Florence Chan และสตาร์ทอัพของเธอที่พัฒนาเข็มขัด AI เพื่อช่วยนำทางผู้พิการทางสายตา

Florence Chan และสตาร์ทอัพของเธอที่พัฒนาเข็มขัด AI เพื่อช่วยนำทางผู้พิการทางสายตา

ในโลกที่เทคโนโลยีแสนล้ำสมัย การค้นพบว่าผู้พิการทางสายตายังคงใช้เครื่องช่วยนำทางแบบดั้งเดิม ทำให้ Florence Chan ลุกขึ้นมาพัฒนาอุปกรณ์ที่ใช้ประโยชน์ AI ในการนำทาง

ระหว่างศึกษาวิศวกรรมชีวการแพทย์ระดับปริญญาเอก Florence Chan สังเกตุเห็นว่าผู้พิการทางสายตายังคงใช้ไม้เท้าสีขาวและสุนัขนำทางในการเดินในห้างสรรพสินค้า เธอจึงเกิดความสงสัยว่าถ้าเราสามารถพัฒนารถขับเคลื่อนอัตโนมัติได้ ทำไมเราไม่ ‘autopilot’ คนด้วย

Florence คือหนึ่งใน Gen.T Leader of Tomorrow ของฮ่องกง เธอคือผู้ร่วมก่อตั้งและผู้บริหารสตาร์อัพ AI Guided

เพื่อสำรวจความต้องการ Florence ติดต่อสมาคมคนตาบอดแห่งฮ่องกง และได้เรียนรู้ปัญหาของอุปกรณ์ที่มีอยู่ในตลาด อย่างเช่นระบบกำหนดตำแหน่งบนโลกหรือ GPS มักทำงานผิดพลาดในสภาพแวดล้อมที่มีสิ่งปลูกสร้างหนาแน่น ส่งผลให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการนำทาง หรือเรื่องคุณภาพเสียงบอกทางที่ถูกรบกวนด้วยเสียงรอบข้างและความไม่สบายของอุปกรณ์สวมศีรษะ ผู้พิการส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะใช้เครื่องมือแบบดั้งเดิมอย่างไม้เท้าขาว หรือบางคนเลือกที่จะไม่ใช้อุปกรณ์อะไรเลยแม้ว่าจะเสี่ยงมากก็ตาม

Florence Chan และสตาร์ทอัพของเธอที่พัฒนาเข็มขัด AI เพื่อช่วยนำทางผู้พิการทางสายตา

Florence ร่วมก่อตั้งสตาร์ทอัพ AI Guided กับเพื่อนสมัยเรียน Steve Kong ในปี 2020 ด้วยเป้าหมายที่จะใช้ประโยชน์จากความสามารถของปัญญาประดิษฐ์เพื่อสร้างทางเลือกที่ดีกว่า โดยคำนึงถึงข้อมูลที่ได้มาจากสมาคมคนตาบอดเป็นพื้นฐาน

ผลิตภัณฑ์เรือธงของ AI Guided เป็นเข็มขัดนำทางเรียกว่า Guidi และเพิ่งได้รับรางวัลนวัตกรรม CES ที่งานมหกรรมสินค้าเทคโนโลยีระดับโลก จัดโดยสมาคมเทคโนโลยีเพื่อผู้บริโภคของสหรัฐฯ (Consumer Technology Association หรือ CTA) ที่นครลาสเวกัส

หลักการทำงานของ Guidi คือการใช้การสั่นสะเทือนเพื่อบอกทาง หลังจากที่ผู้ป้อนข้อมูลจุดหมายปลายทางเพื่อค้นหาเส้นทางในแผนที่ เข็มขัดก็จะนำทางด้วยการสั่น ซึ่งการสั่นแต่ละรูปแบบจะสื่อสารข้อมูลเฉพาะเพื่อบอกให้เลี้ยวซ้ายหรือขวา หรือเตือนว่ามีขั้นบันได

เข็มขัดที่ว่านี้มีกล้องเพื่อสแกนสภาพแวดล้อมภายในรัศมี 5 เมตร ซึ่งไกลกว่าระยะเอื้อมของไม้เท้าขาวถึงเกือบ 7 เท่า และจะส่งสัญญาณเตือนหากมีสิ่งกวาดขวาง โดยใช้ระบบ AI คำนวณเส้นทางที่ชัดเจนด้วยการประมวลผลข้อมูลแบบเรียลไทม์ ทำงานเป็นอิสระจาก GPS หรือ Wi-Fi

“ภารกิจของเราคือการใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อความดี ความเอื้ออารี และเพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้กับผู้คน เป้าหมายระยะสั้นคือการสร้างความคล่องตัวให้กับคนที่มีความบกพร่องทางการมองเห็น และในท้ายที่สุด เราต้องการให้พวกเขาได้รับความสะดวกสบายเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ” Florence กล่าวกับ Tatler

Florence Chan และสตาร์ทอัพของเธอที่พัฒนาเข็มขัด AI เพื่อช่วยนำทางผู้พิการทางสายตา

ก้าวสู่โลกของ AI

Florence มีความสนใจในเรื่องวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ตั้งแต่เด็ก เธอสนุกกับการสร้างชิ้นงานต่างๆ และมักพยายามซ่อมอุปกรณ์อะไรก็ตามที่เสียในบ้าน ความสนใจนี้ทำให้เธอไปศึกษาด้านวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์เชิงกล (mechatronic engineering) ที่ City University of Hong Kong และเรียนรู้วิธีการสร้างวัตถุต่างๆ เช่น พลาสติก โลหะ และแผงวงจรพิมพ์

หลังจบการศึกษา Florence ทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านอุตสาหกรรมที่สถาบันเพิ่มผลผลิตของฮ่องกง เธอต้องไปโรงงานหลายแห่งเพื่อประเมินประบวนการผลิตและตรวจสอบว่าตรงตามมาตรฐาน ISO หรือไม่

“พอทำงานที่นั่นไปสักสองสามปี ฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เก่งขึ้นเลย โลกยังคงสร้างนวัตกรรมต่อไป ในขณะที่ฉันรู้สึกว่างานที่ทำอยู่ค่อนข้างจะโบราณ”

เธอตัดสินใจศึกษาต่อปริญญาเอกด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์ในปี 2015 เพราะเชื่อว่าสาขานี้มีโอกาสก้าวหน้ากว่า ในช่วงเวลานั้นก็เริ่มมีข่าวคราวเกี่ยวกับความก้าวหน้าของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ มีการก่อตั้งองค์กรวิจัยปัญญาประดิษฐ์ OpenAI ของสหรัฐฯ และโปรแกรม DeepMind AlphaGo ของ Google ได้เอาชนะนักเล่นโกะระดับปรมาจารย์ชาวเกาหลีใต้ Lee Se-dol ได้สำเร็จ อาจารย์ของ Florence เชื่อว่าเทคโนโลยีนี้จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง และสนับสนุนให้เธอนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในโครงการวิจัยเกี่ยวกับการระบุเซลล์อัตโนมัติ

แม้ว่าการใช้ AI ในงานวิจัยของเธอตอนนั้นจะไม่เกี่ยวอะไรกับเครื่องมือนำทางที่เธอพัฒนาขึ้นภายหลังแต่นั่นคือการเปิดประตูให้เธอสำรวจงานด้านนี้มากขึ้น

เป็นดวงตาให้ผู้ที่มองไม่เห็น

ในช่วงที่กำลังพัฒนาเข็มขัดนำทาง Florence และทีมของเธอได้ทำงานร่วมกับผู้พิการทางสายตาจำนวนกว่า 100 คน ทั้งการสัมภาษณ์เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม ทำความเข้าใจประสบการณ์เฉพาะตัวของแต่ละคนเมื่อต้องเดินทางคนเดียวในสภาพแวดล้อมในเมือง และเชิญพวกเขามาทดสอบผลิตภัณฑ์ต้นแบบ

เรื่องราวมากมายที่ผู้ใช้เหล่านี้เล่าให้ฟังกลายเป็นแรงผลักดันให้เธอทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อทำให้เกิดผลิตภัณฑ์นี้ให้ได้

“ฉันได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งถ้าพิจารณาจากรูปร่างหน้าตาและการแต่งตัว เราดูไม่ออกเลยว่าเธอมีปัญหาทางสายตา เธอเล่าให้ฟังว่าเธอสามารถมองเห็นได้ในตอนกลางวันและกลับมองไม่ค่อยเห็นในเวลากลางคืน แต่เธอเลือกที่จะไม่ใช้เครื่องมือช่วยใดๆ เพราะกังวลว่าเครื่องมือดังกล่าวอาจทำให้เธอตกเป็นเป้าหมายของคนที่มีเจตนาไม่ดีได้ง่ายๆ”

