“คนลำสนธิ” เดินเครื่องรองรับสังคมผู้สูงอายุและคนพิการ
“เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีชาวญี่ปุ่นคณะหนึ่งได้เดินทางมาศึกษาดูงานในโครงการ “คนลำสนธิไม่ทอดทิ้งกัน” ต่อมาได้รับคำชมจากคณะที่มาดูงานว่า “เยี่ยมมาก” ที่ดึงครอบครัว ชุมชน สังคม และทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม ยื่นมือมาช่วยให้คนแก่ คนป่วยคนพิการ มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น”นพ.สันติ ลาภเบญจกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลลำสนธิจังหวัดลพบุรีเล่าด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ
นพ.สันติ กล่าวว่า พื้นที่ อ.ลำสนธิ มี 49 หมู่บ้าน ส่วนใหญ่ทำการเกษตร เพราะฉะนั้นในแต่ละวันคนวัยหนุ่มสาวมักจะออกไปทำงานนอกบ้านตั้งแต่เช้า เย็นค่ำถึงจะกลับบ้าน บางคนก็ออกไปขายแรงงานต่างถิ่น ด้วยเหตุนี้บ้านจะมีผู้สูงอายุเลี้ยงลูกหลานอยู่ที่บ้านเมื่อผู้สูงอายุบางคนเจ็บป่วยจึงขาดผู้ดูแล
ทั้งนี้ จากการสำรวจประชากร “ลำสนธิ” พบว่า มีชาวบ้านเจ็บป่วยเรื้อรัง ต้องการคนดูแลช่วยเหลือกว่า 300 คน ในจำนวนนี้กว่าครึ่งหนึ่ง เป็นผู้สูงอายุ ฐานะทางครอบครัวยากจน เวลาจะเดินทางไปหาหมอแต่ละครั้งค่อนข้างลำบากเพราะบ้านพักอาศัยอยู่ไกลจากโรงพยาบาลซึ่งการเดินทางแต่ละครั้งจะต้องใช้เงินจำนวนมาก
ครั้นได้สัมผัสถึงความทุกข์ยากเหล่านี้ นี่คือ จุดเริ่มต้นโครงการ “คนลำสนธิไม่ทอดทิ้งกัน” เมื่อปี 2549 โดยระดมการมีส่วนร่วมจากองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น 6 ตำบล หรือ 6 อบต. เปิดบ้านเป็นศูนย์กลางดูแล ขณะเดียวกัน ก็สร้างทีมงานเข้าไปดูแลสุขภาพถึงประตูบ้าน ทีมงานจะมีแพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัด นักจิตวิทยา เภสัชกร อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) โดยได้รับความร่วมมือจากท้องถิ่น และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สนับสนุนงบประมาณในการผลิตนักบริบาลชุมชน ผ่านกองทุนสุขภาพระดับท้องถิ่น เพื่อให้นักบริบาลชุมชนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าดูแลผู้ป่วยติดเตียงที่บ้าน ผู้พิการ ซึ่งครอบคลุมทั้งเรื่องสุขภาพ ดูแลแผลกดทับ อาหาร ตลอดจนการดำรงชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ หน่วยงานดังกล่าวยังได้สนับสนุนงบในการปรับปรุงสภาพบ้านเรือน อำนวยความสะดวกผู้ป่วยให้อยู่บ้านได้อย่างปลอดภัยและเหมาะสม โดยโรงพยาบาลจะมีคลังเครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์เตียงออกซิเจนเพื่อจัดส่งไปใช้กับผู้ป่วยที่บ้านอีกด้วย
“จากการติดจรวดความรู้ด้านการดูแลผู้สูงอายุให้กับนักบริบาลประมาณ 30 คน เพื่อช่วยดูแลเยียวยาผู้ป่วยติดเตียง ไม่ให้ผู้ป่วยเกิดเป็นแผลกดทับ อาบน้ำ ป้อนข้าวป้อนน้ำ รวมถึงฟื้นฟูร่างกายผู้ป่วยพบว่าผู้ป่วยหลายรายกลับมาช่วยเหลือตัวเองได้”
นพ.สันติ บอกว่า เกือบ 10 ปี นับแต่ริเริ่มโครงการ ปรากฏว่าไม่มีผู้ป่วยรายใดอาการแย่ลง ตรงกันข้ามพบว่า ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นมาก บางรายที่เคยป่วยเป็นอัมพฤกษ์สามารถลุกเดินได้เอง พูดง่าย ๆ ผู้ป่วยคุณภาพชีวิตดีขึ้นแล้วคนวัยหนุ่มสาวสามารถออกไปทำงานนอกบ้านโดยไม่ต้องกังวล
