จับตาจ่ายค่าซ่อมรถเมล์ใหม่2.4พันล.ตั้งแต่วันแรกที่วิ่ง??

แสดงความคิดเห็น

รถเมล์ขสมก.

ต้องยอมรับว่าการจัดซื้อ "รถเมล์ขสมก." เป็นหนึ่งโครงการที่ถูกจับตามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มโครงการในช่วงหลายรัฐบาลที่ผ่านมา นับตั้งแต่รูปแบบการจัดหาว่าจะเป็น “ซื้อ” หรือ “เช่า” วงเงินงบประมาณที่เคยตั้งกันไว้สูงลิบเฉียดแสนล้าน กับรถใหม่จำนวน 6,000 คัน จากนั้นก็มีการศึกษาตรวจสอบปรับแก้กันเรื่อยมา ทั้งในเรื่องของราคารถ จำนวนรถ มาจนถึงคุณสมบัติของรถ ความยาวรถ จนถึงที่ถกเถียงกันมากในเรื่องประเด็นเรื่องสเปค ชานต่ำ ชานสูง มาสรุปหยุดลงได้ทั้งหมดในช่วงรัฐบาลภายใต้การบริหารงานของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ชุดนี้ โดยจะจัดซื้อรถเมล์ใช้ก๊าซเอ็นจีวีทั้งหมดจำนวน 3,183 คัน เป็นรถโดยสารธรรมดา (รถร้อน) จำนวน 1,659 คัน และรถโดยสารปรับอากาศ (รถแอร์) จำนวน 1,524 คัน โดยรถแอร์เป็นรถชานต่ำ ไร้บันได ส่วนรถร้อนไม่กำหนดเป็นชานต่ำ แต่ให้จัดอุปกรณ์อำนวยความสะดวกรถวีลแชร์โดยแป้นยกกว้างไม่น้อยกว่า 80 ซม. ยาวไม่น้อยกว่า 1.20 เมตร วงเงินงบประมาณทั้งโครงการ 13,162.2 ล้านบาท ซึ่งได้แบ่งจัดซื้อในล็อตแรกก่อนจำนวน 489 คันเป็นรถแอร์งบประมาณ 1,784.85 ล้านบาท

หลังจากที่ได้ข้อสรุปเรื่องข้อกำหนดเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) ที่ประกาศฟังความคิดเห็นมามากกว่า 11 ครั้ง ในที่สุด องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และสามารถปรับลดราคากลางของรถเมล์แอร์ลงจากคันละ 4.5 ล้านบาท เหลือคันละ 3.6 ล้านบาท และประกาศยื่นซองประมูลไป 3 ครั้ง จนได้มีการประกวดราคาแบบอิเล็กทรอนิกส์ มีเอกชนเข้าเคาะราคาแข่งขัน2ราย เมื่อวันที่ 22 เม.ย.2558 ก็ได้ กลุ่มกิจการร่วมค้า JVCC ซึ่งมี บมจ.ช.ทวี ดอลลาเซียน (CHO)ร่วมด้วยนั้น เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดที่จะได้งานการจัดซื้อตัวรถวงเงินกว่า 1.7 พันล้านบาทแล้ว ในโครงการนี้จะมีการจ้างซ่อมแซมและบำรุงรักษารถทั้ง 489 คันกับผู้ชนะการประมูลอีก 1 สัญญา ในวงเงินราคากลาง 2,446,354,409.24 บาท หรือกว่า 2,446ล้านบาท โดยแยกเป็นค่าเหมาซ่อมปีที่ 1 – 5 ประมาณการไว้ในอัตรา 925.91บาทต่อคันต่อวัน (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ปีที่ 6 – 10 ประมาณการไว้ในอัตรา 1,636 บาทต่อคันต่อวัน ซึ่งรวมแล้ววงเงินสำหรับโครงการจัดซื้อและค่าซ่อมรถเมล์ปรับอากาศในเอ็นจีวี 489 คันนั้นสูงถึงกว่า 4,220 ล้านบาท โดยขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปสุดท้ายว่าเอกชนจะลดราคาให้เป็นเงินเท่าใดที่ภาครัฐต้องจ่ายไปกับโครงการนี้