ความคิดเห็นที่ตรงไปตรงมาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ต้นแบบนั้นมีส่วนสำคัญในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์อย่างมาก ในตอนแรก Florence นึกภาพการติดกล้องไว้ที่หน้าอกของผู้ใช้ผ่านสายรัดจากเครื่องพิมพ์ 3 มิติ “บางคนมองว่างานออกแบบเดิมของเราไม่น่าใช้ เนื่องจากต้องสวมสิ่งของขนาดใหญ่ไว้ที่หน้าอก พวกเขาชอบตัวเลือกที่ไม่กระโตกกระตากและมีสไตล์มากกว่า เพราะพวกเขาใส่ใจกับเสื้อผ้าที่ใส่และวิธีที่ผู้อื่นมองเป็นอย่างมาก จากนั้นผู้ตอบแบบสอบถามรายหนึ่งจึงเสนอให้สร้างเป็นเข็มขัดนำทางแทน”

เธอบอกด้วยว่าเข็มขัดนำทางนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นเลยถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้จัดหาชิ้นส่วนและผู้ผลิตหลายราย เช่น Arrow Electronics และ Surface Mount Technology Limited บริษัทเหล่านี้ได้ให้ความช่วยเหลืออย่างใจกว้างในการออกแบบและผลิตชิ้นส่วนบางอย่างในราคาต่ำ แม้จำนวนการสั่งซื้อไม่ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำก็ตาม

การกำหนดเส้นทางใหม่

ก่อนที่จะเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้อย่างเต็มที่ ความท้าทายใหญ่สุดของ Florence ในสองปีแรกกลับเป็นเรื่องชุดความคิดและนิสัยการทำงานที่ต้องปรับเปลี่ยนให้ได้ จากที่เคยทำงานคนเดียวเป็นหลัก เมื่อเธอร่วมก่อตั้งบริษัทในปี 2020 เธอต้องเรียนรู้ที่จะบริหารธุรกิจและจัดการทีมงาน

นั่นเป็นช่วงเวลาที่เธอยังอยู่ระหว่างการเรียนปริญญาเอกที่สำเร็จในปี 2022 สิ่งแรกที่ทำที่เหมือนเป็นการก้าวย่างออกจากความคุ้นเคยคือการเสาะหาคำปรึกษาจากผู้ก่อตั้งกิจการคนอื่นๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน

“การก่อตั้งธุรกิจนี้เป็นประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีค่ามากๆ ฉันเติบโตขึ้นมากเพราะมุมมองของฉันกว้างขึ้น”

เหตุการณ์สำคัญที่ช่วยสร้างทักษะการเป็นผู้ประกอบการของเธออย่างมากคือ การเข้าร่วมการแข่งขัน She Loves Tech ในปี 2022 ซึ่งเป็นเวทีการแข่งขันสตาร์ทอัพสำหรับผู้หญิงและเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก หลังจากได้ตำแหน่งรองชนะเลิศในรอบการแข่งขันนำเสนอไอเดียสำหรับภูมิภาคฮ่องกงและมาเก๊า Florence ได้รับการจับคู่กับ Jessica Liu ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทฟินเทค Planto ในฐานะที่ปรึกษา ซึ่ง Jessica ได้สอนเธอถึงวิธีการนำเสนอธุรกิจให้สร้างความประทับใจและส่งผลอย่างมีนัยสำคัญ

“ฉันได้รับอิทธิพลจากประสบการณ์ในฐานะนักศึกษาปริญญาเอก ดังนั้นแผนงานของฉันจึงเต็มไปด้วยข้อมูลและแผนภูมิ แต่การนำเสนอไอเดียธุรกิจควรจะกระชับและตรงไปตรงมา” Jessica บอกเธอว่าต้องแก้ไขแผนงานอย่างไร

“คืนนั้นฉันนอนไม่หลับเลย ไม่ใช่เพราะฉันผิดหวังในตัวเอง แต่ฉันตื่นเต้นที่ในที่สุดก็เข้าใจว่าจะทำอย่างไร ฉันทำงานทั้งคืนเพื่อแก้ไขแผนงาน”

การบริหารบริษัทเป็นประสบการณ์ที่เปลี่ยนชีวิตแม่ลูกสองอย่าง Florence งานทำให้เธอมีเวลากับลูกน้อยลง เธอพยายามสร้างช่วงเวลาพิเศษกับลูกๆ อย่างการอ่านหนังสือก่อนนอนให้กับลูกสาววัย 5 ขวบทุกคืน เธอยอมรับว่าความรู้สึกผิดที่ได้ใช้เวลากับลูกน้อยลงจะติดอยู่ในใจไปตลอดชีวิต

