หัวใจโค้ชจิตอาสา
เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว (3ธันวาฯ) ทางสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้กำหนดให้เป็น “วันคนพิการโลก” และช่วงที่ร่วมเดินทางไปฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่นของทาง ไจก้า ประเทศไทย ที่ผ่านมา รู้สึกกระจ่างกับมุมมองของ มร. Satoshi hasegawa โค้ชสอนกีฬาผู้พิการ ที่นำทีมจัดกิจกรรมการแข่งขันร่วมกับคนในชุมชนเดือนละ 2 ครั้ง
จากพนักงานบริษัทรับเหมาก่อสร้างแล้วไปร่วมเป็นกลุ่มอาสาสมัครใน เมืองโทเบตสึ เมื่อ 4 ปีก่อน ซึ่งมีสมาชิกราวร้อยละ 10 ของประชากรทั้งเมือง 16,000 คนเศษๆ แรกเริ่มเดิมที มร.Satoshi เป็นสมาชิกประจำ “Tobetsu Challenge Club” อยู่แล้ว และยังเคยเป็นครูสอนกีฬาเคนโด้ พอมีลูกศิษย์ซึ่งเป็นคนพิการมาเรียนก็คิดอยากให้เขาชนะกับการเล่นกีฬาด้วยการฝึกสมาธิทำสิ่งนั้นให้ได้แม้ระหว่างสอนจะค่อนข้างยาก เพราะผู้พิการจะรู้สึกกดดันกับสิ่งแวดล้อม คนรอบข้าง แต่เมื่อได้ฝึกเล่นบ่อยขึ้นก็ทำให้เขานิ่งขึ้น จดจ่อกับสิ่งที่กำลังทำ ไม่เครียดเหมือนก่อนทุกวันนี้กีฬาที่ส่วนใหญ่ให้การยอมรับ มี 3 ประเภท ได้แก่ จานร่อน เป่าลูกดอก และบอคเชีย
สำหรับ จานร่อน ใช้การออกกำลังกายส่วนบน ช่วยเรื่องระบบไหลเวียน ระบบหายใจ แต่ไม่ถึงกับสร้างกล้ามเนื้อ ขณะที่ เป่าลูกดอก ก่อนเล่น ผู้ฝึกจะให้ผู้เล่นผ่อนลมหายใจเข้า-ออกอย่างช้าๆ ไปพร้อมๆ กับการย่อเข่าช้าๆ ซึ่งนอกจากช่วยปอดและหัวใจแล้ว ยังช่วยในเรื่องของสมาธิ ส่วน “บอคเซีย” คนญี่ปุ่นที่โน่นถึงกับเอ่ยชมสุโค่ย...เพราะนักกีฬาทีมชาติไทยคว้า3เหรียญทองในการแข่งขันพาราลิมปิกที่ผ่านมา
กีฬาประเภทนี้คล้ายกับกีฬาเปตอง ช่วยให้ผู้เล่นผ่อนคลาย วางแผนทางความคิด และฝึกทักษะในการควบคุมกล้ามเนื้อ ทั้ง 3 ประเภทนี้สามารถร่วมแข่งขันกับคนปกติ ไม่แบ่งเพศ ไม่แบ่งวัยได้อีกด้วย ซึ่งในวันที่พวกเราทั้งอาสาสมัครคนไทยกับจิตอาสาชาวโทเบตสึและกลุ่มคนผู้พิการจับกลุ่มแข่งกันเป็นทีม มร.Fukuchi Kentaro เจ้าหน้าที่ของไจก้า ประจำฮอกไกโด ซึ่งพิการทางสายตา ก็ทดลองเล่นกีฬาทั้งหมดนี้เป็นครั้งแรกอย่างสนุกสนาน โดยมีผู้ฝึก ซึ่งต้องใช้เสียงตบมือบอกตำแหน่งในการบอกทิศทาง“คนที่ไม่มีขา คนที่ตาบอด ตรงนี้ไปเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ แต่สิ่งแวดล้อมคนทั่วไปและกีฬาต่างหากที่เปลี่ยนแปลงได้”...มร.Satoshiกล่าวไว้.
