“ภาคีเครือข่ายปชช:ทุกคนขึ้นรถเมล์ได้ทุกคัน” โวย ขสมก.เลือกปฏิบัติต่อคนพิการ

แสดงความคิดเห็น

รถเมล์ชานต่ำ

เมื่อวันที่ ๓ ต.ค.๕๖ ภาคีเครือข่ายประชาชน : ทุกคนขึ้นรถเมล์ได้ทุกคัน ซึ่งประกอบด้วย สมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย สภาศูนย์การดำรงชีวิตอิสระของคนพิการประเทศไทย สมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อพัฒนาคนพิการ และมูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย และเครือข่ายองค์กรของคนพิการ และองค์กรเพื่อคนพิการประเภทต่างๆ ฯลฯ ได้ร่วมกันยื่นข้อเสนอแนะต่อองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เรื่อง ร่างขอบเขตของงาน (Term of reference : TOR ) โครงการจัดซื้อรถโดยสารใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ( NGV ) จำนวน ๓,๑๘๓ คัน ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เลือกปฏิบัติต่อคนพิการ

ทั้งนี้ ภาคีเครือข่ายประชาชนฯ ได้ยื่นข้อเสนอแนะ พร้อมทั้งยืนยันให้แก้ไขสาระสำคัญของโครงการจัดซื้อรถโดยสารฯ ๒ ประการ ได้แก่ ๑) รถเมล์ใหม่ทั้ง ๓,๑๘๓ คัน ทั้งรถโดยสาร( รถเมล์)ปรับอากาศและรถโดยสารธรรมดา (รถเมล์ร้อน) จะต้องจัดให้มีระบบอำนวยความสะดวกให้ทุกคนในสังคม รวมถึงผู้สูงอายุ และคนพิการทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากรถเมล์ทุกคันได้อย่างสะดวก และปลอดภัยในโอกาสแรกที่เปิดให้บริการ และ ๒) รถเมล์ใหม่ทั้ง ๓,๑๘๓ คัน ทั้งรถโดยสารปรับอากาศและรถโดยสารธรรมดาต้องมีระบบเสียงและตัวอักษรวิ่งบนป้ายอิเล็กทรอนิกส์หรือจอภาพ โดยติดที่บริเวณใกล้เคียงคนขับรถหรือตัวรถโดยสาร เพื่อแสดงข้อความหรือสัญลักษณ์ให้คนตาบอดและคนหูหนวกได้รับทราบข้อมูลข่าวสารที่สื่อสารกับผู้โดยสารทั่วไป เช่น หมายเลขรถประจำทาง จุดหมายปลายทาง ชื่อป้ายจอดรถโดยสารป้ายถัดไป ประกาศกำหนดเวลาออกรถ ประกาศว่ารถถึงจุดหมายปลายทางแล้ว หรือประกาศเตือนภัยต่าง ๆ เป็นต้น

คนพิการนั่งรถเข็นใช้บริการรถเมล์สาธารณะ

ภาคีเครือข่ายประชาชนฯ ได้ย้ำว่า ข้อเสนอทั้ง ๒ ประการดังกล่าวเป็นหัวใจหลักที่ ขอให้ ขสมก.กำหนดไว้ในร่าง TOR ฉบับที่ ๓ หาก ขสมก. ไม่ดำเนินการแก้ไข TOR ตามข้อเสนอนี้ ทางภาคีเครือข่ายประชาชนฯ โดยเฉพาะ ผู้สูงอายุ คนพิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นที่จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายโดยทันทีที่มีการประกาศให้มีการประมูลจัดซื้อรถโดยสารใหม่ พร้อมทั้งใช้สิทธิพลเมืองในการเคลื่อนไหวอย่างสงบตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ทั้งนี้ ข้อเสนอแนะดังกล่าวเป็นไปตามหลักกฎหมายและผลประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นคนพิการ ผู้สูงอายุ เด็ก สตรีมีครรภ์ และพ่อแม่ที่มีลูกเล็กนั่งรถเข็นเด็ก เป็นต้น ตลอดจนส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก (World Class Tourism Destination) ซึ่งการพัฒนาเมืองและบริการสาธารณะต่างๆ จะต้องมีการออกแบบที่เป็นสากล (Universal Design : UD)