รถเมล์ขสมก. แบบชานต่ำ

ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 พ.ค. นางปราณี ศุกระศร กรรมการบริหารกิจการองค์การและรักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.)กล่าวว่า ภายหลังจากได้มีการเจรจาราคากลางของโครงการจัดซื้อตัวรถกับ กลุ่มกิจการร่วมค้า JVCC จากคันละ 3.65 ล้านบาทเหลือคันละ 3.55 ล้านบาทไปแล้วนั้นถือว่าเป็นราคาที่ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการต่างๆ มาถูกต้องแล้วไม่ได้มีการจัดซื้อแพงแต่อย่างใด โดย ในวันที่18 พ.ค.นี้ทางคณะกรรมการจะเจรจากับทางบริษัทฯถึงแผนการเหมาซ่อมบำรุงโดยการจ้างซ่อมบำรุงรถเมล์แยกเป็นอีก1สัญญาราคากลางในการซ่อมบำรุง 10 ปีวงเงิน 2,446.35 ล้านบาท ซึ่งขสมก.จำเป็นต้องมีสัญญาจ้างเหมาซ่อมเพราะรถที่วิ่งให้บริการจะมีการเสียชำรุดในการใช้งาน จำเป็นต้องมีค่าเหมาซ่อมเพื่อให้เกิดความสะดวกแนะสามารถมีรถบริการประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง โดยจำเป็นต้องเหมาซ่อมนับแต่ได้นำรถออกวิ่งให้บริการ ผลการพูดคุยกับทางบริษัทฯเบื้องต้นได้ค่าเหมาซ่อมปีที่ 1 – 5 อัตราราว 925 บาทต่อคันต่อวันตามที่กำหนดไว้ และขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาค่าเหมาซ่อมในปีที่ 6 - 10 ที่ประมาณการไว้ 1,636 บาทต่อคันต่อวัน ได้ให้เอกชนเสนอแผนการซ่อมว่าจะลดราคาลงได้เท่าไร หลังจากขั้นตอนการพิจารณาการจัดซื้อรถเมล์จะเสร็จสิ้น ก็จะเซ็นสัญญากับบริษัทเอกชนภายใน 90 วันทันที และ บริษัทฯจะต้องทยอยส่งรถให้ขสมก.โดยจะต้องนำรถมาวิ่งทดสอบเป็นระยะเวลา3วันติดต่อกัน อย่างไรก็ตามเนื่องจากขั้นตอนกระบวนการมีความล่าช้ามาก การนำรถมาให้บริการประชาชนอาจจะต้องเลื่อนไปเป็นกลางเดือนส.ค.58 จากที่กำหนดการเดิมจะได้รถเข้ามาใช้งานในเดือนก.ค.

นายชัยสิทธิ์ รูโปบล เครือข่ายประชาชนเพื่อเฝ้าระวังการคอร์รัปชั่นในภาครัฐ กล่าวว่า ทางเครือข่ายเห็นว่าราคารถที่เจรจาได้นั้นเป็นราคาที่สูงมาก ซึ่งจากข้อมูลของค่าตัวรถในสเปคที่จัดซื้อนั้น มีข้อมูลว่าราคาที่ 3 ล้านบาทต่อคันจะเป็นราคาที่เหมาะสมกว่าหากขสมก.ยอมรับการเจรจาที่ราคาคันละ 3.5 ล้านบาท ตนก็ยังมองว่าเป็นราคาที่แพงและซื้อในปริมาณมากขนาดนี้ส่งผลให้เอกชนได้กำไรไปจำนวนมากซึ่งน่าจะต่อรองราคาลงมาได้มากกว่านี้

