ดอกบัวอะลูมิเนียมแฮนด์เมด งามล้ำค่า บทพิสูจน์ “เด็กพิเศษ” ทำได้! (ชมคลิป)
โครงการ "บัวมหามิตร-บัวมาหามิตร" ริเริ่มโดย “บ้านเรียนชวนชื่น” ซึ่งเป็นโรงเรียนเพื่อ “เด็กพิเศษ” โดยตรง มีเจตนามุ่งมั่นต้องการสร้างอนาคตให้แก่เด็กพิเศษอย่างแท้จริง ด้วยการฝึกสอนวิชาชีพ การทำ “ดอกบัวทำจากอะลูมิเนียม” เพื่อให้เด็กเหล่านี้มีวิชาชีพติดตัว สามารถนำไปต่อยอดสร้างรายได้เลี้ยงตัวเอง ไม่ต้องภาระของครอบครัว และสามารถยืนในสังคมได้อย่างสมศักดิ์ศรี
ผลงานดอกบัวแฮนด์เมดดังกล่าว หากได้เห็นใกล้ๆ จะต้องชื่นชมในความสวยงาม และทึ่งต่อความสามารถว่าเด็กๆ เหล่านี้ หากได้รับการฝึกฝนอย่างถูกวิธี ที่สำคัญได้รับโอกาส พวกเขาก็สามารถทำผลิตภัณฑ์ยากๆ ออกมาได้อย่างดีเยี่ยม ขนาดที่ว่าคนธรรมดาทั่วไปก็ไม่อาจทำเทียบได้
นายแพทย์ระพล พูลสวัสดิ์กิติกูล นายแพทย์ชำนาญการ สถาบันพยาธิวิทยา กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานโครงการ “บัวมหามิตร-บัวมาหามิตร” เล่าว่า แนวคิดของโครงการ เกิดจากการพูดคุยในหมู่ผู้ปกครองเด็กพิเศษที่โรงเรียนบ้านเรียนชวนชื่นว่า อยากจะสร้างสถาบันที่เป็นศูนย์รวมสร้างอาชีพให้แก่เด็กพิเศษ เพื่อให้เด็กเหล่านี้มีอาชีพเลี้ยงดูตัวเองได้ และสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
ประธานโครงการฯ แจกแจงว่า เด็กพิเศษสามารถแบ่งได้ 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ 1.กลุ่มที่แทบช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กดาวน์ซินโดรม 2.กลุ่มที่พอจะช่วยเหลือตัวเองได้ หากได้รับการพัฒนาอย่างถูกต้อง และ 3.กลุ่มที่พฤติกรรมซับซ้อน ส่วนใหญ่จะเป็นอัจฉริยะ มีปัญหาเรื่องการเข้าสังคม แต่สามารถจะช่วยเหลือตัวเองได้ โดยกลุ่มแรกนั้นต้องยอมรับว่าพัฒนาได้ยาก จำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลเท่านั้นส่วนกลุ่มที่3สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้อยู่แล้ว
ทว่า เด็กกลุ่ม 2 ส่วนใหญ่เป็นเด็กออทิสติกที่สามารถจะพัฒนาตัวเองได้ และสามารถจะทำงานได้ หากเป็นงานที่เหมาะสม และมีคนคอยแนะนำ อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงที่ผ่านมา เด็กกลุ่มนี้ แทบจะไม่ได้ประกอบอาชีพใดๆ เลย ส่วนหนึ่งเพราะไม่รู้จะทำอะไร และไม่มีอะไรให้ทำด้วย เด็กกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จึงต้องเก็บตัวอยู่ตามบ้านให้ครอบครัวเลี้ยงดูตลอด ชีวิต