นพ.สันติ กล่าวว่า ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุข โดย ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน อดีต รมว.สาธารณสุข มีนโนบายทีมหมอครอบครัว ทำหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุที่ป่วยติดบ้านติดเตียง ผู้พิการ และผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่อยู่บ้าน ซึ่งคล้ายๆ กันกับของเรา ผมว่าเป็นสิ่งที่ดี ถ้าหากผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ไม่ต้องเดินทางเข้าออกโรงพยาบาลช่วยลดงบประมาณของรัฐด้วย
นพ.สันติ กล่าวว่า อีกไม่กี่ปีข้างหน้า สังคมไทยจะก้าวเขาสู่สังคมผู้สูงอายุ จะต้องมีแผนรับมือ ซึ่งทีมหมอครอบครัว และ คนลำสนธิไม่ทอดทิ้งกัน ถือว่าเดินมาถูกทาง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เรายังขาดก็คือ นักบริบาล อยากให้มีผู้สนับสนุนงบประมาณตรงนี้ ซึ่งใช้เงินไม่มากแต่ผลที่คืนกลับสู่สังคม ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ไม่ต้องเป็นภาระกลับลูกหลานช่วยเหลือตนเองได้ผลถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุน
จากนั้น นพ.สันติ เล่าให้ฟังว่า ในปี 2559 โครงการคนลำสนธิไม่ทอดทิ้งกัน ได้มีแผนรองรับสังคมผู้สูงอายุที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วย โดยผลักดันให้คนวัยกลางคน คนแก่ หมั่นออกกำลังกาย ฝึกการทรงตัว เพื่อมีสุขภาพแข็งแรงรวมทั้งหากิจกรรมต่างๆให้ผู้สูงอายุเพื่อป้องกันสมองเสื่อมด้วย...คนลำสนธิไม่ทอดทิ้งกัน ได้แจกเบอร์โทรศัพท์เพื่อใช้ในการติดต่อปรึกษาอาการเจ็บป่วย หรือใครเจ็บป่วยฉุกเฉินก็ติดต่อคณะทำงาน หรือส่งผู้ป่วยมารักษาตัวกับทางโรงพยาบาลลำสนธิ
ขอบคุณ... http://www.manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=9580000099988 (ขนาดไฟล์: 164)
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
“เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีชาวญี่ปุ่นคณะหนึ่งได้เดินทางมาศึกษาดูงานในโครงการ “คนลำสนธิไม่ทอดทิ้งกัน” ต่อมาได้รับคำชมจากคณะที่มาดูงานว่า “เยี่ยมมาก” ที่ดึงครอบครัว ชุมชน สังคม และทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม ยื่นมือมาช่วยให้คนแก่ คนป่วยคนพิการ มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น”นพ.สันติ ลาภเบญจกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลลำสนธิจังหวัดลพบุรีเล่าด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ เจ้าหน้าที่จากโครงการ “คนลำสนธิไม่ทอดทิ้งกัน” ลงพื้นที่ดูแลชาวบ้าน ผู้ป่วย ผู้ชรา และคนพิการ นพ.สันติ กล่าวว่า พื้นที่ อ.ลำสนธิ มี 49 หมู่บ้าน ส่วนใหญ่ทำการเกษตร เพราะฉะนั้นในแต่ละวันคนวัยหนุ่มสาวมักจะออกไปทำงานนอกบ้านตั้งแต่เช้า เย็นค่ำถึงจะกลับบ้าน บางคนก็ออกไปขายแรงงานต่างถิ่น ด้วยเหตุนี้บ้านจะมีผู้สูงอายุเลี้ยงลูกหลานอยู่ที่บ้านเมื่อผู้สูงอายุบางคนเจ็บป่วยจึงขาดผู้ดูแล ทั้งนี้ จากการสำรวจประชากร “ลำสนธิ” พบว่า มีชาวบ้านเจ็บป่วยเรื้อรัง ต้องการคนดูแลช่วยเหลือกว่า 300 คน ในจำนวนนี้กว่าครึ่งหนึ่ง เป็นผู้สูงอายุ ฐานะทางครอบครัวยากจน เวลาจะเดินทางไปหาหมอแต่ละครั้งค่อนข้างลำบากเพราะบ้านพักอาศัยอยู่ไกลจากโรงพยาบาลซึ่งการเดินทางแต่ละครั้งจะต้องใช้เงินจำนวนมาก ครั้นได้สัมผัสถึงความทุกข์ยากเหล่านี้ นี่คือ จุดเริ่มต้นโครงการ “คนลำสนธิไม่ทอดทิ้งกัน” เมื่อปี 2549 โดยระดมการมีส่วนร่วมจากองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น 6 ตำบล หรือ 6 อบต. เปิดบ้านเป็นศูนย์กลางดูแล ขณะเดียวกัน ก็สร้างทีมงานเข้าไปดูแลสุขภาพถึงประตูบ้าน ทีมงานจะมีแพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัด