รายละเอียดกระทู้

กลุ่มผู้พิการบุก ขสมก.ทวงขอใช้บริการรถเมล์ร้อนNGV "...เงินเดือนไม่เคยได้ใช้ หมดไปกับค่าแท็กซี่, ประชาชนทุกวัยควรได้ใช้รถชานต่ำ, ขสมก.ขาดหลักบริการอย่างเท่าเทียม ทั่วถึง และเป็นธรรม.." ข้อความส่วนหนึ่งจากป้ายประท้วงของกลุ่มคนพิการกว่า 50 ชีวิต ซึ่งเข็นรถวีลแชร์คู่กายมานัดรวมตัวกันที่สำนักงานใหญ่องค์การขนส่งมวลชน กรุงเทพ (ขสมก.) เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องให้ ขสมก.จัดซื้อรถเมล์พื้นต่ำที่ไม่มีบันไดและเสากั้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้หญิงตั้งครรภ์และแม่ลูกอ่อน เด็ก และคนป่วย ทั้งนี้ การเรียกร้องของพวกเขาไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของคนพิการเพียงอย่างเดียว แต่เป็นประโยชน์ของทุกคนในสังคมด้วย ปรากฏการณ์ความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนพิการทั่วประเทศกว่า 50 ชีวิต ในนาม "เครือข่ายรถเมล์เพื่อประชาชนที่ทุกคนขึ้นได้" ครั้งนี้ มีจุดเริ่มต้นจากพื้นที่เล็กๆ บนโลกออนไลน์ http://www.change.org/bus4all แล้วขยายเป็นแรงสนับสนุกกว่า 7,600 รายชื่อ นำมายื่นให้คณะกรรมการร่างทีโออาร์ จัดซื้อรถเมล์ NGV ใหม่ 3,183 คัน วงเงิน 13,162.2 ล้านบาท และจะนำอีก 10,000 รายชื่อ ยื่นให้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม “เราอยากนั่งรถเมล์แบบคนทั่วไป เพื่อที่เราจะสามารถไปทำงาน ทำมาหากินได้ ไม่อยากเป็นภาระให้คนอื่น แต่ทุกวันนี้ไปไหนไม่ได้ เพราะรายได้ไม่พอจ่ายค่าแท็กซี่ อีกทั้งบางครั้งก็ถูกแท็กซี่ปฏิเสธไม่ให้ขึ้นรถ เพราะเห็นว่าเราเป็นคนพิการ จึงอยากได้ความเป็นธรรมให้คนพิการได้มีโอกาสใช้รถเมล์บ้าง” นายนรินทร์ จันทร์ทิม ประธานเครือข่ายรถเมล์เพื่อประชาชนฯ ขอโอกาสที่จะได้นั่งรถเมล์ก่อนตาย หลังจากเขารอคอยมากว่า 50ปี "นรินทร์" ย้ำอีกว่า อยากจะขอความเมตตาจาก ขสมก.ว่า รถลอตใหม่ที่จะซื้อขอให้คิดถึงกลุ่มคนพิการบ้าง เพราะงบประมาณตรงนี้มาจากภาษีประชาชน คนพิการก็เสียภาษีเหมือนคนทั่วไป ส่วนที่มีการอ้างว่าจะทำลิฟต์ให้คนพิการแทนนั้น ยืนยันว่า ในทางปฏิบัติเป็นไปไม่ได้ ทุกวันนี้สถานีรถไฟฟ้าที่มีลิฟต์ก็ไม่ครบทุกสถานี อีกทั้งการขึ้นลงแต่ละครั้งยังใช้เวลานานอย่างน้อย 2-3 นาที ผิดกับทางลาดที่ใช้เวลาแค่ 40 วินาทีเท่านั้น จากข้อเรียกร้องดังกล่าว "โอภาส เพชรมุณี" ผอ.ขสมก.