จ้างงานคนพิการในหน่วยงานรัฐ
วันที่ 3 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันคนพิการสากล ปีนี้คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2558 เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐเป็นวาระสำคัญ นายไมตรี อินทุสุต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้เสนอข้อมูลให้ทราบว่า มาตรการจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐเป็นไปตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กำหนดให้หน่วยงานของรัฐต้องรับคนพิการเข้าทำงานตามลักษณะของงานในอัตราส่วนที่เหมาะสมกับผู้ปฏิบัติงาน ในอัตราส่วนพนักงานตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป ต้องจ้างคนพิการ 1 คน
ทั้งนี้ ในปี 2557 มีหน่วยงานของรัฐที่ต้องปฏิบัติดังกล่าว จำนวน 290 แห่ง ซึ่งตามสัดส่วนต้องมีการจ้างงานคนพิการจำนวน 10,246 คน ปรากฏว่ามีการแจ้งผลการปฏิบัติงาน 160 แห่ง เป็นการจ้างงานคนพิการ จำนวน 1,280 คน โดยตำแหน่งงานส่วนใหญ่เป็นพนักงานธุรการ หรือพนักงานรับโทรศัพท์ และยังมีการดำเนินงานตามมาตรา 35 จำนวน 390 คน รวมจำนวน 1,670 คน รวมทั้งหมดแล้วเป็นร้อยละ 16.30
มีหน่วยงานของรัฐที่ปฏิบัติครบถ้วนตามกฎหมาย 2 แห่ง คือ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (จำนวนผู้ปฏิบัติงาน 9,240 คน มีการจ้างงานคนพิการจำนวน 100 คน) และ กระทรวงแรงงาน (จำนวนผู้ปฏิบัติงาน 13,387 คน มีการจ้างงานคนพิการจำนวน 171 คน) เพื่อเป็นการสนับสนุนมาตรการจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐ ตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวมีมาตรา 35 เป็นตัวช่วยในการเอื้อประโยชน์ต่อคนพิการมากยิ่งขึ้นคือ ไม่จ้างโดยตรง ก็เลือกทำใน 7 วิธีการ ได้แก่
1.การจัดสัมปทาน เช่น ให้สิทธิจำหน่ายสินค้า จัดรายการวิทยุ เป็นต้น 2.จัดสถานที่จำหน่ายสินค้า 3.บริการจัดจ้างเหมาช่วยงาน หรือจ้างเหมาบริการ โดยวิธีกรณีพิเศษ 4.จัดให้มีการฝึกงาน 5.จัดให้มีอุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวก 6.จัดให้มีล่ามภาษามือ และ 7.การให้ความช่วยเหลืออื่นใดแก่คนพิการ หรือผู้ดูแลคนพิการ 1 กิจกรรม/สัญญาเท่ากับ 1 คน
นอกจากนี้ สำนักงาน ก.พ.ได้กำหนดวิธีการสรรหา และเลือกคนพิการเข้าทำงานในส่วนราชการ โดยมีขั้นตอนการปฏิบัติ ได้แก่ ให้ส่วนราชการกำหนดอัตราส่วน และกำหนดตำแหน่งในการรับคนพิการเข้าทำงาน กรณีจะรับคนพิการเข้าเป็นข้าราชการ ให้ถือว่าเป็นกรณีที่มีเหตุพิเศษ คือ การคัดเลือกบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งโดยไม่ต้องดำเนินการสอบแข่งขัน โดยคนพิการต้องมีบัตรประจำตัวคนพิการ และไม่มีคุณสมบัติต้องห้ามตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551
กรณีที่ส่วนราชการไม่สามารถรับคนพิการเข้าทำงานได้ ตามมาตรา 33 ให้รายงานปลัดกระทรวงเพื่อเกลี่ยไปให้ส่วนราชการอื่นในสังกัดดำเนินการแทน หากไม่ได้ ให้ดำเนินการตามมาตรา 35 แทน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จึงขอความร่วมมือกับทุกส่วนราชการ และทุกภาคส่วนของสังคม ดำเนินการเพื่อให้การส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนพิการมุ่งสู่การมีมาตรฐานในระดับสากลและให้สังคมนี้เป็นสังคมแห่งการให้เกียรติ ให้โอกาส และให้กำลังใจ แก่คนพิการอย่างเสมอภาคเท่าเทียม ทั่วถึง และเป็นธรรม
วาระส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนพิการจึงเป็นวาระสำคัญ 1 ใน 8 งาน ที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พม. เร่งรัดขับเคลื่อนเป็นนโยบายเร่งด่วนของกระทรวง พม.ในปี 2559.
