Lee Thiam Wah เจ้าของมินิมาร์ทพิการเดินไม่ได้ แต่สร้างตัวจากศูนย์สู่ธุรกิจพันล้านได้สำเร็จ

Lee Thiam Wah เจ้าของมินิมาร์ทพิการเดินไม่ได้ แต่สร้างตัวจากศูนย์สู่ธุรกิจพันล้านได้สำเร็จ

กลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก หลังจากที่บริษัท 99 Holdings ของมาเลเซียเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในวันแรก ปรากฏว่าความมั่งคั่งของผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คือ หลี่เหลียงหัว (李良华 หรือ Lee Thiam Wah) ก็พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีทรัพย์สินสุทธิ 2,800 ล้านดอลลาร์ ทำให้เขาเป็นบุคคลที่รวยที่สุดเป็นอันดับ 7 ของมาเลเซีย และกลายเป็นมหาเศรษฐี หรือ Billionaire ซึ่งหมายถึงผู้ที่มีสินทรัพยฺเกิน 1,000 ล้านดอลลาร์คนใหม่ของโลกไปในทันที

ที่น่าสนใจก็คือชีวิตและเส้นทางความสำเร็จของ หลี่เหลียงหัว

หลี่เหลียงหัว เกิดเมื่อปี 1964 แต่ตรวจพบว่าเป็นโรคโปลิโอและอัมพาตที่ขาทั้งสองข้างเมื่ออายุได้ 8 เดือน ครอบครัวของเขาต้องอุ้มเขาไปกลับโรงเรียนนานถึง 6 ปี ไม่ว่าฝนจะตกหรือแดดออกก็ตาม และในที่สุดก็จบการศึกษาในระดับประถมศึกษา แต่เพราะครอบครัวไม่สามารถแบกเข้าไปเรียนได้ตลอดไป ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเรียนต่อได้

แต่ถึงจะเจอกับอุปสรรค หลี่เหลียงหัวก็ไม่ยอมละทิ้งความตั้งใจที่จะเรียนหนังสือ เขาเรียนหนังสือด้วยตัวเองโดยใช้หนังสือและพจนานุกรมที่ยืมมาจากเพื่อน และเริ่มธุรกิจเล็กๆ ขายขนมหน้าบ้านเพื่อหารายได้พิเศษ ต่อมา เขาเริ่มคิดที่จะเปิดร้านขายของชำและทำธุรกิจส่วนตัว

เมื่ออายุ 23 ปี หลี่เหลียงหัว ซึ่งเก็บเกี่ยวประสบการณ์และความสนใจในธุรกิจค้าปลีกอาหารมาพอสมควรแล้ว ก็ได้นำเอาเงินออมทั้งหมด 17,000 ริงกิตมาลงทุนกับความช่วยเหลือจากครอบครัวเพื่อเปิดร้านขายของชำชื่อ 'เสียเหอ' (协和) แม้ว่าเขาจะมีประสบการณ์ในการค้าขายมา 10 ปีแล้ว แต่ธุรกิจค้าขายรูปแบบใหม่ไม่เหมือนกับประสบการณ์ที่ผ่านมา ดังนั้นเขาจึงต้องเรียนรู้ตั้งแต่ต้น แต่เพราะเขาจัดการอย่างมีประสิทธิภาพและได้ลองสำรวจและทดลองทีละอย่างด้วยตัวเอง ดังนั้นร้านเสียเหอจึงดำเนินการอย่างราบรื่น และได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากคนในท้องถิ่น

แต่เขายังไม่หยุดแค่นั้น จากร้านค้าหน้าบ้านก็สำเร็จมาแล้ว ร้านของชำในชุมชนก็สำเร็จมาแล้ว คราวนี้ด้วยเงินที่ได้จากการขายร้านขายของชำ เขาก็กระโจนเข้าสู่วิวัฒนาการใหม่ของการค้าปลีกในทศวรรษที่ 90 นั่นคือ 'ร้านมินิมาร์ท' เขาเปิดมินิมาร์ทในปี 1992 และตั้งชื่อว่า '99 Mini Market'

เขาเคยให้สัมภาษณ์กับ Metro News ของ The Star ว่า "เราเลือกหมายเลข 99 เพราะเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงว่าแม้ว่าเราจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่เรายังคงมุ่งมั่นที่จะมอบบริการและผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าในราคาที่แข่งขันได้ ซึ่งสิ่งนี้ยังเตือนเราด้วยว่าเรายังมีโอกาสปรับปรุงอยู่เสมอ"

แต่คราวนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ในวงการ เขาใช้เวลานานในการสร้างความมั่นคงในธุรกิจนี้พอสมควรจนกระทั่งปี 1998 ร้านมินิมาร์ทในเครือก็ค่อยๆ เพิ่มเป็น 8 แห่ง

