รายละเอียดกระทู้

ค้าปลีกแก้โจทย์แรงงานขาด รับนโยบายจ้างวัยเกษียณ คนพิการ ค้าปลีกขานรับนโยบาย "วัยเกษียณ" ประกาศรับสมัครทีมงานอาวุโส แก้โจทย์แรงงานขาดแคลนไม่ทันสาขาเปิดใหม่ทั่วประเทศ บิ๊กซี-เทสโก้-เซ็นทรัล-เดอะมอลล์ เฟ้นโมเดลจ้างงานที่เหมาะสมทั้งสูงวัย-คนพิการ เตรียมชงรัฐเปลี่ยนค่าจ้างเป็นรายชั่วโมง การขยายตัวของ "ค้าปลีก" ศูนย์การค้าและไฮเปอร์มาร์เก็ตที่เร่งปูพรมปักธงพื้นที่ก่อนใครในพิกัดทั่วประเทศ ทำให้ภาคแรงงานในธุรกิจนี้ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด บวกนโยบายสร้างงาน-จ้างงานในกลุ่มวัยเกษียณที่ภาครัฐผลักดันออกมาพร้อมจูงใจในเรื่องการลดหย่อนภาษี ล่าสุดความเคลื่อนไหวของตลาดมีการประกาศรับสมัครพนักงานอาวุโสเหล่านี้เข้ามาร่วมงานจำนวนมาก ปัจจุบันในภาคแรงงานทั้งประเทศมีประมาณ 40 ล้านคน และเป็นผู้สูงอายุประมาณ 10 ล้านคน ผู้สูงอายุวัยเกษียณ แรงงาน "ค้าปลีก" ขาดแคลน นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ได้เริ่มเปิดรับสมัครผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปให้เข้ามาร่วมงาน เพราะเห็นศักยภาพของคนวัยเกษียณ ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีความรู้ มีประสบการณ์ สามารถเข้ามาร่วมงานกับบิ๊กซีได้ในหลายตำแหน่งงาน ทั้งในส่วนของสำนักงานใหญ่และงานประจำสาขา อาทิ งานด้านธุรการ บัญชี พนักงานต้อนรับลูกค้าพนักงานจัดเรียงสินค้าเภสัชกรร้านยาเพรียวฯลฯ ทั้งนี้ ในภาคค้าปลีกก็ยังต้องการแรงงาน กลุ่มคนสูงวัยที่มีประสบการณ์จึงเป็นอีกโอกาสของตลาดงานที่บิ๊กซี อยากดึงให้เข้ามาร่วมงานด้วย ซึ่งวันนี้บิ๊กซีมีสาขาทุกฟอร์แมตรวมกันกว่า 600-700 สาขา และยังมีแผนขยายสาขาต่อเนื่องทั้งร้านฟอร์แมตเล็กและใหญ่ โดยเฉพาะการเปิดสาขาไฮเปอร์มาร์เก็ตซึ่งเป็นโมเดลที่ต้องการทีมงานกว่า 100 คน เปิดเพิ่มปีละ 8-9 สาขา การเปิดรับผู้สูงวัยในแต่ละพื้นที่เข้ามาร่วมงาน ก็ช่วยให้บิ๊กซีมีพนักงานเพียงพอต่อการบริหารจัดการ "ประโยชน์ด้านการลดหย่อนภาษี ไม่ใช่ปัจจัยหลักในการเปิดรับพนักงานสูงวัยของบิ๊กซี เพราะมีผลกับการลดหย่อนน้อยมาก เมื่อเทียบกับจำนวนภาษีที่จ่ายในปัจจุบัน" เฟ้นโมเดล "เกษียณ-คนพิการ" นายพิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า กลุ่มเซ็นทรัลเปิดรับกลุ่มผู้เกษียณอายุและคนพิการเข้าทำงานในธุรกิจต่าง ๆ ของเครือเซ็นทรัล ปัจจุบันเปิดรับกลุ่มคนพิการเข้าทำงานแล้ว ส่วนผู้สูงอายุอยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมว่าเหมาะสมที่จะไปทำงานในหน่วยธุรกิจไหนซึ่งอยู่ระหว่างหาโมเดลที่เหมาะสม "ที่ผ่านมาบริษัทก็มีการจ้างพนักงานในกลุ่มผู้พิการด้วยตามโควตาที่รัฐบาลกำหนดอยู่แล้วและรัฐบาลก็ต้องการให้บริษัทหาโมเดลการจ้างงานคนสูงอายุที่เหมาะสมด้วยเพื่อเป็นโปรเจ็กต์นำร่องให้แก่ธุรกิจอื่น