“ซี.12”
ขอบคุณ... http://www.thairath.co.th/content/546532 (ขนาดไฟล์: 167)
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
โลโก้คนพิการทุกประเภท วันที่ 3 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันคนพิการสากล ปีนี้คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2558 เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐเป็นวาระสำคัญ นายไมตรี อินทุสุต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้เสนอข้อมูลให้ทราบว่า มาตรการจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐเป็นไปตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กำหนดให้หน่วยงานของรัฐต้องรับคนพิการเข้าทำงานตามลักษณะของงานในอัตราส่วนที่เหมาะสมกับผู้ปฏิบัติงาน ในอัตราส่วนพนักงานตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป ต้องจ้างคนพิการ 1 คน ทั้งนี้ ในปี 2557 มีหน่วยงานของรัฐที่ต้องปฏิบัติดังกล่าว จำนวน 290 แห่ง ซึ่งตามสัดส่วนต้องมีการจ้างงานคนพิการจำนวน 10,246 คน ปรากฏว่ามีการแจ้งผลการปฏิบัติงาน 160 แห่ง เป็นการจ้างงานคนพิการ จำนวน 1,280 คน โดยตำแหน่งงานส่วนใหญ่เป็นพนักงานธุรการ หรือพนักงานรับโทรศัพท์ และยังมีการดำเนินงานตามมาตรา 35 จำนวน 390 คน รวมจำนวน 1,670 คน รวมทั้งหมดแล้วเป็นร้อยละ 16.30 มีหน่วยงานของรัฐที่ปฏิบัติครบถ้วนตามกฎหมาย 2 แห่ง คือ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (จำนวนผู้ปฏิบัติงาน 9,240 คน มีการจ้างงานคนพิการจำนวน 100 คน) และ กระทรวงแรงงาน (จำนวนผู้ปฏิบัติงาน 13,387 คน มีการจ้างงานคนพิการจำนวน 171 คน) เพื่อเป็นการสนับสนุนมาตรการจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐ ตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวมีมาตรา 35 เป็นตัวช่วยในการเอื้อประโยชน์ต่อคนพิการมากยิ่งขึ้นคือ ไม่จ้างโดยตรง ก็เลือกทำใน 7 วิธีการ ได้แก่ 1.การจัดสัมปทาน เช่น ให้สิทธิจำหน่ายสินค้า จัดรายการวิทยุ เป็นต้น 2.จัดสถานที่จำหน่ายสินค้า 3.บริการจัดจ้างเหมาช่วยงาน หรือจ้างเหมาบริการ โดยวิธีกรณีพิเศษ 4.จัดให้มีการฝึกงาน 5.จัดให้มีอุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวก 6.จัดให้มีล่ามภาษามือ และ 7.การให้ความช่วยเหลืออื่นใดแก่คนพิการ หรือผู้ดูแลคนพิการ 1 กิจกรรม/สัญญาเท่ากับ 1 คน นอกจากนี้ สำนักงาน ก.พ.ได้กำหนดวิธีการสรรหา และเลือกคนพิการเข้าทำงานในส่วนราชการ โดยมีขั้นตอนการปฏิบัติ ได้แก่ ให้ส่วนราชการกำหนดอัตราส่วน และกำหนดตำแหน่งในการรับคนพิการเข้าทำงาน กรณีจะรับคนพิการเข้าเป็นข้าราชการ ให้ถือว่าเป็นกรณีที่มีเหตุพิเศษ คือ การคัดเลือกบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งโดยไม่ต้องดำเนินการสอบแข่งขัน โดยคนพิการต้องมีบัตรประจำตัวคนพิการ และไม่มีคุณสมบัติต้องห้ามตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 กรณีที่ส่วนราชการไม่สามารถรับคนพิการเข้าทำงานได้ ตามมาตรา 33 ให้รายงานปลัดกระทรวงเพื่อเกลี่ยไปให้ส่วนราชการอื่นในสังกัดดำเนินการแทน หากไม่ได้ ให้ดำเนินการตามมาตรา 35 แทน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จึงขอความร่วมมือกับทุกส่วนราชการ และทุกภาคส่วนของสังคม ดำเนินการเพื่อให้การส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนพิการมุ่งสู่การมีมาตรฐานในระดับสากลและให้สังคมนี้เป็นสังคมแห่งการให้เกียรติ ให้โอกาส และให้กำลังใจ แก่คนพิการอย่างเสมอภาคเท่าเทียม ทั่วถึง และเป็นธรรม วาระส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนพิการจึงเป็นวาระสำคัญ 1 ใน 8 งาน ที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พม. เร่งรัดขับเคลื่อนเป็นนโยบายเร่งด่วนของกระทรวง พม.ในปี 2559. “ซี.12” ขอบคุณ... http://www.thairath.co.th/content/546532
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)