นักจิตวิทยา เภสัชกร อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) โดยได้รับความร่วมมือจากท้องถิ่น และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สนับสนุนงบประมาณในการผลิตนักบริบาลชุมชน ผ่านกองทุนสุขภาพระดับท้องถิ่น เพื่อให้นักบริบาลชุมชนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าดูแลผู้ป่วยติดเตียงที่บ้าน ผู้พิการ ซึ่งครอบคลุมทั้งเรื่องสุขภาพ ดูแลแผลกดทับ อาหาร ตลอดจนการดำรงชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ หน่วยงานดังกล่าวยังได้สนับสนุนงบในการปรับปรุงสภาพบ้านเรือน อำนวยความสะดวกผู้ป่วยให้อยู่บ้านได้อย่างปลอดภัยและเหมาะสม โดยโรงพยาบาลจะมีคลังเครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์เตียงออกซิเจนเพื่อจัดส่งไปใช้กับผู้ป่วยที่บ้านอีกด้วย “จากการติดจรวดความรู้ด้านการดูแลผู้สูงอายุให้กับนักบริบาลประมาณ 30 คน เพื่อช่วยดูแลเยียวยาผู้ป่วยติดเตียง ไม่ให้ผู้ป่วยเกิดเป็นแผลกดทับ อาบน้ำ ป้อนข้าวป้อนน้ำ รวมถึงฟื้นฟูร่างกายผู้ป่วยพบว่าผู้ป่วยหลายรายกลับมาช่วยเหลือตัวเองได้” นพ.สันติ บอกว่า เกือบ 10 ปี นับแต่ริเริ่มโครงการ ปรากฏว่าไม่มีผู้ป่วยรายใดอาการแย่ลง ตรงกันข้ามพบว่า ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นมาก บางรายที่เคยป่วยเป็นอัมพฤกษ์สามารถลุกเดินได้เอง พูดง่าย ๆ ผู้ป่วยคุณภาพชีวิตดีขึ้นแล้วคนวัยหนุ่มสาวสามารถออกไปทำงานนอกบ้านโดยไม่ต้องกังวล เจ้าหน้าที่จากโครงการ “คนลำสนธิไม่ทอดทิ้งกัน” ลงพื้นที่ดูแลชาวบ้าน ผู้ป่วย ผู้ชรา และคนพิการ นพ.สันติ กล่าวว่า ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุข โดย ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน อดีต รมว.สาธารณสุข มีนโนบายทีมหมอครอบครัว ทำหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุที่ป่วยติดบ้านติดเตียง ผู้พิการ และผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่อยู่บ้าน ซึ่งคล้ายๆ กันกับของเรา ผมว่าเป็นสิ่งที่ดี ถ้าหากผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ไม่ต้องเดินทางเข้าออกโรงพยาบาลช่วยลดงบประมาณของรัฐด้วย นพ.สันติ กล่าวว่า อีกไม่กี่ปีข้างหน้า สังคมไทยจะก้าวเขาสู่สังคมผู้สูงอายุ จะต้องมีแผนรับมือ ซึ่งทีมหมอครอบครัว และ คนลำสนธิไม่ทอดทิ้งกัน ถือว่าเดินมาถูกทาง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เรายังขาดก็คือ นักบริบาล อยากให้มีผู้สนับสนุนงบประมาณตรงนี้ ซึ่งใช้เงินไม่มากแต่ผลที่คืนกลับสู่สังคม ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ไม่ต้องเป็นภาระกลับลูกหลานช่วยเหลือตนเองได้ผลถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุน จากนั้น นพ.สันติ เล่าให้ฟังว่า ในปี 2559 โครงการคนลำสนธิไม่ทอดทิ้งกัน ได้มีแผนรองรับสังคมผู้สูงอายุที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วย โดยผลักดันให้คนวัยกลางคน คนแก่ หมั่นออกกำลังกาย ฝึกการทรงตัว เพื่อมีสุขภาพแข็งแรงรวมทั้งหากิจกรรมต่างๆให้ผู้สูงอายุเพื่อป้องกันสมองเสื่อมด้วย...คนลำสนธิไม่ทอดทิ้งกัน ได้แจกเบอร์โทรศัพท์เพื่อใช้ในการติดต่อปรึกษาอาการเจ็บป่วย หรือใครเจ็บป่วยฉุกเฉินก็ติดต่อคณะทำงาน หรือส่งผู้ป่วยมารักษาตัวกับทางโรงพยาบาลลำสนธิ ขอบคุณ... http://www.manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=9580000099988
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)