดของลูก เพราะลูกคือสิ่งมีค่าที่สุดของพ่อแม่ แม้ลูกพิการทางกายแต่ใจหนูไม่พิการ เราจึงรวมตัวกันสู้เพื่อลูกทำให้ลูกมีความสุขและเป็นเด็กโชคดีที่สุดในโลกที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อกับแม่" "หัวใจสำคัญอีกประการหนึ่งเพื่อต้องการปรับความคิดเปลี่ยนทัศนคติใหม่ อย่ามองว่าการมีลูกเป็นเด็กพิการคือปัญหา หยุดความทุกข์ ความเศร้าและอายที่มีลูกพิการ แต่จงมองว่า เขาคือ "เด็กพิเศษ" ที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ" ขอบคุณ... http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROc1lXUXdNVE14TVRBMU5nPT0= ข่าวสดออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 31 ต.ค.56
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)