ยอมรับว่า ถึงแม้ว่าอำนาจ แต่การเขียนทีโออาร์จะเป็นของคณะกรรมการทีโออาร์ แต่เมื่อมีเสียงเรียกร้องเข้ามาว่าให้มีการจัดหารถเมล์ที่ทุกคนใช้ร่วมกันได้ ก็ต้องรับฟัง เพราะมันควรมีความโปร่งใส การรับฟังเสียงประชาชนครั้งนี้ เชื่อว่าจะมีผลกับการแก้ไขทีโออาร์ใหม่ได้ ทั้งนี้ นายชัชชาติก็ย้ำตลอดว่า การจัดซื้อรถเมล์ลอตใหญ่ต้องมีความชัดเจน ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอนทางขสมก.จะทำเรื่องนี้ให้ดีที่สุด ด้าน "อาภาณี มิตรทอง" ผู้เริ่มการรณรงค์บน Change.org บอกว่า ทางกลุ่มจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด โดยจะระดมคนพิการไปเสนอความเห็นในการทำประชาพิจารณ์ที่จะเกิดขึ้นให้มากที่สุด เชื่อว่าการทำประชาพิจารณ์อาจจะเป็นแค่การสร้างความชอบธรรมในการด้านกระบวนการเท่านั้น ทั้งนี้ ยืนยันว่าพวกเราต้องการให้รถเมล์ทั้ง 3,183 คัน เป็นรถเมล์พื้นต่ำทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะแค่ปรับอากาศอย่างเดียว เนื่องจากการบริการไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ หากไม่เป็นไปตามที่ว่านี้ ถ้าทีโออาร์ฉบับนี้ผ่านจนมีการประกาศจัดซื้อทางเครือข่ายจะฟ้องศาลปกครองเพื่อขอยับยั้งการจัดซื้อดังกล่าวทันที “ในสังคมเราจะเห็นคนพิการออกมาใช้ชีวิตน้อยมาก ไม่ใช่เพราะคนพิการมีจำนวนน้อย แต่เป็นเพราะคนพิการออกมาในสังคมไม่ได้ต่างหาก เพราะเราไม่มีรถเมล์ที่เราสามารถขึ้นได้ ทำให้เราเป็นพวกที่ถูกลืม ทั้งที่ประเทศไทยมีคนพิการถึง 1.8 ล้านคน พวกเราควรได้รับบริการพื้นฐานนี้บ้าง" อาภาณี กล่าวทิ้งท้าย สำหรับประเด็นที่ ขสมก.ระบุว่า ไม่สามารถจัดรถเมล์ร้อนให้เป็นรถพื้นต่ำได้ เพราะอาจจะมีปัญหาหากมีน้ำท่วมนั้น "อาภาณี" บอกว่า เป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น เพราะการบริหารจัดการเรื่องน้ำท่วมเป็นคนละเรื่องกับการจัดซื้อรถเมล์ ผู้มีอำนาจต้องคิดว่า ทำอย่างไรไม่ให้น้ำท่วม เพราะน้ำท่วมไม่ได้ส่งปัญหาต่อรถเมล์เท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงประชาชนทั่วไปด้วย ดังนั้นการซื้อรถเมล์พื้นสูงจึงไม่ใช่การแก้ปัญหาเรื่องน้ำท่วม อีกทั้งน้ำที่ท่วมในกรุงเทพฯ มีลักษณะท่วมขังสั้นๆ หลังฝนตก เพราะระบายไม่ทันเท่านั้น ไม่ใช่น้ำท่วมขังยาวนาน ผู้มีอำนาจควรแยกปัญหานี้ออกจากกัน เพราะฉะนั้นรถเมล์ทุกคันควรจะเป็นรถที่ทุกคนขึ้นได้ น่าจะเป็นคำตอบที่เหมาะสมกว่า ล่าสุด ช่วงบ่ายวันที่ 29 ตุลาคม ที่ผ่านมา ทางเครือข่ายรถเมล์เพื่อประชาชนฯ นัดประชุมกันที่ศูนย์พัฒนาและฝึกอบรมคนพิการแห่งเอเชียและแปซิฟิก (เอพีซีดี) เพื่อเตรียมความพร้อมการให้ข้อมูลต่อการทำประชาพิจารณ์ที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.)