เป็นที่แน่ชัดว่าการกำหนด TOR นี้เลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อคนพิการ ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ( ฉบับที่ ๒ ) พ.ศ. ๒๕๕๖ รวมทั้งพันธะสัญญาที่ประเทศไทยได้ลงนามไว้ในกฎหมายระหว่างประเทศ เช่น อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ (CRPD) และยุทธศาสตร์อินชอน เป็นต้น ซึ่งการที่ ขสมก.ดึงดันประกาศ TOR ที่ขัดหลักกฎหมายและธรรมาภิบาล จะนำความเสียหายแก่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ เพิ่มความเหลื่อมล้ำทางสังคม สร้างความเสื่อมเสียเกียรติภูมิของชาติในการดูแลประชาชนอย่างเท่าเทียมอันเป็นหลักสากล รวมถึง สร้างความอับอายขายหน้าแก่ผู้นำรัฐบาลเนื่องจาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี (นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ซึ่งได้กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุม คณะมนตรีสิทธิมนุษยชน HRC 24 ณ สำนักงานสหประชาชาติ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ซึ่งมีข้อความตอนหนึ่งว่า “สำหรับผู้พิการดิฉันได้สนับสนุนนโยบาย และการปฏิบัติการให้ดำเนินการตามมาตรฐานสากลเพื่อคนพิการ (Universal Design) เพื่อลดอุปสรรคทางกายภาพ ผู้พิการต้องสามารถเข้าถึงบริการการเดินทางที่เท่าเทียม ตลอดจนสิทธิประโยชน์ทางสังคม และการสร้างรายได้” ข้อความนี้ได้แสดงเจตนารมณ์ นโยบาย และการนำสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมว่าหน่วยงานที่จัดบริการการเดินทางต้องจัดบริการด้วยการใช้มาตรฐาน สากล เพื่อให้คนพิการสามารถใช้บริการเดินทางได้อย่างเท่าเทียมกับคนทั่วไป

ที่ผ่านมาภาคีเครือข่ายประชาชนฯ โดยเฉพาะกลุ่มคนพิการ ผู้สูงอายุ และเด็ก ได้เข้าพบ และหารือผู้นำรัฐบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์) และผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต่างให้การยืนยันว่าจะจัดสิ่งอำนวยความสะดวกให้ทุกคน รวมถึงคนพิการทุกประเภทสามารถใช้รถโดยสารที่จะจัดซื้อใหม่ทุกคัน ทั้งนี้ หาก ขสมก. มิได้ดำเนินการตามคำกล่าวของผู้นำรัฐบาลและฝ่ายบริหาร ก็จะถูกประชาชน โดยเฉพาะผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งประเทศได้เรียนรู้ และจดจำว่า...นักการเมืองกล่าวเท็จและหลอกลวงประชาชนไปวันๆ ซึ่งไม่สร้างสรรค์ และนำไปสู่ความเสียหายยิ่งใหญ่ อันไม่น่าเกิดขึ้นจากการขาดจิตสำนึกต่อสิทธิและความเสมอภาคของประชาชนคนไทยทุกกลุ่มของผู้ปฏิบัติงานเพียงไม่กี่คน

อนึ่ง ในร่าง TOR ที่กำหนดให้จัดซื้อรถโดยสารธรรมดา (รถร้อน) มีคุณลักษณะด้านความปลอดภัยว่าต้องวิ่งบริการรับ-ส่งและช่วยเหลือประชาชนในพื้นถนนที่มีน้ำท่วมขังไม่น้อยกว่า ๗๐ เซนติเมตร ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จำนวนมากถึง ๑,๖๕๙ คัน น่าจะขัดกับวัตถุประสงค์ของโครงการฯ เพราะโครงการนี้ที่ไม่ได้ระบุว่า ให้ซื้อรถโดยสารมาใช้งานในพื้นถนนที่มีน้ำท่วมขัง