ๆ" ด้านนางสาวภัทรพร เพ็ญประพัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด กล่าวว่า ท็อปส์มีนโยบายต่ออายุการทำงานให้กับพนักงานวัยเกษียณที่ต้องการทำงานต่อ รวมทั้งเปิดรับพนักงานโดยไม่ได้ระบุช่วงอายุ แต่โฟกัสที่วุฒิการศึกษาที่สอดคล้องกับตำแหน่งงานมากกว่าเพราะในหลายตำแหน่งก็ต้องการบุคลากรที่มีประสบการณ์มานานเกี่ยวกับสายงานนั้นๆ ต่ออายุพนักงานเดิม นางสาวสลิลลา สีหพันธุ์ รองประธานกรรมการฝ่ายกิจการ บริษัท เทสโก้ โลตัส กล่าวว่า เทสโก้มีความสนใจ เพราะปัจจุบันคนที่มีอายุ 60 ปี ยังสามารถทำงานได้อีกหลายอย่าง ทั้งยังมีประสบการณ์และทักษะ โดยอยู่ระหว่างศึกษาความต้องการของคนกลุ่มนี้ อาทิ ไม่ต้องการทำงานฟูลไทม์ จึงมองหารูปแบบที่จะออกมารองรับจึงยังไม่สามารถให้รายละเอียดขณะนี้ได้ นายจักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสบริหารสินค้า บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า เดอะมอลล์กรุ๊ปเปิดกว้างสำหรับการรับผู้สูงอายุเข้ามาทำงานอยู่แล้ว ปัจจุบันก็มีผู้สูงอายุเข้ามาทำงานในตำแหน่งหน้าที่ที่เหมาะสมโดยมีพนักงานที่มีอายุงานมากถึง30ปีร่วมทำงานต่อกับบริษัท รัฐชงเปลี่ยนค่าจ้างราย ชม. นางสาวบุษบา จิราธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายสื่อสาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด กล่าวเสริมว่า กลุ่มเซ็นทรัลพร้อมสนับสนุนการรับพนักงานกลุ่มผู้สูงอายุเข้าทำงานในเครือและทุกหน่วยธุรกิจ ขณะเดียวกันเพื่อความยืดหยุ่นมากขึ้น อยากให้รัฐบาลแก้กฎหมายค่าจ้างแรงงานจากรายวันเป็นรายชั่วโมง เพื่อให้สอดรับกับศักยภาพการทำงานของผู้สูงอายุ และเปิดกว้างให้กลุ่มผู้สูงอายุที่เป็นกลุ่มแม่บ้านเข้ามาทำงานเพิ่มมากขึ้น "ผู้สูงอายุมี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีศักยภาพ ซึ่งหลังจากเกษียณอายุงาน บริษัทก็พร้อมจ้างทำงานต่อ ขณะที่อีกกลุ่มคือ กลุ่มแม่บ้าน ซึ่งกลุ่มนี้อาจจะต้องการทำงานเป็นบางช่วงเวลา ดังนั้นถ้าปรับให้จ่ายค่าแรงเป็นรายชั่วโมง ถือว่ายืดหยุ่นต่อศักยภาพการทำงานของคนกลุ่มนี้และบริษัทด้วย เพราะอาจจะต้องการทำงานเพียง2-3ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น" ทั้งนี้ ประกาศจากกรมสรรพากร วันที่ 17 มีนาคม 2560 ได้ระบุว่า กรมสรรพากรให้ภาคเอกชนนำรายจ่ายค่าจ้างผู้สูงอายุเข้าทำงานไปหักภาษีได้ 2 เท่า ให้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้แก่นายจ้างซึ่งรับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปเข้าทำงานเป็นจำนวนร้อยละหนึ่งร้อยของรายจ่ายค่าจ้าง โดยสามารถใช้สิทธิได้ไม่เกินร้อยละสิบของจำนวนลูกจ้างทั้งหมด ขอบคุณ... http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1498417936