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ได้ตรวจสอบพบว่าอาจจะทำให้ต้องใช้งบประมาณของทางราชการมากเกินความจำเป็นขึ้นไปอีกคือ ในส่วนของสัญญาค่าจ้างเหมาซ่อมซึ่งเป็นการเหมาจ่ายค่าซ่อมรถต่อคันต่อวันไปทุกวัน โดยเริ่มจ่ายนับแต่วันแรกที่รถออกมาวิ่งให้บริการประชาชน ค่าใช้จ่ายตรงนี้ตนไม่สามารถยอมรับได้ ซึ่งตามหลักความจริงแล้วรถที่มาสภาพใหม่นั้นไม่ควรจะต้องจ่ายค่าเหมาซ่อมในปีแรกทันที ควรจะให้รถมีอายุใช้งานไปสักระยะ อาจจะเป็นปีที่ 3 หรือปีที่5 ขึ้นไป น่าจะเหมาะสมกว่า ซึ่งรถเมล์ที่จัดซื้อมากถึง 489คันก็คงไม่ได้เสียทุกคันทุกวันแต่กลับต้องจ่ายค่าซ่อมไปทุกคันทุกวัน ตรงนี้ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบความเหมาะสมด้วย ซึ่งตามปกติของการจัดซื้อรถก็จะมีระยะเวลาประกันการซ่อมบำรุงรถให้ ยิ่งในการจัดซื้อในจำนวนล็อตใหญ่ก็ควรได้รับการดูแลหลังการขายเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ทางเครือข่ายฯจะติดตามดูจนถึงข้อสรุปหากพบว่าโครงการนี้ได้ทำให้เกิดความเสียหายแก่งบประมาณของทางราชการก็จะพิจารณาดำเนินการส่งเรื่องให้หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการต่อไป

ด้านนายวินัย แซ่หุ่น ผู้รับมอบอำนาจบริษัท China National Heavy Machinery Corporation (CHMC) กล่าวว่า การจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีดังกล่าว ทางCHMC รัฐวิสากิจของจีนได้เสนอโครงการจัดหารถโดยสารประจำทาง 4,000 คันให้กับกระทรวงคมนาคมในรูปแบบจีทูจี (โดยการเซ็นต์สัญญากับรัฐวิสาหกิจไทย มีกระทรวงการคลังของไทยค้ำประกัน และขสมก.ต้องทำหนังสือกู้เงินจากธนาคารเพื่อการส่งออกของประเทศจีน) ซึ่งได้เสนอเรื่องตั้งแต่ในช่วงรัฐบาลที่ผ่านมา รวมทั้งในรัฐบาลชุดปัจจุบัน โดยได้ทำหนังสือขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.57 และขอเข้าพบปลัดกระทรวงคมนาคม ลงวันที่ 29 ก.ค.57 แต่ก็ไม่ได้รับการพิจารณา ซึ่งตนในฐานะที่ได้ติดตามการดำเนินโครงการดังกล่าว เห็นว่าราคารถแอร์ที่เจรจาราคาได้ที่ 3.55 ล้านบาท และยังมีค่าใช้จ่ายค่าซ่อมบำรุง 10 ปีคันละ 4.67 ล้านบาทยังไม่รวมค่าดอกเบี้ย ค่าวัสดุสิ้นเปลืองในการซ่อมรถ ซึ่งรวมทั้งโครงการแล้วจะเป็นวงเงินที่สูงมาก ซึ่งหากเปรียบเทียบกับที่ทางบริษัทฯได้เสนอไปเป็นรถแอร์ทั้งหมดราคาความยาวรถ10.5เมตรซึ่งรถมาตรฐานส่งออกยุโรป ราคาคันละประมาณ 4.9 ล้านบาทซึ่งเป็นราคาที่รวมค่าซ่อมบำรุงตามระยะทาง อาทิ ค่าน้ำมันเครื่อง ไส้กรอง และค่าซ่อมบำรุงรักษาระบบรถยนต์ทั้งหมดเป็นครั้ง ๆตามอาการที่เกิดขึ้น อาทิ ซ่อมเครื่องยนต์ ซ่อมระบบช่วงล่าง โดยรวมการดูแลเปลี่ยนวัสดุสิ้นเปลืองเช่น ยางรถยนต์ แบตเตอรี่ ผ้าเบรค ตลอด10ปีพร้อมรวมดอกเบี้ยแล้ว และยังได้จัดทำแผนฟื้นฟูให้กับขสมก.ตัดภาระเรื่องค่าเช่าอู่ ค่าโอที อีกทั้งทางบริษัทฯยังได้เพิ่มการเปลี่ยนรถเมล์ใหม่ให้อีก 489 คัน เพื่อครบ5ปี เท่ากับว่าขสมก.จะมีรถใช้ทั้งหมด 978 คันในวงเงินงบประมาณโครงการที่ถูกลงกว่าครึ่ง และได้จัดทำแผน

