คมนาคมเร่งซื้อรถเมล์ 3,183 คัน คาดรับมอบงวดแรก พ.ค. 57
วันที่ 8 พ.ค. พลเอกพฤณท์ สุวรรณทัต รมช.คมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับผู้บริหารองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ว่า ได้ติดตามความคืบหน้าการจัดซื้อรถโดยสารใช้เอ็นจีวี จำนวน 3,183 คัน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการสรรหาคณะกรรมการพิจารณากำหนดร่างรายละเอียดเอกสาร ประกวดราคา (ทีโออาร์) เบื้องต้นจะประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวน 7 คน เช่น ผู้แทนจาก ขสมก. กรมการขนส่งทางบกอุตสาหกรรมยานยนต์การผลิตรถยนต์โดยสารและรถบรรทุก คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ รวมถึงผู้สังเกตการณ์อื่นๆ เช่น ตัวแทนผู้พิการ ทั้งนี้ จะต้องสรรหาคณะกรรมการฯ ให้แล้วเสร็จภายในต้นเดือนมิ.ย.นี้ จากนั้นคณะกรรมการฯ ชุดดังกล่าวจะกำหนดเงื่อนไขในการประกวดราคา รวมทั้งคุณสมบัติของรถโดยสาร และเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน คาดว่าจะสามารถประกาศประกวดราคาได้ภายในเดือนก.ค.-ส.ค.2556 โดยให้ผู้สนใจจัดเตรียมเอกสารในการยื่นข้อเสนอภายในเดือนส.ค.-ก.ย.2556 และจะทราบผลการประกวดราคาในเดือนต.ค.2556 รถโดยสารงวดแรกจะรับมอบ จำนวน 250 คัน ประมาณเดือนพ.ค. 2557
“ผม มอบนโยบายภาพรวมในการจัดทำทีโออาร์ โดยให้เน้นย้ำเรื่องความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ และเน้นให้จัดซื้อรถโดยสารที่ทันสมัย คุณภาพดีเหมาะสมกับการใช้งานทั้งรถปรับอากาศและรถธรรมดา รวมทั้งสามารถซ่อมบำรุงใช้งานได้ยาวนานด้วย ขณะเดียวกันอาจจะกำหนดให้ผู้เข้าร่วมประกวดราคาต้องนำชิ้นส่วนรถยนต์ใน ประเทศมาประกอบในการผลิตรถยนต์ด้วย ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมผู้ผลิตยานยนต์ภายในประเทศ รวมทั้ง อาจต้องมีการกำหนดระยะเวลานำส่งอะไหล่และซ่อมบำรุงที่เหมาะสมและทัน ต่อสถานการณ์ กรณีที่รถเสียต้องมีอะไหล่เปลี่ยนภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อป้องกันไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการให้บริการแก่ประชาชน” พลเอกพฤณท์ กล่าว
รมช.คมนาคม กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการฯ จะเป็นผู้กำหนดรายละเอียดในทีโออาร์ ไม่ว่าจะเป็น สเปคของรถยนต์ ราคากลางอะไหล่และชิ้นส่วน สัดส่วนของชิ้นส่วนรถยนต์ภายในประเทศที่จะนำมาประกอบการผลิตรถยนต์ และระยะเวลาการซ่อมบำรุงที่เหมาะสม ซึ่งราคากลางจะไม่เกินที่เสนอครม.คือ รถโดยสารปรับอากาศไม่เกินคันละ 4.5 ล้านบาท รถโดยสารธรรมดาไม่เกินคันละ 3.8 ล้านบาทนอกจากนี้
พลเอกพฤณท์ กล่าวถึงแผนการปรับโครงสร้างหนี้ของขสมก.ว่า ปัจจุบันมีหนี้ประมาณ 80,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างจัดจ้างที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญด้านการเงินเข้ามาวางแผน บริหารจัดการหนี้เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจะประกอบด้วย แนวทางการผ่อนชำระหนี้ แนวทางการจัดหารายได้ รวมทั้งการเตรียมจัดทำโครงการเกษียณอายุก่อน การโอนย้ายพนักงานเก็บค่าโดยสารไปแผนกอื่นเพื่อรองรับระบบตั๋วโดยสารอัตโนมัติ
ขอบคุณ... http://www.thairath.co.th/content/eco/343647 (ขนาดไฟล์: 167)
