2 เงื่อนไขที่ทหารจะออกมา:กระดานความคิด โดย พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์

แสดงความคิดเห็น

คณะผู้นำเหล่าทับ

ทหารเป็นองค์กรขนาดใหญ่ แม้จะมีค่านิยมที่คล้ายคลึงกันในเรื่อง การรักชาติ, ศาสน์, กษัตริย์ แต่เนื่องจากมีสมาชิกองค์กรมากกว่า 4 แสนคน ดังนั้น บุคลากรในองค์กรจึงมีแนวความคิดทางการเมืองที่แตกต่างกันออกไปตามสภาพแวดล้อมที่ตนสังกัดอยู่ เช่น ทหารเรือ, ทหารอากาศ จะรู้เรื่องการเมืองเท่าที่จำเป็น ส่วนทหารบกรู้มากกว่า เพราะต้องลงไปสัมผัสและเกี่ยวข้องกับบุคคลในแวดวงของการเมืองตามพื้นที่ ต่างๆ อยู่เป็นประจำ

นอกจากนั้น ในระดับนายทหารจะจบการศึกษาในระดับปริญญาโททางด้านสัมคมศึกษาเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งต้องผ่านการเรียนรู้และพูดคุยปัญหาทางการเมืองในชั้นเรียนมาแล้วในระดับ หนึ่ง ดังนั้น “การเมืองจึงเป็นเรื่องที่ไม่ไกลตัวทหารสักเท่าไร” อย่างไรก็ตามไม่ว่าทหารจะมีแนวคิดทางการเมืองแตกต่างกันอย่างไร แต่ทหารทุกคนจะต้องมีความผูกพันกับแนวคิดสำคัญที่ได้รับการปลูกฝังมาตั้งแต่ เริ่มเข้ารับราชการเป็นทหารว่า “การเมือง ต้องมีความสำคัญน้อยกว่าความมั่นคงของชาติ”

ความมั่นคงแห่งชาติไทย คงไม่มีอะไรมากมายเท่ากับของสหรัฐ แต่ก็ยังมีหลากหลายมิติ ซึ่งสรุปได้เป็นองค์ประกอบสำคัญอยู่ที่ 1.รัฐต้องบังคับใช้กฎหมายต่อประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน 2.รัฐต้องไม่ทุจริต 3.ทุกองค์กรที่สังกัดรัฐต้องทำตามหน้าที่ของตนให้ครบถ้วน และ 4.องค์ประกอบสำคัญที่สุดคือการให้ความเคารพต่อพระมหากษัตริย์ ซึ่งทรงเป็นจอมทัพไทย

สรุป ทหารดียังมีมากกว่าทหารขี้ข้ามากมายนัก และลักษณะที่ทหารดีต้องมี ประกอบไปด้วย

1.ต้องเห็นอิทธิพลทางการเมืองสำคัญน้อยกว่าเรื่องของประเทศชาติ ถ้าการเมืองผิด ต้องตักเตือน ถ้าผิดมาก ต้องออกมายุติบทบาททางของกลุ่มการเมืองดังกล่าว 2.ประชาชนที่ต่อสู้ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรกับรัฐบาลแต่อยู่ในแนวทางสันติทหารดีต้องออกมาปกป้อง โดยเอากฎหมายมาจับดูว่าใครถูกก็สนับสนุน ใครผิดก็ไม่ช่วยแค่นั้น (เช่น กรณีเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อปี 52-53 เมื่อศาลได้ระบุว่าเป็นการชุมนุมโดยผิดกฎหมาย ทหารจึงออกมาทำหน้าที่ช่วยเหลือรัฐบาล ซึ่งไม่ใช่การปกป้องรัฐบาล แต่เป็นการเข้ามาทำหน้าที่รักษาความสงบของชาติ) 3.พิทักษ์ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างจริงจัง ไม่คบหาสมาคมกับคนพวกที่เคลื่อนไหวกระทบต่อสถาบันฯ

เมื่อมาดูสถานการณ์ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่า เกิดเหตุการณ์ที่กระทบต่อความมั่นคงของชาติมากมาย ทั้งเรื่องการทุจริต, การล่วงละเมิดสถาบันฯ, การไม่เคารพกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เท่าเทียมกัน ซึ่งถือว่ามีเงื่อนไข แต่การออกมาของทหารนั้นต้องมีขั้นตอนอยู่บ้าง เพราะทหารเป็นองค์กรที่ใช้อาวุธเป็นเครื่องมือในการปฏิบัติงาน จึงจำเป็นต้องรอเวลาที่เหมาะสม ซึ่งเวลาที่เหมาะสมนั้นอาจจะมาถึงในไม่ช้า