รถเมล์ขสมก. แบบชานต่ำ

อย่างไรก็ตามกระบวนการของหน่วยงานที่รับผิดชอบได้เดินหน้ามาถึงขั้นตอนนี้แล้ว ตนเพียงแต่อยากชี้ให้ถึงแนวทางในการจัดหารถที่มีทางเลือกอื่นๆให้ทางภาครัฐได้พิจารณาอีกมาก ซึ่งอาจจะมีเงื่อนของบริษัทอื่นๆที่อาจมีข้อเสนอที่ดีให้เป็นตัวเลือกในการดำเนินโครงการ ทั้งนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ประชาชนต้องได้รับบริการรถเมล์ที่มีประสิทธิภาพ และภาครัฐใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าเกิดประโยชน์สูงสุด

เป็นอีกปมปัญหาที่น่าจับตาว่าโครงการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีล็อตแรก ที่เดินหน้ามาจนเกือบจะถึงจุดที่เรียกว่าใกล้ความจริงเข้ามาทุกขณะแล้วนั้น คนกรุงเทพฯจะได้ใช้รถเมล์ใหม่กันเสียทีหรือยัง และเมื่อผลการเจรจาถึงที่สุดแล้ว ขสมก.ควรต้องออกมาแจกแจงกับประชาชนเจ้าของเงินภาษีของทั้งประเทศว่า งบประมาณที่ใช้ไปในโครงการนี้ได้บริหารจัดการได้โดยเกิดประสิทธิภาพ ไม่เกิดข้อเคลือบแคลงสงสัย ที่สำคัญในโครงการนี้ยังเหลือรถเมล์อีกกว่า2,600 คันที่จะเตรียมจัดซื้อกันอีกในเร็วๆนี้ที่จะต้องใช้งบอีกมหาศาล.

ขอบคุณ... http://www.dailynews.co.th/bangkok/321119 (ขนาดไฟล์: 167)

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย14พ.ค.58
วันที่โพสต์: 15/05/2558 เวลา 10:47:39 ดูภาพสไลด์โชว์ จับตาจ่ายค่าซ่อมรถเมล์ใหม่2.4พันล.ตั้งแต่วันแรกที่วิ่ง??