“แต่ฉันเชื่อว่าแม้ว่ามันจะยาก ฉันก็จะสามารถเป็นแม่และเป็นผู้ประกอบการควบคู่กันไปได้ ท้ายที่สุดแล้ว หากชีวิตมันง่ายเกินไป เราก็คงจะรู้สึกเบื่อหน่ายตลอดเวลาใช่ไหม” เธอกล่าว

“ฉันเห็นคุณค่ากับโอกาสที่ได้สร้างบริษัทที่มีความหมายพร้อมๆ ไปกับการเลี้ยงลูกที่น่ารักสองคน การมีโอกาสได้สัมผัสประสบการณ์ทั้งสองอย่างในชีวิตเป็นสิ่งลำค่าอย่างมาก”

ตอนนี้ผลิตภัณฑ์ของ AI Guided อยู่ในช่วงให้ลูกค้าสั่งจองล่วงหน้า และจะส่งสินค้าล็อตแรกเป็นเข็มขัดนำทาง 30 ชุดไปยังลูกค้าภายในเดือนมีนาคมปีหน้า นอกจากนี้ยังได้รับการติดต่อจากบ้านพักผู้สูงอายุด้วยว่าเข็มขัดนี้จะสามารถปรับใช้เพื่อช่วยลดความเสี่ยงผู้สูงอายุหลงทางได้หรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่อาจได้รับการพัฒนาต่อไป

Tatler ถามคำถามสั้นๆ เพื่อทำความรู้จัก Florence และความคิดเห็นของเธอที่มีต่อ AI มากขึ้น

อะไรเป็นแรงผลักในการทำงาน

ฉันเชื่อว่าการใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อสิ่งที่ดีเป็นเรื่องสำคัญในการสร้างอนาคตที่ดีขึ้นให้กับสังคม

คุณชอบอะไรเกี่ยวกับ AI มากที่สุด

ความฉลาดของเทคโนโลยี ฉันเคยต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงเพื่อร่างบทความ แต่ตอนนี้ฉันสามารถทำให้เสร็จได้ใน 30 นาที ฉันแค่ต้องสรุปประเด็นสำคัญที่ต้องการจะพูดถึงและบอกให้ AI ช่วยปรับการเขียนของฉัน มันมีประสิทธิภาพอย่างเหลือเชื่อ

ถ้าคุณเปลี่ยนอะไรก็ได้หนึ่งอย่างเกี่ยวกับ AI คุณจะเปลี่ยนอะไร

ฉันอยากให้มันเป็นมิตรกับเด็กๆ มากขึ้นเพื่อที่ทั้งผู้ใหญ่และเด็กจะสามารถใช้งานได้ ในฐานะแม่ลูกสอง 5 ขวบและ 1 ขวบ ฉันอยากให้ลูกๆ เป็นคนใช้งานเทคโนโลยี ไม่ใช่ให้เทคโนโลยีนำทาง เพื่อที่พวกเขาจะได้ใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาชีวิตและมีส่วนร่วมในทางที่ดีต่อโลก ฉันหวังว่าพวกเขาจะคุ้นเคยกับมันตั้งแต่ยังเด็ก

มีประสบการณ์อะไรที่ไม่คาดคิดจากการเริ่มทำธุรกิจนี้ที่สามารถเล่าให้ฟังได้บ้าง

ลูกสาวของฉันกระตือรือร้นเสมอที่จะไป Cyberport ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทฉัน ฉันอยู่ที่นั่นแทบทุกวัน ฉันเคยเอาจักรยานและสกู๊ตเตอร์ของลูกติดไปด้วย เขาจะได้เล่นเวลาที่ฉันทำงาน แต่ตั้งแต่เราย้ายมาสำนักงานที่เล็กลง ลูกสาวฉันก็มาไม่ได้แล้ว และเธอก็มักจะบอกฉันว่าเธอคิดถึงบรรยากาศสำนักงาน หรือแม้แต่กลิ่นของสถานที่

บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Founder Stories ซึ่งเป็นชุดบทความที่มุ่งเน้นไปที่การค้นพบเรื่องราวที่ไม่เคยเล่ามาก่อน และความท้าทายของผู้ประกอบการในปัจจุบันในการไต่อันดับขึ้นสู่จุดสูงสุด

ขอบคุณ... https://shorturl.asia/RwGpv

ที่มา: tatlerasia.com/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 7 ม.ค.68
วันที่โพสต์: 7/01/2568 เวลา 14:09:31 img> แชร์ไปที่ facebook </p> img>" class="floatnone" alt="

" width="a" />