เรียนรู้ 10 เมืองที่เป็นมิตรต่อการเดินทางของคนพิการ
CNBC พึ่งเผยแพร่ผลสำรวจชิ้นหนึ่งถึงรายชื่อ 10 เมืองที่เป็นมิตรต่อการเดินทางท่องเที่ยวของผู้พิการ น่าเสียดายว่า ไม่มีเมืองใดของไทยติดผลสำรวจ อย่างไรก็ดี #เศรษฐศาสตร์ตลาดสด จะพาไปดูว่ามีเมืองใดในโลกติดอันดับบ้าง เผื่อเป็นแนวทางและแรงบันดาลใจให้รัฐบาล ผู้บริหารกรุงเทพฯ และเมืองอื่นๆ ของไทยนำไปปรับใช้ พัฒนาเมืองของเราต่อไป
ผลสำรวจนี้จัดทำโดยองค์กร Valuable 500 หน่วยงานความร่วมมือของบริษัทระดับโลก 500 แห่ง ที่มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการหรือผู้มีความจำกัดในการใช้ชีวิต ให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ตัวอย่างบริษัทที่เป็นสมาชิก เช่น Deloitte BBC Apple Google P&G Sony Microsoft เป็นต้น
ทั้งนี้ได้สำรวจจากผู้พิการ 3,500 คนจาก 5 ประเทศ ได้แก่ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน และออสเตรเลีย เมื่อเดือน ส.ค. และ ก.ย. ที่ผ่านมา ในเรื่องการเดินทาง การเชื่อมต่อระหว่างที่พักไปยังสถานที่ท่องเที่ยว ร้านค้า ร้านอาหาร ตลอดจนความเพียงพอของการเผยแพร่ข้อมูลในเรื่องการเดินทางสำหรับผู้พิการ
10 เมืองที่ติดอันดับมีอะไรบ้าง
1. สิงคโปร์ ผลสำรวจระบุว่า กฎหมายของสิงคโปร์คุ้มครองให้ผู้พิการในประเทศได้รับความปลอดภัยและเข้าถึงการใช้บันไดเลื่อนและลิฟต์ทุกแห่ง ห้องน้ำผู้พิการถูกกำหนดให้ต้องอยู่ในชั้นทางเข้าของทุกอาคาร นอกจากนี้ 95% ของทางเท้า จุดรอรถสาธารณะทั้งแท็กซี่และรถเมล์ ยังเป็นมิตรต่อผู้ใช้รถเข็น ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีข้อจำกัดในการเดินทาง
2. เซี่ยงไฮ้ (จีน) ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เซี่ยงไฮ้พัฒนาเมืองจนเป็นมิตรต่อผู้พิการมากขึ้น จุดเชื่อมระหว่างถนนและทางเท้าส่วนใหญ่ในเมืองมีทำทางขึ้นลงให้ผู้ใช้รถเข็น นอกจากนี้ขนส่งสาธารณะรวมถึงรถใต้ดินส่วนใหญ่ ผู้ใช้รถเข็นก็เข้าถึงง่าย
3. โตเกียว (ญี่ปุ่น) ผู้พิการสามารถเข้าถึงขนส่งสาธารณะง่าย มีสัญลักษณ์บนพื้นผิวทางเดินให้ผู้พิการทราบ ประการสำคัญที่เป็นจุดเด่นของโตเกียวคือ ผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่า ผู้ขับขี่รถบนท้องถนน ขับขี่ด้วยความระมัดระวังมากกว่าประเทศอื่น ดังนั้นแม้ผู้พิการหรือผู้ใช้รถเข็นต้องสัญจรบนถนน ก็ได้รับความปลอดภัยสูง
4. ลาสเวกัส (สหรัฐอเมริกา) ผลสำรวจพบว่าสาเหตุที่ลาสเวกัสได้ผลโหวตสูงเพราะ ในฐานะเมืองแห่งการท่องเที่ยว ลาสเวกัสมีโรงแรมที่เป็นมิตรต่อผู้พิการจำนวนมาก หลากหลายทั้งในแง่ราคาและประเภทห้องพัก ห้องพักมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่อผู้พิการ หรือกระทั่งในคาสิโน พนักงานก็ถูกฝึกอบรมให้รู้จักช่วยเหลือ ดูแล อำนวยความสะดวกผู้พิการ
