บอร์ด สปสช.จัดงบ 49 ล้านบาท ดูแล “ผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรังในชุมชน” ลดขาดยา ลดตีตรา
บอร์ด สปสช. จัดสรรงบ 49.8 ล้านบาท ดูแล “ผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรังในชุมชน” ในปี 60 ติดตามดูแลแบบถึงบ้านและชุมชน ลดการขาดนัด ขาดยา ประเมินความเสี่ยงอาการกำเริบ ปรับทัศนคติคนในชุมชน ลดการตีตรายกคุณภาพชีวิตผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรัง
นพ.ชูชัย ศรชำนิ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า โรคทางจิตเวชเป็นโรคเรื้อรังที่ไม่หายขาดอาจมีอาการกำเริบซ้ำได้บ่อย จึงต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างต่อเนื่อง ในจำนวนนี้มีผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรังส่วนหนึ่งที่เมื่อมีภาวะอาการคงที่ สามารถใช้ชีวิตอยู่ในชุมชนได้ตามปกติ เพียงแต่ต้องดูแลไม่ให้ขาดยาเป็นอันขาด โดยมีครอบครัวและชุมชน ซึ่งเป็นคนรอบข้างต้องช่วยกันดูแลเพื่อให้ผู้ป่วยมีชีวิตปกติได้ ทั้งนี้ บอร์ด สปสช. ได้อนุมัติสิทธิประโยชน์เพื่อดูแลผู้ป่วยกลุ่มนี้อย่างต่อเนื่อง ทั้งในหน่วยบริการและการดูแลต่อเนื่องถึงที่บ้านและในชุมชน ผ่านการพัฒนาเครือข่ายบริการจิตเวชระหว่างหน่วยบริการรับส่งต่อ และหน่วยบริการประจำ ตลอดจนเครือข่ายปฐมภูมิ เพื่อลดอาการกำเริบ หรือการกลับเป็นซ้ำของผู้ป่วย ผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรังจะได้รับการเฝ้าระวังติดตามอาการ ดูแลอย่างต่อเนื่องในชุมชน เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุขไม่เป็นภาระแก่ครอบครัวและสังคม
นพ.ชูชัย กล่าวว่า สำหรับในปี 2560 บอร์ด สปสช. ยังคงให้การสนับสนุนการบริการเพื่อดูแลผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรังในชุมชนเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง โดยได้จัดสรรงบประมาณ จำนวน 49.8 ล้านบาท มีเป้าหมายให้ดูแลผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรังในชุมชนจำนวน 8,300 ราย (เฉลี่ย 6,000 บาทต่อราย) เพื่อเป็นค่าบริการในการติดตามเยี่ยมดูแลอาการผู้ป่วย ให้รับยาต่อเนื่องถึงที่บ้านและในชุมชน มีการให้ความรู้ คำแนะนำแก่ผู้ป่วยและญาติตามอาการให้จัดการปัญหาเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง ช่วยปรับทัศนคติการใช้ชีวิตประจำวัน และการอยู่ร่วมกับครอบครัวและชุมชนได้อย่างปกติสุข โดยงบประมาณนี้ไม่รวมค่ายา และค่าบริการฟื้นฟูสมรรถภาพทางจิต ซึ่งหน่วยบริการสามารถเบิกได้จากงบบริการทางการแพทย์เหมาจ่ายรายหัวอยู่แล้ว
“การดำเนินงานยังคงเน้นสร้างความร่วมมือกับกรมสุขภาพจิต สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลจิตเวชราชนครินทร์ หน่วยบริการประจำ/หน่วยบริการปฐมภูมิ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกันดูแลผู้ป่วย พร้อมให้บริการส่งต่อเมื่อจำเป็น หรือขอรับคำปรึกษาตามระบบของเครือข่ายบริการ พร้อมกันนี้ ยังสนับสนุนการขับเคลื่อนการดำเนินงานในรูปเครือข่ายหน่วยบริการ ผ่านแผนการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan) สาขาสุขภาพจิต จิตเวชและยาเสพติด และแผนการพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิและสุขภาพระดับอำเภอ ของกระทรวงสาธารณสุขด้วย” รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวและว่า สิ่งสำคัญ ของการจัดบริการดูแลผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรังในชุมชน
นอกจากดูแลที่บ้านให้ผู้ป่วยได้รับยาอย่างครบถ้วน ถูกต้อง ต่อเนื่อง ลดการขาดนัด ขาดยาแล้ว ยังกำหนดให้ทำการประเมินความรุนแรงของอาการผู้ป่วย (แบบติดตาม 9 ด้าน) นำไปสู่การทำแผนการดูแลผู้ป่วยรายบุคคล การวางแผนช่วยเหลือ เข้าเยี่ยมที่บ้าน รวมถึงการประเมินความพิการทางจิต อาการแทรกซ้อน สิ่งแวดล้อม และความเสี่ยงต่ออาการกำเริบ เป็นกิจกรรมติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการสนับสนุนผู้ป่วย/ครอบครัวไปยื่นจดทะเบียนคนพิการให้ผู้ป่วยจิตเวช ตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 เพื่อให้ผู้ป่วยทางจิตได้รับสิทธิประโยชน์และการคุ้มครองดูแลเพิ่มขึ้น พร้อมกันนี้ ยังมีการปรับทัศนคติคนในชุมชน ให้เข้าใจเกี่ยวกับภาวะอาการผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรัง ลดความกังวลและความหวาดกลัว ลดการตีตรา ทำให้ผู้ป่วย ครอบครัวและชุมชน สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างปกติสุข และผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ในที่สุด
ขอบคุณ... http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9600000009703 (ขนาดไฟล์: 166)