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

รถเมล์ขสมก. ต้องยอมรับว่าการจัดซื้อ "รถเมล์ขสมก." เป็นหนึ่งโครงการที่ถูกจับตามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มโครงการในช่วงหลายรัฐบาลที่ผ่านมา นับตั้งแต่รูปแบบการจัดหาว่าจะเป็น “ซื้อ” หรือ “เช่า” วงเงินงบประมาณที่เคยตั้งกันไว้สูงลิบเฉียดแสนล้าน กับรถใหม่จำนวน 6,000 คัน จากนั้นก็มีการศึกษาตรวจสอบปรับแก้กันเรื่อยมา ทั้งในเรื่องของราคารถ จำนวนรถ มาจนถึงคุณสมบัติของรถ ความยาวรถ จนถึงที่ถกเถียงกันมากในเรื่องประเด็นเรื่องสเปค ชานต่ำ ชานสูง มาสรุปหยุดลงได้ทั้งหมดในช่วงรัฐบาลภายใต้การบริหารงานของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ชุดนี้ โดยจะจัดซื้อรถเมล์ใช้ก๊าซเอ็นจีวีทั้งหมดจำนวน 3,183 คัน เป็นรถโดยสารธรรมดา (รถร้อน) จำนวน 1,659 คัน และรถโดยสารปรับอากาศ (รถแอร์) จำนวน 1,524 คัน โดยรถแอร์เป็นรถชานต่ำ ไร้บันได ส่วนรถร้อนไม่กำหนดเป็นชานต่ำ แต่ให้จัดอุปกรณ์อำนวยความสะดวกรถวีลแชร์โดยแป้นยกกว้างไม่น้อยกว่า 80 ซม. ยาวไม่น้อยกว่า 1.20 เมตร วงเงินงบประมาณทั้งโครงการ 13,162.2 ล้านบาท ซึ่งได้แบ่งจัดซื้อในล็อตแรกก่อนจำนวน 489 คันเป็นรถแอร์งบประมาณ 1,784.85 ล้านบาท หลังจากที่ได้ข้อสรุปเรื่องข้อกำหนดเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) ที่ประกาศฟังความคิดเห็นมามากกว่า 11 ครั้ง ในที่สุด องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และสามารถปรับลดราคากลางของรถเมล์แอร์ลงจากคันละ 4.5 ล้านบาท เหลือคันละ 3.6 ล้านบาท และประกาศยื่นซองประมูลไป 3 ครั้ง จนได้มีการประกวดราคาแบบอิเล็กทรอนิกส์ มีเอกชนเข้าเคาะราคาแข่งขัน2ราย เมื่อวันที่ 22 เม.ย.2558 ก็ได้ กลุ่มกิจการร่วมค้า JVCC ซึ่งมี บมจ.ช.ทวี ดอลลาเซียน (CHO)ร่วมด้วยนั้น เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดที่จะได้งานการจัดซื้อตัวรถวงเงินกว่า 1.7 พันล้านบาทแล้ว ในโครงการนี้จะมีการจ้างซ่อมแซมและบำรุงรักษารถทั้ง 489 คันกับผู้ชนะการประมูลอีก 1 สัญญา ในวงเงินราคากลาง 2,446,354,409.24 บาท หรือกว่า 2,446ล้านบาท โดยแยกเป็นค่าเหมาซ่อมปีที่ 1 – 5 ประมาณการไว้ในอัตรา 925.91บาทต่อคันต่อวัน (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ปีที่ 6 – 10 ประมาณการไว้ในอัตรา 1,636 บาทต่อคันต่อวัน ซึ่งรวมแล้ววงเงินสำหรับโครงการจัดซื้อและค่าซ่อมรถเมล์ปรับอากาศในเอ็นจีวี 489 คันนั้นสูงถึงกว่า 4,220 ล้านบาท โดยขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปสุดท้ายว่าเอกชนจะลดราคาให้เป็นเงินเท่าใดที่ภาครัฐต้องจ่ายไปกับโครงการนี้ รถเมล์ขสมก. แบบชานต่ำ ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 พ.ค. นางปราณี ศุกระศร กรรมการบริหารกิจการองค์การและรักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.)กล่าวว่า ภายหลังจากได้มีการเจรจาราคากลางของโครงการจัดซื้อตัวรถกับ กลุ่มกิจการร่วมค้า JVCC จากคันละ 3.65 ล้านบาทเหลือคันละ 3.55 ล้านบาทไปแล้วนั้นถือว่าเป็นราคาที่ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการต่างๆ มาถูกต้องแล้วไม่ได้มีการจัดซื้อแพงแต่อย่างใด โดย ในวันที่18 พ.