“เด็กพิเศษในกลุ่มกลางๆ นี้ เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น พวกเขาสามารถจะประกอบอาชีพได้ หากได้รับโอกาสที่ถูกต้องและเหมาะสม ดังนั้น บรรดาผู้ปกครองจึงหารือกันว่า อยากจะสร้างโอกาสให้เด็กกลุ่มนี้ ซึ่งไม่เฉพาะเด็กพิเศษจากบ้านเรียนชวนชื่นเท่านั้น แต่เป็นเด็กพิเศษที่ปัจจุบันเก็บตัวอยู่ตามบ้านจำนวนมาก ให้มารวมกันทำเป็นสถาบันที่จะฝึกอาชีพให้แก่เด็กพิเศษโดยตรง โดยใช้โครงการบัวมหามิตร-บัวมาหามิตรเป็นจุดเริ่มต้น” นายแพทย์ระพล กล่าวเสริม
ทั้งนี้ โครงการได้นำร่องเลือกฝึกอาชีพการทำดอกบัวอะลูมิเนียมแฮนด์เมด ซึ่งเกิดจากปรึกษากันระหว่างผู้ปกครองและครูของบ้านเรียนชวนชื่นว่า ต้องการทำผลิตภัณฑ์ ที่แตกต่างจากสินค้าทั่วไปในท้องตลาด เพื่อสร้างเอกลักษณ์ในคนจดจำได้ดี รวมถึง ในขั้นตอนการผลิตสามารถจะเพิ่มทักษะต่างๆ ให้แก่เด็กพิเศษได้ด้วย เช่น การตีใบบัวเป็นแผ่นด้วยค้อนจะช่วยเด็กที่มีปัญหากล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือการลงสีช่วยเพิ่มสมาธิให้แก่เด็กเป็นต้น
นอกจากนั้น ดอกบัวยังสื่อความหมายดีๆ เปรียบเหมือนเด็กพิเศษที่มีจิตใจบริสุทธิ์ รวมถึง ดอกบัวยังเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านเรียนชวนชื่นด้วย นายแพทย์ระพล เล่าต่อว่า เงินก้อนแรกมาจากการลงขันของผู้ปกครองเพื่อซื้อหาอุปกรณ์ วัตถุดิบต่างๆ ตลอดจนเชิญ “ถวัลย์ศักดิ์ ประสิทธิ์สุวรรณ์” เจ้าของทองหล่อ โฮม แอนด์ ดีไซน์ ซึ่งเป็นผู้คิดค้นดอกบัวทำจากอะลูมิเนียมจาก จ.สุรินทร์ มาเป็นวิทยากรฝึกสอนให้ จากนั้น นำมาปรับ ทั้งวิธีการทำงาน อุปกรณ์ต่างๆ และรูปแบบ เพื่อให้เหมาะกับเด็กพิเศษ โดยจะใช้เวลา 30 นาทีหลังเลิกเรียนประจำวัน มาฝึกฝนการทำดอกบัวอะลูมิเนียม กว่าจะสำเร็จใช้เวลานานถึง 4 เดือน
จากความพยายามและร่วมมือกันของทั้งผู้ปกครอง ครู และเด็กๆ หลังผ่านมา 4 เดือน เด็กนักเรียนของบ้านเรียนชวนชื่น ที่มีจำนวนทั้งหมด 38 คน สามารถทำดอกบัวอะลูมิเนียมแฮนด์เมดให้ออกมาสวยงาม โดยเด็กทุกคนต่างมีส่วนรวม มากบ้างน้อยบ้าง แตกต่างกันไปตามความสามารถ บาง คนสามารถทำได้ตั้งแต่ขั้นตอนแรกถึงสำเร็จ บางคนทำได้แค่ตีเหล็ก บางคนแค่ลงสี และบางคนช่วยได้แค่ช่วยหยิบอุปกรณ์ แต่ทุกคนก็มีความสุขที่ได้มีส่วนร่วม
ดอกบัวที่สวยงาม ไม่มีวันตาย ทำออกมา มีแบบดอกบัวกว่า 20 พันธุ์ รูปทรงและสีสันใกล้เคียงของธรรมชาติอย่างยิ่ง ตรงกลางเกสรบัวเป็นหลอดไฟ LED สามารถเปิดเสริมความสวยงาม ประดับเคียงคู่กับกรอบรูป นอกจากนั้น ยังมีรุ่นที่ทำเป็นเชิงเทียน สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทั้งตกแต่งบ้าน เป็นของที่ระลึก วางบูชาพระ และถือเวียนเทียนได้ เป็นต้น