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
รถเมล์เอ็นจีวี วันที่ 8 พ.ค. พลเอกพฤณท์ สุวรรณทัต รมช.คมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับผู้บริหารองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ว่า ได้ติดตามความคืบหน้าการจัดซื้อรถโดยสารใช้เอ็นจีวี จำนวน 3,183 คัน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการสรรหาคณะกรรมการพิจารณากำหนดร่างรายละเอียดเอกสาร ประกวดราคา (ทีโออาร์) เบื้องต้นจะประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวน 7 คน เช่น ผู้แทนจาก ขสมก. กรมการขนส่งทางบกอุตสาหกรรมยานยนต์การผลิตรถยนต์โดยสารและรถบรรทุก คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ รวมถึงผู้สังเกตการณ์อื่นๆ เช่น ตัวแทนผู้พิการ ทั้งนี้ จะต้องสรรหาคณะกรรมการฯ ให้แล้วเสร็จภายในต้นเดือนมิ.ย.นี้ จากนั้นคณะกรรมการฯ ชุดดังกล่าวจะกำหนดเงื่อนไขในการประกวดราคา รวมทั้งคุณสมบัติของรถโดยสาร และเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน คาดว่าจะสามารถประกาศประกวดราคาได้ภายในเดือนก.ค.-ส.ค.2556 โดยให้ผู้สนใจจัดเตรียมเอกสารในการยื่นข้อเสนอภายในเดือนส.ค.-ก.ย.2556 และจะทราบผลการประกวดราคาในเดือนต.ค.2556 รถโดยสารงวดแรกจะรับมอบ จำนวน 250 คัน ประมาณเดือนพ.ค. 2557 “ผม มอบนโยบายภาพรวมในการจัดทำทีโออาร์ โดยให้เน้นย้ำเรื่องความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ และเน้นให้จัดซื้อรถโดยสารที่ทันสมัย คุณภาพดีเหมาะสมกับการใช้งานทั้งรถปรับอากาศและรถธรรมดา รวมทั้งสามารถซ่อมบำรุงใช้งานได้ยาวนานด้วย ขณะเดียวกันอาจจะกำหนดให้ผู้เข้าร่วมประกวดราคาต้องนำชิ้นส่วนรถยนต์ใน ประเทศมาประกอบในการผลิตรถยนต์ด้วย ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมผู้ผลิตยานยนต์ภายในประเทศ รวมทั้ง อาจต้องมีการกำหนดระยะเวลานำส่งอะไหล่และซ่อมบำรุงที่เหมาะสมและทัน ต่อสถานการณ์ กรณีที่รถเสียต้องมีอะไหล่เปลี่ยนภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อป้องกันไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการให้บริการแก่ประชาชน” พลเอกพฤณท์ กล่าว รมช.คมนาคม กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการฯ จะเป็นผู้กำหนดรายละเอียดในทีโออาร์ ไม่ว่าจะเป็น สเปคของรถยนต์ ราคากลางอะไหล่และชิ้นส่วน สัดส่วนของชิ้นส่วนรถยนต์ภายในประเทศที่จะนำมาประกอบการผลิตรถยนต์ และระยะเวลาการซ่อมบำรุงที่เหมาะสม ซึ่งราคากลางจะไม่เกินที่เสนอครม.คือ รถโดยสารปรับอากาศไม่เกินคันละ 4.5 ล้านบาท รถโดยสารธรรมดาไม่เกินคันละ 3.8 ล้านบาทนอกจากนี้ พลเอกพฤณท์ กล่าวถึงแผนการปรับโครงสร้างหนี้ของขสมก.ว่า ปัจจุบันมีหนี้ประมาณ 80,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างจัดจ้างที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญด้านการเงินเข้ามาวางแผน บริหารจัดการหนี้เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจะประกอบด้วย แนวทางการผ่อนชำระหนี้ แนวทางการจัดหารายได้ รวมทั้งการเตรียมจัดทำโครงการเกษียณอายุก่อน การโอนย้ายพนักงานเก็บค่าโดยสารไปแผนกอื่นเพื่อรองรับระบบตั๋วโดยสารอัตโนมัติ ขอบคุณ... http://www.thairath.co.th/content/eco/343647
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)