ค.นี้ทางคณะกรรมการจะเจรจากับทางบริษัทฯถึงแผนการเหมาซ่อมบำรุงโดยการจ้างซ่อมบำรุงรถเมล์แยกเป็นอีก1สัญญาราคากลางในการซ่อมบำรุง 10 ปีวงเงิน 2,446.35 ล้านบาท ซึ่งขสมก.จำเป็นต้องมีสัญญาจ้างเหมาซ่อมเพราะรถที่วิ่งให้บริการจะมีการเสียชำรุดในการใช้งาน จำเป็นต้องมีค่าเหมาซ่อมเพื่อให้เกิดความสะดวกแนะสามารถมีรถบริการประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง โดยจำเป็นต้องเหมาซ่อมนับแต่ได้นำรถออกวิ่งให้บริการ ผลการพูดคุยกับทางบริษัทฯเบื้องต้นได้ค่าเหมาซ่อมปีที่ 1 – 5 อัตราราว 925 บาทต่อคันต่อวันตามที่กำหนดไว้ และขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาค่าเหมาซ่อมในปีที่ 6 - 10 ที่ประมาณการไว้ 1,636 บาทต่อคันต่อวัน ได้ให้เอกชนเสนอแผนการซ่อมว่าจะลดราคาลงได้เท่าไร หลังจากขั้นตอนการพิจารณาการจัดซื้อรถเมล์จะเสร็จสิ้น ก็จะเซ็นสัญญากับบริษัทเอกชนภายใน 90 วันทันที และ บริษัทฯจะต้องทยอยส่งรถให้ขสมก.โดยจะต้องนำรถมาวิ่งทดสอบเป็นระยะเวลา3วันติดต่อกัน อย่างไรก็ตามเนื่องจากขั้นตอนกระบวนการมีความล่าช้ามาก การนำรถมาให้บริการประชาชนอาจจะต้องเลื่อนไปเป็นกลางเดือนส.ค.58 จากที่กำหนดการเดิมจะได้รถเข้ามาใช้งานในเดือนก.ค. นายชัยสิทธิ์ รูโปบล เครือข่ายประชาชนเพื่อเฝ้าระวังการคอร์รัปชั่นในภาครัฐ กล่าวว่า ทางเครือข่ายเห็นว่าราคารถที่เจรจาได้นั้นเป็นราคาที่สูงมาก ซึ่งจากข้อมูลของค่าตัวรถในสเปคที่จัดซื้อนั้น มีข้อมูลว่าราคาที่ 3 ล้านบาทต่อคันจะเป็นราคาที่เหมาะสมกว่าหากขสมก.ยอมรับการเจรจาที่ราคาคันละ 3.5 ล้านบาท ตนก็ยังมองว่าเป็นราคาที่แพงและซื้อในปริมาณมากขนาดนี้ส่งผลให้เอกชนได้กำไรไปจำนวนมากซึ่งน่าจะต่อรองราคาลงมาได้มากกว่านี้ อย่างไรก็ตามสิ่งที่ได้ตรวจสอบพบว่าอาจจะทำให้ต้องใช้งบประมาณของทางราชการมากเกินความจำเป็นขึ้นไปอีกคือ ในส่วนของสัญญาค่าจ้างเหมาซ่อมซึ่งเป็นการเหมาจ่ายค่าซ่อมรถต่อคันต่อวันไปทุกวัน โดยเริ่มจ่ายนับแต่วันแรกที่รถออกมาวิ่งให้บริการประชาชน ค่าใช้จ่ายตรงนี้ตนไม่สามารถยอมรับได้ ซึ่งตามหลักความจริงแล้วรถที่มาสภาพใหม่นั้นไม่ควรจะต้องจ่ายค่าเหมาซ่อมในปีแรกทันที ควรจะให้รถมีอายุใช้งานไปสักระยะ อาจจะเป็นปีที่ 3 หรือปีที่5 ขึ้นไป น่าจะเหมาะสมกว่า ซึ่งรถเมล์ที่จัดซื้อมากถึง 489คันก็คงไม่ได้เสียทุกคันทุกวันแต่กลับต้องจ่ายค่าซ่อมไปทุกคันทุกวัน ตรงนี้ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบความเหมาะสมด้วย ซึ่งตามปกติของการจัดซื้อรถก็จะมีระยะเวลาประกันการซ่อมบำรุงรถให้ ยิ่งในการจัดซื้อในจำนวนล็อตใหญ่ก็ควรได้รับการดูแลหลังการขายเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ทางเครือข่ายฯจะติดตามดูจนถึงข้อสรุปหากพบว่าโครงการนี้ได้ทำให้เกิดความเสียหายแก่งบประมาณของทางราชการก็จะพิจารณาดำเนินการส่งเรื่องให้หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการต่อไป ด้านนายวินัย แซ่หุ่น ผู้รับมอบอำนาจบริษัท China National Heavy Machinery Corporation (CHMC) กล่าวว่า การจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีดังกล่าว ทางCHMC รัฐวิสากิจของจีนได้เสนอโครงการจัดหารถโดยสารประจำทาง 4,000 คันให้กับกระทรวงคมนาคมในรูปแบบจีทูจี (โดยการเซ็นต์สัญญากับรัฐวิสาหกิจไทย มีกระทรวงการคลังของไทยค้ำประกัน และขสมก.