โดยเงื่อนไขนั้นมีเพียง 2-3 เรื่องเท่านั้น เรื่องหนึ่ง คือ เรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ยอมลงรับสมัครเลือกตั้ง ประเด็นที่สองที่จะทำให้ทหารก้าวออกมา แต่กลับยังยืนไม่เต็มที่นั้น บอกไม่ได้ครับ ผิดมารยาท แต่จะเกิดขึ้นในปลายเดือนนี้ เป็นข่าวดีรับปีใหม่เลยครับผมเคยพูดไว้หลายครั้งตามที่ต่างๆ โดยเฉพาะในงานระลึก พล.อ.ร่มเกล้า ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ในปีนี้ว่า "ทหารนั้นจะมีศักดิ์ศรีเป็นที่ยอมรับของใครต่อใครได้นั้น ต้องมีพื้นฐานมาจากการยอมรับนับถือของประชาชนเท่านั้น ถ้าประชาชนไม่ยอมรับทหารคนนั้นก็จะหมดเกียรติยศไร้ศักดิ์ศรีไปเอง ไม่มีใครเคารพนับถือ หรือเกรงใจอีกต่อไป มีสภาพแค่ขี้ข้าคนหนึ่งเท่านั้นเอง" ก็ลองเอาไปคิดดูกันเอง เพราะถ้าขาดศักดิ์ศรีแล้ว ทหารคนไหนก็ตามมีเงินมากแค่ไหนก็ตายทั้งเป็น เพราะทหารทุกคนถูกสอนมาให้อยู่อย่างมีศักดิ์ศรีมาตั้งแต่เข้ารับราชการ ถ้ามาเสียเอาตอนแก่นี่จะอยู่อย่างทรมานไปจนสิ้นชีวิต อย่าลืมว่า ประชาชนก็มีศักดิ์ศรีของตัวเองเหมือนกัน

ขอบคุณ http://www.komchadluek.net/detail/20131219/175150.html (ขนาดไฟล์: 167)

(คมชัดลึกออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 19 ธ.ค.56)

ที่มา: คมชัดลึกออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 19 ธ.ค.56
วันที่โพสต์: 19/12/2556 เวลา 05:05:04 ดูภาพสไลด์โชว์ 2 เงื่อนไขที่ทหารจะออกมา:กระดานความคิด โดย พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

คณะผู้นำเหล่าทับ ทหารเป็นองค์กรขนาดใหญ่ แม้จะมีค่านิยมที่คล้ายคลึงกันในเรื่อง การรักชาติ, ศาสน์, กษัตริย์ แต่เนื่องจากมีสมาชิกองค์กรมากกว่า 4 แสนคน ดังนั้น บุคลากรในองค์กรจึงมีแนวความคิดทางการเมืองที่แตกต่างกันออกไปตามสภาพแวดล้อมที่ตนสังกัดอยู่ เช่น ทหารเรือ, ทหารอากาศ จะรู้เรื่องการเมืองเท่าที่จำเป็น ส่วนทหารบกรู้มากกว่า เพราะต้องลงไปสัมผัสและเกี่ยวข้องกับบุคคลในแวดวงของการเมืองตามพื้นที่ ต่างๆ อยู่เป็นประจำ นอกจากนั้น ในระดับนายทหารจะจบการศึกษาในระดับปริญญาโททางด้านสัมคมศึกษาเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งต้องผ่านการเรียนรู้และพูดคุยปัญหาทางการเมืองในชั้นเรียนมาแล้วในระดับ หนึ่ง ดังนั้น “การเมืองจึงเป็นเรื่องที่ไม่ไกลตัวทหารสักเท่าไร” อย่างไรก็ตามไม่ว่าทหารจะมีแนวคิดทางการเมืองแตกต่างกันอย่างไร แต่ทหารทุกคนจะต้องมีความผูกพันกับแนวคิดสำคัญที่ได้รับการปลูกฝังมาตั้งแต่ เริ่มเข้ารับราชการเป็นทหารว่า “การเมือง ต้องมีความสำคัญน้อยกว่าความมั่นคงของชาติ” ความมั่นคงแห่งชาติไทย คงไม่มีอะไรมากมายเท่ากับของสหรัฐ แต่ก็ยังมีหลากหลายมิติ ซึ่งสรุปได้เป็นองค์ประกอบสำคัญอยู่ที่ 1.รัฐต้องบังคับใช้กฎหมายต่อประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน 2.รัฐต้องไม่ทุจริต 3.ทุกองค์กรที่สังกัดรัฐต้องทำตามหน้าที่ของตนให้ครบถ้วน และ 4.องค์ประกอบสำคัญที่สุดคือการให้ความเคารพต่อพระมหากษัตริย์ ซึ่งทรงเป็นจอมทัพไทย สรุป ทหารดียังมีมากกว่าทหารขี้ข้ามากมายนัก และลักษณะที่ทหารดีต้องมี ประกอบไปด้วย 1.ต้องเห็นอิทธิพลทางการเมืองสำคัญน้อยกว่าเรื่องของประเทศชาติ ถ้าการเมืองผิด ต้องตักเตือน ถ้าผิดมาก ต้องออกมายุติบทบาททางของกลุ่มการเมืองดังกล่าว 2.ประชาชนที่ต่อสู้ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรกับรัฐบาลแต่อยู่ในแนวทางสันติทหารดีต้องออกมาปกป้อง โดยเอากฎหมายมาจับดูว่าใครถูกก็สนับสนุน ใครผิดก็ไม่ช่วยแค่นั้น (เช่น กรณีเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อปี 52-53 เมื่อศาลได้ระบุว่าเป็นการชุมนุมโดยผิดกฎหมาย ทหารจึงออกมาทำหน้าที่ช่วยเหลือรัฐบาล ซึ่งไม่ใช่การปกป้องรัฐบาล แต่เป็นการเข้ามาทำหน้าที่รักษาความสงบของชาติ) 3.พิทักษ์ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างจริงจัง ไม่คบหาสมาคมกับคนพวกที่เคลื่อนไหวกระทบต่อสถาบันฯ เมื่อมาดูสถานการณ์ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่า เกิดเหตุการณ์ที่กระทบต่อความมั่นคงของชาติมากมาย ทั้งเรื่องการทุจริต, การล่วงละเมิดสถาบันฯ, การไม่เคารพกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เท่าเทียมกัน ซึ่งถือว่ามีเงื่อนไข แต่การออกมาของทหารนั้นต้องมีขั้นตอนอยู่บ้าง เพราะทหารเป็นองค์กรที่ใช้อาวุธเป็นเครื่องมือในการปฏิบัติงาน จึงจำเป็นต้องรอเวลาที่เหมาะสม ซึ่งเวลาที่เหมาะสมนั้นอาจจะมาถึงในไม่ช้า โดยเงื่อนไขนั้นมีเพียง 2-3 เรื่องเท่านั้น เรื่องหนึ่ง คือ เรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ยอมลงรับสมัครเลือกตั้ง ประเด็นที่สองที่จะทำให้ทหารก้าวออกมา แต่กลับยังยืนไม่เต็มที่นั้น บอกไม่ได้ครับ ผิดมารยาท แต่จะเกิดขึ้นในปลายเดือนนี้ เป็นข่าวดีรับปีใหม่เลยครับผมเคยพูดไว้หลายครั้งตามที่ต่างๆ โดยเฉพาะในงานระลึก พล.อ.ร่มเกล้า ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ในปีนี้ว่า "ทหารนั้นจะมีศักดิ์ศรีเป็นที่ยอมรับของใครต่อใครได้นั้น ต้องมีพื้นฐานมาจากการยอมรับนับถือของประชาชนเท่านั้น ถ้าประชาชนไม่ยอมรับทหารคนนั้นก็จะหมดเกียรติยศไร้ศักดิ์ศรีไปเอง ไม่มีใครเคารพนับถือ หรือเกรงใจอีกต่อไป มีสภาพแค่ขี้ข้าคนหนึ่งเท่านั้นเอง" ก็ลองเอาไปคิดดูกันเอง เพราะถ้าขาดศักดิ์ศรีแล้ว ทหารคนไหนก็ตามมีเงินมากแค่ไหนก็ตายทั้งเป็น เพราะทหารทุกคนถูกสอนมาให้อยู่อย่างมีศักดิ์ศรีมาตั้งแต่เข้ารับราชการ ถ้ามาเสียเอาตอนแก่นี่จะอยู่อย่างทรมานไปจนสิ้นชีวิต อย่าลืมว่า ประชาชนก็มีศักดิ์ศรีของตัวเองเหมือนกัน ขอบคุณ… http://www.komchadluek.net/detail/20131219/175150.html (คมชัดลึกออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 19 ธ.ค.56)

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...