5. นิวยอร์ก (สหรัฐอเมริกา) ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ให้คะแนนนิวยอร์ก เพราะเป็นเมืองที่ให้ข้อมูลด้านการเดินทางแก่ผู้พิการอย่างเพียงพอ ทำให้ผู้พิการสามารถวางแผนการเดินทางได้ ข้อมูลมีรายละเอียดครบถ้วน โดยปัจจุบันมีจำนวนสถานที่ท่องเที่ยวมากกว่า 1,500 แห่ง เช่น พิพิธภัณฑ์ โรงแรม ร้านอาหาร ที่ระบุรายละเอียดว่าผู้พิการสามารถเดินทางเข้าถึงได้อย่างไร
6. ออร์แลนโด (สหรัฐอเมริกา) เมืองท่องเที่ยวสำคัญที่ตั้งของ Walt Disney World, SeaWorld และ Universal Studios ผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่า สวนสนุกทุกแห่งช่วยให้ผู้พิการเข้าถึงง่าย ทั้งยังไม่ต้องรอคิว ตลอดจนมีที่พักจำนวนมากที่ผู้พิการเข้าถึงได้ ใช้บริการสะดวก
7. อัมสเตอร์ดัม (เนเธอร์แลนด์) เมืองอัมสเตอร์ดัมในฐานะเมืองที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้จักรยาน ได้รับผลโหวตจากจุดเด่นที่มีทางจักรยาน 400 กม.โดยผู้ใช้รถเข็นสามารถใช้สัญจรร่วมกับจักรยานอย่างปลอดภัย สะดวกสบาย นอกจากนี้เกือบทุกสถานทึ่ท่องเที่ยว ผู้พิการก็สามารถเข้าถึงง่าย
8. ปารีส (ฝรั่งเศส) ผลจากการที่ปารีสจะเป็นเจ้าภาพจัดโอลิมปิก และพาราลิมปิกในปี 2024 ทำให้ปารีสตื่นตัวปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน สิ่งอำนวยความสะดวกแก่ผู้พิการ ทั้งนี้ปารีสกำหนดพื้นที่หลายจุดรอบที่จัดงาน ช่วยให้คนพิการสามารถเข้าถึงพื้นที่สาธารณะ ร้านค้า โรงแรมต่างๆ สะดวกมากขึ้น สถานที่ท่องเที่ยว เช่น พิพิธภัณฑ์หลายแห่งเปิดช่องทางพิเศษให้ผู้พิการไม่ต้องต่อคิวปกติ ช่วยให้ผู้พิการได้รับความสะดวกมากขึ้น
9. ลอนดอน (สหราชอาณาจักร) ผลสำรวจระบุว่า ลอนดอนมุ่งมั่นให้เมืองตัวเองเป็นเมืองที่เดินทางสะดวกแก่ผู้พิการ ตั้งใจให้ผู้พิการหรือผู้มีข้อจำกัดในการเดินทางสามารถเดินทางเข้าถึงทุกที่ได้ ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยปัจจุบันเมืองมีข้อมูลค่อนข้างสมบูรณ์แก่ผู้พิการในการวางแผนเดินทางท่องเที่ยว
10. ซิดนีย์ (ออสเตรเลีย) ซิดนีย์เป็นอีกเมืองที่มีข้อมูลการเดินทางให้ผู้พิการค่อนข้างครบถ้วน ทำให้ผู้พิการวางแผนเดินทางท่องเที่ยวง่าย สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ ผู้พิการสามารถเข้าถึงได้ นอกจากนี้กฎหมายยังระบุให้อาคารที่ก่อสร้างใหม่ต้องอำนวยความสะดวกแก่ผู้พิการด้วย
ขอบคุณ... https://news.ch7.com/detail/607637