ขั้นตอนต่อมา ในส่วนช่องทางตลาดนั้น เบื้องต้นจะให้ผู้สนใจส่งคำสั่งซื้อมาโดยตรง ผ่านทั้งโทรศัพท์ 02-978-3112 และทางออนไลน์ ที่อีเมล cchomeshool@hotmail.com เว็บไซต์ www.autisticschool.net และทางเฟซบุ๊ก www.facebook.com/บ้านเรียนชวนชื่น จากนั้นจะส่งสินค้าไปให้ทางไปรษณีย์ ซึ่งราคาสินค้าเริ่มต้นที่ 500 - 3,000 บาท แล้วแต่ขนาดของดอกบัว และอุปกรณ์เสริมต่างๆ
ประธานโครงการ “บัวมหามิตร-บัวมาหามิตร” กล่าวต่อว่า รายได้จากการขายหลักหักค่าใช้จ่ายแล้ว ส่วนหนึ่งจะนำมาใช้จ่ายเป็นทุนหมุนเวียนใช้จ่ายในการผลิตต่อไป อีกส่วนหนึ่งจะนำมาจัดตั้งเป็นกองทุน เพื่อจะส่งเสริมการสร้างอาชีพให้แก่เด็กพิเศษ หากโครงการนำร่องนี้ ประสบความสำเร็จได้จริง อยากจะเพิ่มเติมอาชีพอื่นๆ หรือสินค้าอื่นๆ เพื่อให้เหมาะสมกับความสามารถและลักษณะของเด็กพิเศษแต่ละระดับให้มากยิ่ง ขึ้น
“โครงการนี้ เป็นการนำร่องให้เห็นว่า ถ้าให้โอกาสและมีงานที่เหมาะสม เด็กพิเศษก็สามารถทำงานได้ดี สามารประกอบอาชีพเลี้ยงดูตัวเองได้ และเขาสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ซึ่งเป้าหมายในอนาคต อยากพัฒนาเป็นสถาบันศูนย์ฝึกอาชีพแก่เด็กพิเศษ เพื่อให้เด็กพิเศษที่สามารถพัฒนาตัวเองได้ แต่ต้องเก็บตัวอยู่กับบ้านจำนวนมาก ได้ก้าวเข้ามาฝึกอาชีพ ซึ่งต้องมีอาชีพให้เลือกหลากหลาย เหมาะกับความสามารถของเขา รวมถึง เป็นสินค้าหรือบริการที่เหมาะกับความต้องการของตลาดด้วย เพื่อให้เกิดความยั่งยืน ลูกค้าจะซื้อเพราะต้องการในตัวสินค้าจริงๆ ไม่ได้ซื้อเพราะแค่สงสาร เพราะในความเป็นจริง ทั้งตัวผู้ปกครองและเด็กพิเศษเอง เขาไม่ได้ต้องการให้ใครมาสงสาร แต่ต้องการจะยืนได้เองในสังคมมากกว่า”นายแพทย์ระพลกล่าวตบท้าย
อยากสนับสนุนโครงการดีๆ เช่นนี้ ติดต่อได้ที่ โทร. 02-978-3112 , cchomeshool@hotmail.com , www.autisticschool.net และทางเฟซบุ๊ก บ้านเรียนชวนชื่น ชมคลิปคลิก... http://www.youtube.com/watch?v=zHMPsmfozjo&feature=player_embedded (ขนาดไฟล์: 0 )
ขอบคุณ... http://manager.co.th/iBizchannel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000108454 (ขนาดไฟล์: 172)
ASTVผู้จัดการออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 9 ก.ย.56
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