ทั้งนี้ การเกิดน้ำท่วมขังมี ๒ ลักษณะ คือ มีฝนตกหนักหรือน้ำทะเลหนุน ลักษณะเช่นนี้มีพื้นที่เฉพาะ ท่วมขังระยะสั้นประมาณ ๓ ชั่วโมง และไม่ถึงระดับ ๗๐ เซนติเมตร อีกลักษณะหนึ่งคือเกิดมหาอุทกภัยเช่นในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ในครั้งนั้นมีการระดมยานพาหนะขนส่งของทหารและเรือเข้ามาช่วยประชาชน และ ขสมก. ก็มีบทบาทนำรถโดยสารออกมาช่วยประชาชนในโอกาสเดียวกัน แต่สิ่งเหล่านี้ในปัจจุบันได้รับการแก้ไขปัญหาแล้ว พร้อมทั้งมีมาตรการต่างๆ ในการแก้ไขสถานการณ์ ดังนั้นเหตุการณ์มหาอุทกภัยในกรุงเทพมหานครจึงมิน่าจะเกิดขึ้น หรือหากเกิดน้ำท่วมขังไม่น้อยกว่า ๗๐ เซ็นติเมตรจริง นอกจากประชาชนจะไม่สามารถออกมาใช้บริการรถโดยสารแล้ว ก็มิใช่หน้าที่หลักของ ขสมก. ที่จะต้องเตรียมรถเพื่อบริการประชาชนถึง ๑,๖๕๙ คัน หากบวกเพิ่มรถโดยสารเก่าที่มีลักษณะเช่นนี้อยู่แล้ว ยิ่งชี้ชัดว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจัดซื้อรถโดยสารธรรมดา (รถร้อน) ถึง ๑,๖๕๙ คัน เพื่อลุยน้ำท่วมได้ ๗๐ เซนติเมตร และอาจนำไปสู่ข้อสงสัยว่าจะมีเจตนาที่มิสุจริต

บุคคลทั่วไปทดลองใช้ทางลาดของรถเมล์ชานต่ำ

นอกจากนั้น วัตถุประสงค์ของโครงการจัดซื้อรถฯ ในข้อ ๒ ระบุว่าเพื่อยกระดับคุณภาพและมาตรฐานในการให้บริการรวมทั้งความน่าเชื่อถือได้ (Reliability) ของบริการรถโดยสารประจำทางสาธารณะ การจัดซื้อรถโดยสารธรรมดา (รถร้อน) ๑,๖๕๙ คันนี้ น่าจะสวนทางกับวัตถุประสงค์ เนื่องจากเป็นรถที่มีคุณลักษณะเก่า ไร้ความนุ่มนวล (ไม่มีระบบ Air Suspension) และที่สำคัญคือไม่สะดวก ไม่ปลอดภัย ไม่เท่าเทียม และไม่ทั่วถึงตามมาตรฐานบริการรถโดยสารสาธารณะในระดับสากล

ภาคีเครือข่ายประชาชน : ทุกคนขึ้นรถเมล์ได้ทุกคัน ขอยืนยันข้อเสนอแนะที่ได้นำแจ้งต่อ ขสมก. หลายครั้งหลายคราอย่างต่อเนื่องว่า คนพิการ ผู้สูงอายุ รวมทั้งประชาชนกลุ่มต่างๆ ผู้ใช้รถโดยสารประจำทางสาธารณะต้องการพิทักษ์สิทธิในการใช้รถโดยสารทุกคันอย่างเท่าเทียมกัน โดย ขสมก. ต้องจัดซื้อรถโดยสารใหม่ทั้ง ๓,๑๘๓ คัน ที่มีระบบอำนวยความสะดวกให้ “ประชาชนทุกคนใช้รถเมล์ได้ทุกคัน”

ขอบคุณ...สุภรธรรม มงคลสวัสดิ์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย ๔ ต.ค.๕๖