ขอบคุณ... http://www.thairath.co.th/content/805186
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว (3ธันวาฯ) ทางสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้กำหนดให้เป็น “วันคนพิการโลก” และช่วงที่ร่วมเดินทางไปฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่นของทาง ไจก้า ประเทศไทย ที่ผ่านมา รู้สึกกระจ่างกับมุมมองของ มร. Satoshi hasegawa โค้ชสอนกีฬาผู้พิการ ที่นำทีมจัดกิจกรรมการแข่งขันร่วมกับคนในชุมชนเดือนละ 2 ครั้ง หน้าต่างโลก จากพนักงานบริษัทรับเหมาก่อสร้างแล้วไปร่วมเป็นกลุ่มอาสาสมัครใน เมืองโทเบตสึ เมื่อ 4 ปีก่อน ซึ่งมีสมาชิกราวร้อยละ 10 ของประชากรทั้งเมือง 16,000 คนเศษๆ แรกเริ่มเดิมที มร.Satoshi เป็นสมาชิกประจำ “Tobetsu Challenge Club” อยู่แล้ว และยังเคยเป็นครูสอนกีฬาเคนโด้ พอมีลูกศิษย์ซึ่งเป็นคนพิการมาเรียนก็คิดอยากให้เขาชนะกับการเล่นกีฬาด้วยการฝึกสมาธิทำสิ่งนั้นให้ได้แม้ระหว่างสอนจะค่อนข้างยาก เพราะผู้พิการจะรู้สึกกดดันกับสิ่งแวดล้อม คนรอบข้าง แต่เมื่อได้ฝึกเล่นบ่อยขึ้นก็ทำให้เขานิ่งขึ้น จดจ่อกับสิ่งที่กำลังทำ ไม่เครียดเหมือนก่อนทุกวันนี้กีฬาที่ส่วนใหญ่ให้การยอมรับ มี 3 ประเภท ได้แก่ จานร่อน เป่าลูกดอก และบอคเชีย สำหรับ จานร่อน ใช้การออกกำลังกายส่วนบน ช่วยเรื่องระบบไหลเวียน ระบบหายใจ แต่ไม่ถึงกับสร้างกล้ามเนื้อ ขณะที่ เป่าลูกดอก ก่อนเล่น ผู้ฝึกจะให้ผู้เล่นผ่อนลมหายใจเข้า-ออกอย่างช้าๆ ไปพร้อมๆ กับการย่อเข่าช้าๆ ซึ่งนอกจากช่วยปอดและหัวใจแล้ว ยังช่วยในเรื่องของสมาธิ ส่วน “บอคเซีย” คนญี่ปุ่นที่โน่นถึงกับเอ่ยชมสุโค่ย...เพราะนักกีฬาทีมชาติไทยคว้า3เหรียญทองในการแข่งขันพาราลิมปิกที่ผ่านมา กีฬาประเภทนี้คล้ายกับกีฬาเปตอง ช่วยให้ผู้เล่นผ่อนคลาย วางแผนทางความคิด และฝึกทักษะในการควบคุมกล้ามเนื้อ ทั้ง 3 ประเภทนี้สามารถร่วมแข่งขันกับคนปกติ ไม่แบ่งเพศ ไม่แบ่งวัยได้อีกด้วย ซึ่งในวันที่พวกเราทั้งอาสาสมัครคนไทยกับจิตอาสาชาวโทเบตสึและกลุ่มคนผู้พิการจับกลุ่มแข่งกันเป็นทีม มร.Fukuchi Kentaro เจ้าหน้าที่ของไจก้า ประจำฮอกไกโด ซึ่งพิการทางสายตา ก็ทดลองเล่นกีฬาทั้งหมดนี้เป็นครั้งแรกอย่างสนุกสนาน โดยมีผู้ฝึก ซึ่งต้องใช้เสียงตบมือบอกตำแหน่งในการบอกทิศทาง“คนที่ไม่มีขา คนที่ตาบอด ตรงนี้ไปเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ แต่สิ่งแวดล้อมคนทั่วไปและกีฬาต่างหากที่เปลี่ยนแปลงได้”...มร.Satoshiกล่าวไว้. ขอบคุณ... http://www.thairath.co.th/content/805186
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)