ต้องทำหนังสือกู้เงินจากธนาคารเพื่อการส่งออกของประเทศจีน) ซึ่งได้เสนอเรื่องตั้งแต่ในช่วงรัฐบาลที่ผ่านมา รวมทั้งในรัฐบาลชุดปัจจุบัน โดยได้ทำหนังสือขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.57 และขอเข้าพบปลัดกระทรวงคมนาคม ลงวันที่ 29 ก.ค.57 แต่ก็ไม่ได้รับการพิจารณา ซึ่งตนในฐานะที่ได้ติดตามการดำเนินโครงการดังกล่าว เห็นว่าราคารถแอร์ที่เจรจาราคาได้ที่ 3.55 ล้านบาท และยังมีค่าใช้จ่ายค่าซ่อมบำรุง 10 ปีคันละ 4.67 ล้านบาทยังไม่รวมค่าดอกเบี้ย ค่าวัสดุสิ้นเปลืองในการซ่อมรถ ซึ่งรวมทั้งโครงการแล้วจะเป็นวงเงินที่สูงมาก ซึ่งหากเปรียบเทียบกับที่ทางบริษัทฯได้เสนอไปเป็นรถแอร์ทั้งหมดราคาความยาวรถ10.5เมตรซึ่งรถมาตรฐานส่งออกยุโรป ราคาคันละประมาณ 4.9 ล้านบาทซึ่งเป็นราคาที่รวมค่าซ่อมบำรุงตามระยะทาง อาทิ ค่าน้ำมันเครื่อง ไส้กรอง และค่าซ่อมบำรุงรักษาระบบรถยนต์ทั้งหมดเป็นครั้ง ๆตามอาการที่เกิดขึ้น อาทิ ซ่อมเครื่องยนต์ ซ่อมระบบช่วงล่าง โดยรวมการดูแลเปลี่ยนวัสดุสิ้นเปลืองเช่น ยางรถยนต์ แบตเตอรี่ ผ้าเบรค ตลอด10ปีพร้อมรวมดอกเบี้ยแล้ว และยังได้จัดทำแผนฟื้นฟูให้กับขสมก.ตัดภาระเรื่องค่าเช่าอู่ ค่าโอที อีกทั้งทางบริษัทฯยังได้เพิ่มการเปลี่ยนรถเมล์ใหม่ให้อีก 489 คัน เพื่อครบ5ปี เท่ากับว่าขสมก.จะมีรถใช้ทั้งหมด 978 คันในวงเงินงบประมาณโครงการที่ถูกลงกว่าครึ่ง และได้จัดทำแผน รถเมล์ขสมก. แบบชานต่ำ อย่างไรก็ตามกระบวนการของหน่วยงานที่รับผิดชอบได้เดินหน้ามาถึงขั้นตอนนี้แล้ว ตนเพียงแต่อยากชี้ให้ถึงแนวทางในการจัดหารถที่มีทางเลือกอื่นๆให้ทางภาครัฐได้พิจารณาอีกมาก ซึ่งอาจจะมีเงื่อนของบริษัทอื่นๆที่อาจมีข้อเสนอที่ดีให้เป็นตัวเลือกในการดำเนินโครงการ ทั้งนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ประชาชนต้องได้รับบริการรถเมล์ที่มีประสิทธิภาพ และภาครัฐใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าเกิดประโยชน์สูงสุด เป็นอีกปมปัญหาที่น่าจับตาว่าโครงการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีล็อตแรก ที่เดินหน้ามาจนเกือบจะถึงจุดที่เรียกว่าใกล้ความจริงเข้ามาทุกขณะแล้วนั้น คนกรุงเทพฯจะได้ใช้รถเมล์ใหม่กันเสียทีหรือยัง และเมื่อผลการเจรจาถึงที่สุดแล้ว ขสมก.ควรต้องออกมาแจกแจงกับประชาชนเจ้าของเงินภาษีของทั้งประเทศว่า งบประมาณที่ใช้ไปในโครงการนี้ได้บริหารจัดการได้โดยเกิดประสิทธิภาพ ไม่เกิดข้อเคลือบแคลงสงสัย ที่สำคัญในโครงการนี้ยังเหลือรถเมล์อีกกว่า2,600 คันที่จะเตรียมจัดซื้อกันอีกในเร็วๆนี้ที่จะต้องใช้งบอีกมหาศาล. ขอบคุณ...

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...