จะเปิดให้มีการทำประชาพิจารณ์อีกครั้ง ควบคู่กับการเคลื่อนไหวบนเวทีคู่ขนานบน Change.org กำลังระดมรายชื่ออีกกว่า 1,000 รายชื่อ เพื่อให้ครบ1หมื่นรายชื่อเตรียมยื่นให้รัฐมนตรีกว่าการกระทรวงคมนาคม "...ร่วมกันลงชื่อให้ได้มากที่สุดนะคะ รถเมล์ทุกคันควรจะขึ้นได้ทุกคน ทั้งผู้สูงอายุ คนท้อง แม่ที่มีรถเข็นเด็ก รวมทั้งคนพิการ และรถเมล์ที่ไม่มีขั้นบันได เป็นคือคำตอบ ความฝันของคนเราทุกคน อยากมีรายได้ที่มั่นคง มีเงินเก็บหอมรอมริบ อยากเลี้ยงดูพ่อแม่ มีเงินไว้ซื้อเสื้อผ้า ไปเที่ยวบ้าง เก็บเงินไว้เพื่ออนาคต ฉันเชื่อว่าทุกคนมีความฝัน และการมีรถเมล์ที่เข้าถึงได้จะช่วยให้ส่วนหนึ่งของความฝันของดิฉันและเพื่อนๆอีกหลายคนเป็นจริง..." "อุไรวรรณ พูลศิริสมบัติ" หนึ่งในผู้ร่วมลงรายชื่อสนับสนุนและแสดงความคิดเห็นว่า ไม่ควรมีใครเป็นภาระของใคร ทุกวันนี้คนพิการออกสู่สังคมน้อยมาก เพราะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก สำหรับคนพิการ ทำให้คนพิการไปไหนมาไหนลำบาก ถ้ามีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการ สามารถทำให้คนพิการพึ่งพาตนเองได้ โดยที่ไม่ต้องรอคนอื่นประเทศชาติจะได้มีประชากรที่มีศักยภาพออกมาทำงานเพื่อบ้านเมืองอีกมาก "วลีภรณ์ หาญนภาชีวิน" มองว่า การเดินทางของคนพิการแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายสูงมาก เพราะการขนส่งสาธารณะ ที่ไม่เป็นธรรมและไม่เท่าเทียมในสังคม โดยเฉพาะรถเมล์ประจำทางที่คนพิการไม่สามารถใช้ได้เลย โดยเฉพาะคนพิการที่ใช้รถเข็น ถ้ามีระบบขนส่งสาธารณะที่เหมาะสมสำหรับผู้พิการ จะทำให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น ส่วน "ก้องเกียรติ ชูดำ" หนึ่งในผู้พิการที่ร่วมลงชื่อ บอกว่า อยากให้เพื่อนๆ ออกมาสู่สังคม คนในสังคมจะได้รู้ว่ายังมีพวกเราอยู่ พวกเราก็อยากไปทำงาน (ถ้าการเดินทางสะดวก) อยากไปเที่ยว อยากใช้ชีวิตเหมือนคนไม่พิการทั่วๆไป ไม่ต่างจาก "ปารณัท สัมฤทธิ์เดชขจร" คนพิการควรได้ออกมาใช้ชีวิตข้างนอกบ้าง ไม่ใช่ให้อยู่แต่ในบ้าน ทำอะไรไม่ได้ คนพิการไม่ได้อยากอยู่แต่ในบ้าน แต่เพราะสังคมเราลืมคนพิการไปแล้วต่างหาก แม้จะมีรถเมล์ฟรีจากภาษีประชาชน แต่มันก็ช่วยได้แค่หน่อยหนึ่งเท่านั้นเอง ไหนจะบันไดที่สูง คนแก่เองก็คงปีนไม่ไหวหรอก ยิ่งคนพิการอีกดังนั้นจึงควรทำให้คนพิการสามารถขึ้นรถเมล์ได้ "กัมปนาท ขุนศรี" ร่วมแสดงความเห็นว่า หวังว่าท่านรัฐมนตรีจะเห็นใจผู้พิการ เพราะไม่แน่ว่าวันหนึ่งผมและท่านอาจต้องไปนั่งอยู่บนรถเข็นด้วย!! ขอบคุณ... http://www.komchadluek.net/detail/20131031/171720.html คมชัดลึกออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 31 ต.ค.56