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
นพ.ชูชัย ศรชำนิ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) บอร์ด สปสช. จัดสรรงบ 49.8 ล้านบาท ดูแล “ผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรังในชุมชน” ในปี 60 ติดตามดูแลแบบถึงบ้านและชุมชน ลดการขาดนัด ขาดยา ประเมินความเสี่ยงอาการกำเริบ ปรับทัศนคติคนในชุมชน ลดการตีตรายกคุณภาพชีวิตผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรัง นพ.ชูชัย ศรชำนิ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า โรคทางจิตเวชเป็นโรคเรื้อรังที่ไม่หายขาดอาจมีอาการกำเริบซ้ำได้บ่อย จึงต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างต่อเนื่อง ในจำนวนนี้มีผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรังส่วนหนึ่งที่เมื่อมีภาวะอาการคงที่ สามารถใช้ชีวิตอยู่ในชุมชนได้ตามปกติ เพียงแต่ต้องดูแลไม่ให้ขาดยาเป็นอันขาด โดยมีครอบครัวและชุมชน ซึ่งเป็นคนรอบข้างต้องช่วยกันดูแลเพื่อให้ผู้ป่วยมีชีวิตปกติได้ ทั้งนี้ บอร์ด สปสช. ได้อนุมัติสิทธิประโยชน์เพื่อดูแลผู้ป่วยกลุ่มนี้อย่างต่อเนื่อง ทั้งในหน่วยบริการและการดูแลต่อเนื่องถึงที่บ้านและในชุมชน ผ่านการพัฒนาเครือข่ายบริการจิตเวชระหว่างหน่วยบริการรับส่งต่อ และหน่วยบริการประจำ ตลอดจนเครือข่ายปฐมภูมิ เพื่อลดอาการกำเริบ หรือการกลับเป็นซ้ำของผู้ป่วย ผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรังจะได้รับการเฝ้าระวังติดตามอาการ ดูแลอย่างต่อเนื่องในชุมชน เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุขไม่เป็นภาระแก่ครอบครัวและสังคม นพ.ชูชัย กล่าวว่า สำหรับในปี 2560 บอร์ด สปสช. ยังคงให้การสนับสนุนการบริการเพื่อดูแลผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรังในชุมชนเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง โดยได้จัดสรรงบประมาณ จำนวน 49.8 ล้านบาท มีเป้าหมายให้ดูแลผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรังในชุมชนจำนวน 8,300 ราย (เฉลี่ย 6,000 บาทต่อราย) เพื่อเป็นค่าบริการในการติดตามเยี่ยมดูแลอาการผู้ป่วย ให้รับยาต่อเนื่องถึงที่บ้านและในชุมชน มีการให้ความรู้ คำแนะนำแก่ผู้ป่วยและญาติตามอาการให้จัดการปัญหาเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง ช่วยปรับทัศนคติการใช้ชีวิตประจำวัน และการอยู่ร่วมกับครอบครัวและชุมชนได้อย่างปกติสุข โดยงบประมาณนี้ไม่รวมค่ายา และค่าบริการฟื้นฟูสมรรถภาพทางจิต ซึ่งหน่วยบริการสามารถเบิกได้จากงบบริการทางการแพทย์เหมาจ่ายรายหัวอยู่แล้ว “การดำเนินงานยังคงเน้นสร้างความร่วมมือกับกรมสุขภาพจิต สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลจิตเวชราชนครินทร์ หน่วยบริการประจำ/หน่วยบริการปฐมภูมิ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกันดูแลผู้ป่วย พร้อมให้บริการส่งต่อเมื่อจำเป็น หรือขอรับคำปรึกษาตามระบบของเครือข่ายบริการ พร้อมกันนี้ ยังสนับสนุนการขับเคลื่อนการดำเนินงานในรูปเครือข่ายหน่วยบริการ ผ่านแผนการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan) สาขาสุขภาพจิต จิตเวชและยาเสพติด และแผนการพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิและสุขภาพระดับอำเภอ ของกระทรวงสาธารณสุขด้วย” รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวและว่า สิ่งสำคัญ ของการจัดบริการดูแลผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรังในชุมชน นอกจากดูแลที่บ้านให้ผู้ป่วยได้รับยาอย่างครบถ้วน ถูกต้อง ต่อเนื่อง ลดการขาดนัด ขาดยาแล้ว ยังกำหนดให้ทำการประเมินความรุนแรงของอาการผู้ป่วย (แบบติดตาม 9 ด้าน) นำไปสู่การทำแผนการดูแลผู้ป่วยรายบุคคล การวางแผนช่วยเหลือ เข้าเยี่ยมที่บ้าน รวมถึงการประเมินความพิการทางจิต อาการแทรกซ้อน สิ่งแวดล้อม และความเสี่ยงต่ออาการกำเริบ เป็นกิจกรรมติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการสนับสนุนผู้ป่วย/ครอบครัวไปยื่นจดทะเบียนคนพิการให้ผู้ป่วยจิตเวช ตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 เพื่อให้ผู้ป่วยทางจิตได้รับสิทธิประโยชน์และการคุ้มครองดูแลเพิ่มขึ้น พร้อมกันนี้ ยังมีการปรับทัศนคติคนในชุมชน ให้เข้าใจเกี่ยวกับภาวะอาการผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรัง ลดความกังวลและความหวาดกลัว ลดการตีตรา ทำให้ผู้ป่วย ครอบครัวและชุมชน สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างปกติสุข และผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ในที่สุด ขอบคุณ... http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9600000009703
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)