ที่มา: สุภรธรรม มงคลสวัสดิ์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย ๔ ต.ค.๕๖
วันที่โพสต์: 4/10/2556 เวลา 04:13:59 ดูภาพสไลด์โชว์ “ภาคีเครือข่ายปชช:ทุกคนขึ้นรถเมล์ได้ทุกคัน” โวย ขสมก.เลือกปฏิบัติต่อคนพิการ

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

รถเมล์ชานต่ำ เมื่อวันที่ ๓ ต.ค.๕๖ ภาคีเครือข่ายประชาชน : ทุกคนขึ้นรถเมล์ได้ทุกคัน ซึ่งประกอบด้วย สมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย สภาศูนย์การดำรงชีวิตอิสระของคนพิการประเทศไทย สมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อพัฒนาคนพิการ และมูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย และเครือข่ายองค์กรของคนพิการ และองค์กรเพื่อคนพิการประเภทต่างๆ ฯลฯ ได้ร่วมกันยื่นข้อเสนอแนะต่อองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เรื่อง ร่างขอบเขตของงาน (Term of reference : TOR ) โครงการจัดซื้อรถโดยสารใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ( NGV ) จำนวน ๓,๑๘๓ คัน ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เลือกปฏิบัติต่อคนพิการ ทั้งนี้ ภาคีเครือข่ายประชาชนฯ ได้ยื่นข้อเสนอแนะ พร้อมทั้งยืนยันให้แก้ไขสาระสำคัญของโครงการจัดซื้อรถโดยสารฯ ๒ ประการ ได้แก่ ๑) รถเมล์ใหม่ทั้ง ๓,๑๘๓ คัน ทั้งรถโดยสาร( รถเมล์)ปรับอากาศและรถโดยสารธรรมดา (รถเมล์ร้อน) จะต้องจัดให้มีระบบอำนวยความสะดวกให้ทุกคนในสังคม รวมถึงผู้สูงอายุ และคนพิการทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากรถเมล์ทุกคันได้อย่างสะดวก และปลอดภัยในโอกาสแรกที่เปิดให้บริการ และ ๒) รถเมล์ใหม่ทั้ง ๓,๑๘๓ คัน ทั้งรถโดยสารปรับอากาศและรถโดยสารธรรมดาต้องมีระบบเสียงและตัวอักษรวิ่งบนป้ายอิเล็กทรอนิกส์หรือจอภาพ โดยติดที่บริเวณใกล้เคียงคนขับรถหรือตัวรถโดยสาร เพื่อแสดงข้อความหรือสัญลักษณ์ให้คนตาบอดและคนหูหนวกได้รับทราบข้อมูลข่าวสารที่สื่อสารกับผู้โดยสารทั่วไป เช่น หมายเลขรถประจำทาง จุดหมายปลายทาง ชื่อป้ายจอดรถโดยสารป้ายถัดไป ประกาศกำหนดเวลาออกรถ ประกาศว่ารถถึงจุดหมายปลายทางแล้ว หรือประกาศเตือนภัยต่าง ๆ เป็นต้น คนพิการนั่งรถเข็นใช้บริการรถเมล์สาธารณะ ภาคีเครือข่ายประชาชนฯ ได้ย้ำว่า ข้อเสนอทั้ง ๒ ประการดังกล่าวเป็นหัวใจหลักที่ ขอให้ ขสมก.กำหนดไว้ในร่าง TOR ฉบับที่ ๓ หาก ขสมก. ไม่ดำเนินการแก้ไข TOR ตามข้อเสนอนี้ ทางภาคีเครือข่ายประชาชนฯ โดยเฉพาะ ผู้สูงอายุ คนพิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นที่จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายโดยทันทีที่มีการประกาศให้มีการประมูลจัดซื้อรถโดยสารใหม่ พร้อมทั้งใช้สิทธิพลเมืองในการเคลื่อนไหวอย่างสงบตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ทั้งนี้ ข้อเสนอแนะดังกล่าวเป็นไปตามหลักกฎหมายและผลประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นคนพิการ ผู้สูงอายุ เด็ก สตรีมีครรภ์ และพ่อแม่ที่มีลูกเล็กนั่งรถเข็นเด็ก เป็นต้น ตลอดจนส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก (World Class Tourism Destination) ซึ่งการพัฒนาเมืองและบริการสาธารณะต่างๆ จะต้องมีการออกแบบที่เป็นสากล (Universal Design : UD) เป็นที่แน่ชัดว่าการกำหนด TOR นี้เลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อคนพิการ ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ( ฉบับที่ ๒ ) พ.ศ. ๒๕๕๖ รวมทั้งพันธะสัญญาที่ประเทศไทยได้ลงนามไว้ในกฎหมายระหว่างประเทศ เช่น อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ (CRPD) และยุทธศาสตร์อินชอน เป็นต้น ซึ่งการที่ ขสมก.ดึงดันประกาศ TOR ที่ขัดหลักกฎหมายและธรรมาภิบาล จะนำความเสียหายแก่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ เพิ่มความเหลื่อมล้ำทางสังคม สร้างความเสื่อมเสียเกียรติภูมิของชาติในการดูแลประชาชนอย่างเท่าเทียมอันเป็นหลักสากล รวมถึง สร้างความอับอายขายหน้าแก่ผู้นำรัฐบาลเนื่องจาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี (นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ซึ่งได้กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุม คณะมนตรีสิทธิมนุษยชน HRC 24 ณ สำนักงานสหประชาชาติ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ซึ่งมีข้อความตอนหนึ่งว่า “สำหรับผู้พิการดิฉันได้สนับสนุนนโยบาย และการปฏิบัติการให้ดำเนินการตามมาตรฐานสากลเพื่อคนพิการ (Universal Design) เพื่อลดอุปสรรคทางกายภาพ ผู้พิการต้องสามารถเข้าถึงบริการการเดินทางที่เท่าเทียม ตลอดจนสิทธิประโยชน์ทางสังคม และการสร้างรายได้” ข้อความนี้ได้แสดงเจตนารมณ์ นโยบาย และการนำสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมว่าหน่วยงานที่จัดบริการการเดินทางต้องจัดบริการด้วยการใช้มาตรฐาน สากล เพื่อให้คนพิการสามารถใช้บริการเดินทางได้อย่างเท่าเทียมกับคนทั่วไป ที่ผ่านมาภาคีเครือข่ายประชาชนฯ โดยเฉพาะกลุ่มคนพิการ ผู้สูงอายุ และเด็ก ได้เข้าพบ และหารือผู้นำรัฐบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์) และผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต่างให้การยืนยันว่าจะจัดสิ่งอำนวยความสะดวกให้ทุกคน รวมถึงคนพิการทุกประเภทสามารถใช้รถโดยสารที่จะจัดซื้อใหม่ทุกคัน ทั้งนี้ หาก ขสมก. มิได้ดำเนินการตามคำกล่าวของผู้นำรัฐบาลและฝ่ายบริหาร ก็จะถูกประชาชน โดยเฉพาะผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งประเทศได้เรียนรู้ และจดจำว่า...