ดอกบัวทำจากอะลูมิเนียม ฝีมือเด็กพิเศษจาก “บ้านเรียนชวนชื่น” โครงการ "บัวมหามิตร-บัวมาหามิตร" ริเริ่มโดย “บ้านเรียนชวนชื่น” ซึ่งเป็นโรงเรียนเพื่อ “เด็กพิเศษ” โดยตรง มีเจตนามุ่งมั่นต้องการสร้างอนาคตให้แก่เด็กพิเศษอย่างแท้จริง ด้วยการฝึกสอนวิชาชีพ การทำ “ดอกบัวทำจากอะลูมิเนียม” เพื่อให้เด็กเหล่านี้มีวิชาชีพติดตัว สามารถนำไปต่อยอดสร้างรายได้เลี้ยงตัวเอง ไม่ต้องภาระของครอบครัว และสามารถยืนในสังคมได้อย่างสมศักดิ์ศรี ผลงานดอกบัวแฮนด์เมดดังกล่าว หากได้เห็นใกล้ๆ จะต้องชื่นชมในความสวยงาม และทึ่งต่อความสามารถว่าเด็กๆ เหล่านี้ หากได้รับการฝึกฝนอย่างถูกวิธี ที่สำคัญได้รับโอกาส พวกเขาก็สามารถทำผลิตภัณฑ์ยากๆ ออกมาได้อย่างดีเยี่ยม ขนาดที่ว่าคนธรรมดาทั่วไปก็ไม่อาจทำเทียบได้ นายแพทย์ระพล พูลสวัสดิ์กิติกูล (เสื้อฟ้าผูกเนคไท)ประธานโครงการ “บัวมหามิตร-บัวมาหามิตร” นายแพทย์ระพล พูลสวัสดิ์กิติกูล นายแพทย์ชำนาญการ สถาบันพยาธิวิทยา กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานโครงการ “บัวมหามิตร-บัวมาหามิตร” เล่าว่า แนวคิดของโครงการ เกิดจากการพูดคุยในหมู่ผู้ปกครองเด็กพิเศษที่โรงเรียนบ้านเรียนชวนชื่นว่า อยากจะสร้างสถาบันที่เป็นศูนย์รวมสร้างอาชีพให้แก่เด็กพิเศษ เพื่อให้เด็กเหล่านี้มีอาชีพเลี้ยงดูตัวเองได้ และสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ประธานโครงการฯ แจกแจงว่า เด็กพิเศษสามารถแบ่งได้ 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ 1.กลุ่มที่แทบช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กดาวน์ซินโดรม 2.กลุ่มที่พอจะช่วยเหลือตัวเองได้ หากได้รับการพัฒนาอย่างถูกต้อง และ 3.กลุ่มที่พฤติกรรมซับซ้อน ส่วนใหญ่จะเป็นอัจฉริยะ มีปัญหาเรื่องการเข้าสังคม แต่สามารถจะช่วยเหลือตัวเองได้ โดยกลุ่มแรกนั้นต้องยอมรับว่าพัฒนาได้ยาก จำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลเท่านั้นส่วนกลุ่มที่3สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้อยู่แล้ว เด็กๆ ช่วยกันทำด้วยความตั้งใจ ทว่า เด็กกลุ่ม 2 ส่วนใหญ่เป็นเด็กออทิสติกที่สามารถจะพัฒนาตัวเองได้ และสามารถจะทำงานได้ หากเป็นงานที่เหมาะสม และมีคนคอยแนะนำ อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงที่ผ่านมา เด็กกลุ่มนี้ แทบจะไม่ได้ประกอบอาชีพใดๆ เลย ส่วนหนึ่งเพราะไม่รู้จะทำอะไร และไม่มีอะไรให้ทำด้วย เด็กกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จึงต้องเก็บตัวอยู่ตามบ้านให้ครอบครัวเลี้ยงดูตลอด ชีวิต “เด็กพิเศษในกลุ่มกลางๆ นี้ เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น พวกเขาสามารถจะประกอบอาชีพได้ หากได้รับโอกาสที่ถูกต้องและเหมาะสม ดังนั้น บรรดาผู้ปกครองจึงหารือกันว่า อยากจะสร้างโอกาสให้เด็กกลุ่มนี้ ซึ่งไม่เฉพาะเด็กพิเศษจากบ้านเรียนชวนชื่นเท่านั้น แต่เป็นเด็กพิเศษที่ปัจจุบันเก็บตัวอยู่ตามบ้านจำนวนมาก ให้มารวมกันทำเป็นสถาบันที่จะฝึกอาชีพให้แก่เด็กพิเศษโดยตรง โดยใช้โครงการบัวมหามิตร-บัวมาหามิตรเป็นจุดเริ่มต้น” นายแพทย์ระพล กล่าวเสริม ตรงกลางเกสรบัวเป็นหลอดไฟ LED สามารถเปิดเสริมความสวยงาม ทั้งนี้ โครงการได้นำร่องเลือกฝึกอาชีพการทำดอกบัวอะลูมิเนียมแฮนด์เมด ซึ่งเกิดจากปรึกษากันระหว่างผู้ปกครองและครูของบ้านเรียนชวนชื่นว่า ต้องการทำผลิตภัณฑ์ ที่แตกต่างจากสินค้าทั่วไปในท้องตลาด เพื่อสร้างเอกลักษณ์ในคนจดจำได้ดี รวมถึง ในขั้นตอนการผลิตสามารถจะเพิ่มทักษะต่างๆ ให้แก่เด็กพิเศษได้ด้วย เช่น การตีใบบัวเป็นแผ่นด้วยค้อนจะช่วยเด็กที่มีปัญหากล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือการลงสีช่วยเพิ่มสมาธิให้แก่เด็กเป็นต้น นอกจากนั้น ดอกบัวยังสื่อความหมายดีๆ เปรียบเหมือนเด็กพิเศษที่มีจิตใจบริสุทธิ์ รวมถึง ดอกบัวยังเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านเรียนชวนชื่นด้วย นายแพทย์ระพล เล่าต่อว่า เงินก้อนแรกมาจากการลงขันของผู้ปกครองเพื่อซื้อหาอุปกรณ์ วัตถุดิบต่างๆ ตลอดจนเชิญ “ถวัลย์ศักดิ์ ประสิทธิ์สุวรรณ์” เจ้าของทองหล่อ โฮม แอนด์ ดีไซน์ ซึ่งเป็นผู้คิดค้นดอกบัวทำจากอะลูมิเนียมจาก จ.สุรินทร์ มาเป็นวิทยากรฝึกสอนให้ จากนั้น นำมาปรับ ทั้งวิธีการทำงาน อุปกรณ์ต่างๆ และรูปแบบ เพื่อให้เหมาะกับเด็กพิเศษ โดยจะใช้เวลา 30 นาทีหลังเลิกเรียนประจำวัน มาฝึกฝนการทำดอกบัวอะลูมิเนียม กว่าจะสำเร็จใช้เวลานานถึง 4 เดือน จากความพยายามและร่วมมือกันของทั้งผู้ปกครอง ครู และเด็กๆ หลังผ่านมา 4 เดือน เด็กนักเรียนของบ้านเรียนชวนชื่น ที่มีจำนวนทั้งหมด 38 คน สามารถทำดอกบัวอะลูมิเนียมแฮนด์เมดให้ออกมาสวยงาม โดยเด็กทุกคนต่างมีส่วนรวม มากบ้างน้อยบ้าง แตกต่างกันไปตามความสามารถ บาง คนสามารถทำได้ตั้งแต่ขั้นตอนแรกถึงสำเร็จ บางคนทำได้แค่ตีเหล็ก บางคนแค่ลงสี และบางคนช่วยได้แค่ช่วยหยิบอุปกรณ์ แต่ทุกคนก็มีความสุขที่ได้มีส่วนร่วม ดอกบัวที่สวยงาม ไม่มีวันตาย ทำออกมา มีแบบดอกบัวกว่า 20 พันธุ์ รูปทรงและสีสันใกล้เคียงของธรรมชาติอย่างยิ่ง ตรงกลางเกสรบัวเป็นหลอดไฟ LED สามารถเปิดเสริมความสวยงาม