จนถึงปี 2000 ก็ถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้ง หลี่เหลียงหัว เริ่มปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์แบรนด์ของบริษัท เปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการเป็น '99 Speedmart' และเริ่มลองใช้รูปแบบธุรกิจแฟรนไชส์แบบเครือข่าย โดยเปิดร้านแฟรนไชส์ 14 แห่ง แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จในทันทีกับแผนการธุรกิจนี้ เขาค่อยๆ ปรับตัวได้ในปี 2003 และในปี 2008 มีสาขาทั้งหมด 100 แห่ง

หลังจากนั้นก็เหมือนเสือติดปีก เพราะในเวลาไม่ถึง 10 ปีต่อมา 99 Speedmart ก็ประสบความสำเร็จในการเติบโตครบ 1,000 สาขาในปี 2017 ปัจจุบัน 99 Speedmart มีสาขามากกว่า 2,600 แห่งทั่วประเทศจากตัวเลขปี 2024 ทำให้กลายเป็นผู้ทำการตลาดเครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศมาเลเซีย

แม้ว่าเขาจะต้องหยุดเรียนในระบบไปในตอนเด็กเพราะความพิการ แต่ หลี่เหลียงหัว ไม่เคยหยุดที่จะเรียนรู้ แม้จะมีวัยถึง 59 ปีแล้วก็ตามในเวลานั้น แต่เขาลงทะเบียนเรียนในหลักสูตรปริญญาโทบริหารธุรกิจ (EMBA) ของ Southern University College ร่วมกับภรรยาและพนักงานอีก 14 คน หลังจากทำงานหนักมานานกว่าสองปี ในที่สุดเขาก็สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท เมื่อเดือนกรกฎาคม 2023 ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในชีวิตของเขา และสื่อของมาเลเซียยกย่องเขาว่า "ยึดมั่นในจิตวิญญาณแห่งการเรียนรู้อย่างไม่หยุดยั้ง"

หลี่เหลียงหัวกล่าวว่าการเรียนรู้ต่อเนื่องเป็นส่วนหนึ่งของความก้าวหน้าของบริษัท และย้ำว่าผู้คนควรเรียนรู้ต่อไปตลอดชีวิต มิฉะนั้นพวกเขาจะก้าวหน้าหรือไม่ก็ถอยหลัง

สื่อของมาเลเซีย คือ Shanghai Business ยกย่องเขาว่า "หลี่เหลียงหัว ผู้พิการทางร่างกายแต่มีความมุ่งมั่น ได้สร้างแรงบันดาลใจมากมายให้กับเราด้วยประสบการณ์ของเขาเอง แม้จะมีความพิการ หลี่เหลียงหัวก็ไม่เคยบ่นถึงชะตากรรมของตัวเองหรือรู้สึกเสียใจ แต่กลับทุ่มเททำงานอย่างหนักและสร้างโลกขึ้นมาด้วยมือของเขาเอง ในฐานะผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ ความพยายามของเขาดูเหมือนจะแสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณของคนพิการที่ไม่ย่อท้อต่อความพิการทางร่างกายของพวกเขา"

ตัวเขาเองก็เคยบอกกับ Metro News ของ The Star ว่า "ผมไม่ได้คิดถึงความจริงที่ว่าผมนั่งรถเข็น พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ และไปโรงเรียนเพียงหกปี ผมต้องช่วยเหลือตัวเอง ไม่มีใครจ้างผมเพราะข้อจำกัดทางร่างกายของผม ถ้าคุณไม่ทำงานหนัก คุณจะเป็นอะไรได้?"

และบอกว่า "คุณพิการทางร่างกายเท่านั้น ไม่ใช่ทางจิตใจ คุณฉลาดและยังสามารถใช้มือทำสิ่งต่างๆ ได้อีกมาก คุณจะต้องเป็นอิสระและหาวิธีดำรงชีวิต มิฉะนั้นคุณจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง"

เขาพิสูจน์ด้วยการนำ บริษัท 99 Holdings เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 9 เดือน 9 และมันกลายเป็นการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรก (IPO) ของมาเลเซียที่ใหญ่ที่สุดในรอบ 7 ปี

และทำให้เขากลายเป็นมหาเศรษฐีคนใหม่ของโลก

ทีมข่าวต่างประเทศ The Better

ขอบคุณ... https://www.thebetter.co.th/news/world/21577

ที่มา: thebetter.co.th/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 11 ก.ย. 67
วันที่โพสต์: 11/09/2567 เวลา 11:40:54 ดูภาพสไลด์โชว์ Lee Thiam Wah เจ้าของมินิมาร์ทพิการเดินไม่ได้ แต่สร้างตัวจากศูนย์สู่ธุรกิจพันล้านได้สำเร็จ