นักการเมืองกล่าวเท็จและหลอกลวงประชาชนไปวันๆ ซึ่งไม่สร้างสรรค์ และนำไปสู่ความเสียหายยิ่งใหญ่ อันไม่น่าเกิดขึ้นจากการขาดจิตสำนึกต่อสิทธิและความเสมอภาคของประชาชนคนไทยทุกกลุ่มของผู้ปฏิบัติงานเพียงไม่กี่คน อนึ่ง ในร่าง TOR ที่กำหนดให้จัดซื้อรถโดยสารธรรมดา (รถร้อน) มีคุณลักษณะด้านความปลอดภัยว่าต้องวิ่งบริการรับ-ส่งและช่วยเหลือประชาชนในพื้นถนนที่มีน้ำท่วมขังไม่น้อยกว่า ๗๐ เซนติเมตร ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จำนวนมากถึง ๑,๖๕๙ คัน น่าจะขัดกับวัตถุประสงค์ของโครงการฯ เพราะโครงการนี้ที่ไม่ได้ระบุว่า ให้ซื้อรถโดยสารมาใช้งานในพื้นถนนที่มีน้ำท่วมขัง ทั้งนี้ การเกิดน้ำท่วมขังมี ๒ ลักษณะ คือ มีฝนตกหนักหรือน้ำทะเลหนุน ลักษณะเช่นนี้มีพื้นที่เฉพาะ ท่วมขังระยะสั้นประมาณ ๓ ชั่วโมง และไม่ถึงระดับ ๗๐ เซนติเมตร อีกลักษณะหนึ่งคือเกิดมหาอุทกภัยเช่นในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ในครั้งนั้นมีการระดมยานพาหนะขนส่งของทหารและเรือเข้ามาช่วยประชาชน และ ขสมก. ก็มีบทบาทนำรถโดยสารออกมาช่วยประชาชนในโอกาสเดียวกัน แต่สิ่งเหล่านี้ในปัจจุบันได้รับการแก้ไขปัญหาแล้ว พร้อมทั้งมีมาตรการต่างๆ ในการแก้ไขสถานการณ์ ดังนั้นเหตุการณ์มหาอุทกภัยในกรุงเทพมหานครจึงมิน่าจะเกิดขึ้น หรือหากเกิดน้ำท่วมขังไม่น้อยกว่า ๗๐ เซ็นติเมตรจริง นอกจากประชาชนจะไม่สามารถออกมาใช้บริการรถโดยสารแล้ว ก็มิใช่หน้าที่หลักของ ขสมก. ที่จะต้องเตรียมรถเพื่อบริการประชาชนถึง ๑,๖๕๙ คัน หากบวกเพิ่มรถโดยสารเก่าที่มีลักษณะเช่นนี้อยู่แล้ว ยิ่งชี้ชัดว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจัดซื้อรถโดยสารธรรมดา (รถร้อน) ถึง ๑,๖๕๙ คัน เพื่อลุยน้ำท่วมได้ ๗๐ เซนติเมตร และอาจนำไปสู่ข้อสงสัยว่าจะมีเจตนาที่มิสุจริต บุคคลทั่วไปทดลองใช้ทางลาดของรถเมล์ชานต่ำ นอกจากนั้น วัตถุประสงค์ของโครงการจัดซื้อรถฯ ในข้อ ๒ ระบุว่าเพื่อยกระดับคุณภาพและมาตรฐานในการให้บริการรวมทั้งความน่าเชื่อถือได้ (Reliability) ของบริการรถโดยสารประจำทางสาธารณะ การจัดซื้อรถโดยสารธรรมดา (รถร้อน) ๑,๖๕๙ คันนี้ น่าจะสวนทางกับวัตถุประสงค์ เนื่องจากเป็นรถที่มีคุณลักษณะเก่า ไร้ความนุ่มนวล (ไม่มีระบบ Air Suspension) และที่สำคัญคือไม่สะดวก ไม่ปลอดภัย ไม่เท่าเทียม และไม่ทั่วถึงตามมาตรฐานบริการรถโดยสารสาธารณะในระดับสากล ภาคีเครือข่ายประชาชน : ทุกคนขึ้นรถเมล์ได้ทุกคัน ขอยืนยันข้อเสนอแนะที่ได้นำแจ้งต่อ ขสมก. หลายครั้งหลายคราอย่างต่อเนื่องว่า คนพิการ ผู้สูงอายุ รวมทั้งประชาชนกลุ่มต่างๆ ผู้ใช้รถโดยสารประจำทางสาธารณะต้องการพิทักษ์สิทธิในการใช้รถโดยสารทุกคันอย่างเท่าเทียมกัน โดย ขสมก. ต้องจัดซื้อรถโดยสารใหม่ทั้ง ๓,๑๘๓ คัน ที่มีระบบอำนวยความสะดวกให้ “ประชาชนทุกคนใช้รถเมล์ได้ทุกคัน” ขอบคุณ...สุภรธรรม มงคลสวัสดิ์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย ๔ ต.ค.๕๖

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...