ประดับเคียงคู่กับกรอบรูป นอกจากนั้น ยังมีรุ่นที่ทำเป็นเชิงเทียน สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทั้งตกแต่งบ้าน เป็นของที่ระลึก วางบูชาพระ และถือเวียนเทียนได้ เป็นต้น ขั้นตอนต่อมา ในส่วนช่องทางตลาดนั้น เบื้องต้นจะให้ผู้สนใจส่งคำสั่งซื้อมาโดยตรง ผ่านทั้งโทรศัพท์ 02-978-3112 และทางออนไลน์ ที่อีเมล cchomeshool@hotmail.com เว็บไซต์ www.autisticschool.net และทางเฟซบุ๊ก www.facebook.com/บ้านเรียนชวนชื่น จากนั้นจะส่งสินค้าไปให้ทางไปรษณีย์ ซึ่งราคาสินค้าเริ่มต้นที่ 500 - 3,000 บาท แล้วแต่ขนาดของดอกบัว และอุปกรณ์เสริมต่างๆ ประธานโครงการ “บัวมหามิตร-บัวมาหามิตร” กล่าวต่อว่า รายได้จากการขายหลักหักค่าใช้จ่ายแล้ว ส่วนหนึ่งจะนำมาใช้จ่ายเป็นทุนหมุนเวียนใช้จ่ายในการผลิตต่อไป อีกส่วนหนึ่งจะนำมาจัดตั้งเป็นกองทุน เพื่อจะส่งเสริมการสร้างอาชีพให้แก่เด็กพิเศษ หากโครงการนำร่องนี้ ประสบความสำเร็จได้จริง อยากจะเพิ่มเติมอาชีพอื่นๆ หรือสินค้าอื่นๆ เพื่อให้เหมาะสมกับความสามารถและลักษณะของเด็กพิเศษแต่ละระดับให้มากยิ่ง ขึ้น “โครงการนี้ เป็นการนำร่องให้เห็นว่า ถ้าให้โอกาสและมีงานที่เหมาะสม เด็กพิเศษก็สามารถทำงานได้ดี สามารประกอบอาชีพเลี้ยงดูตัวเองได้ และเขาสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ซึ่งเป้าหมายในอนาคต อยากพัฒนาเป็นสถาบันศูนย์ฝึกอาชีพแก่เด็กพิเศษ เพื่อให้เด็กพิเศษที่สามารถพัฒนาตัวเองได้ แต่ต้องเก็บตัวอยู่กับบ้านจำนวนมาก ได้ก้าวเข้ามาฝึกอาชีพ ซึ่งต้องมีอาชีพให้เลือกหลากหลาย เหมาะกับความสามารถของเขา รวมถึง เป็นสินค้าหรือบริการที่เหมาะกับความต้องการของตลาดด้วย เพื่อให้เกิดความยั่งยืน ลูกค้าจะซื้อเพราะต้องการในตัวสินค้าจริงๆ ไม่ได้ซื้อเพราะแค่สงสาร เพราะในความเป็นจริง ทั้งตัวผู้ปกครองและเด็กพิเศษเอง เขาไม่ได้ต้องการให้ใครมาสงสาร แต่ต้องการจะยืนได้เองในสังคมมากกว่า”นายแพทย์ระพลกล่าวตบท้าย อยากสนับสนุนโครงการดีๆ เช่นนี้ ติดต่อได้ที่ โทร. 02-978-3112 , cchomeshool@hotmail.com , www.autisticschool.net และทางเฟซบุ๊ก บ้านเรียนชวนชื่น ชมคลิปคลิก... http://www.youtube.com/watch?v=zHMPsmfozjo&feature=player_embedded ขอบคุณ... http://manager.co.th/iBizchannel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000108454 ASTVผู้จัดการออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 9 ก.ย.56
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)