เปิดตัว "สมัชชาปกป้องปชต." โต้ กปปส. บิดเบือนรัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตย
เวลา 12.40 น. วันที่ 10 ธันวาคม ที่ห้อง 107 คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการจัดแถลงข่าวเปิดตัวสมัชชาปกป้องประชาธิปไตย โดยมีผู้ร่วมแถลงข่าวได้แก่ นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นางพวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายเกษียร เตชะพีระ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ และ คณะนิติราษฎร์ นายปิยบุตร แสงกนกกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ และ คณะนิติราษฎร์ นายประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์
สำหรับแถลงการณ์สมัชชาปกป้องประชาธิปไตยฉบับที่ 1 โดยย่อมีดังนี้ “สมัชชาปกป้องประชาธิปไตย” ซึ่งเป็นการรวมตัวของนักวิชาการ และประชาชนหลากหลายอาชีพ ขอแถลงโต้แย้งประเด็นที่ กปปส. ที่ประชุมอธิการบดี (ทปอ.) และ นักวิชาการจำนวนหนึ่งที่นำเสนอความเห็นไปในทิศทางที่ขัดกับกติกาประชาธิปไตยในภาวะวิกฤติของบ้านเมือง ดังนี้ 1.การก่อตั้งสภาประชาชน : ความเคลื่อนไหวที่นำมาสู่การจัดตั้งสภาประชาชน มีที่มาจากการข้อกล่าวหาที่ว่ารัฐบาลและรัฐสภาไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นรัฐบาลและรัฐสภาจึงหมดความชอบธรรม และจำต้องจัดตั้งสภาประชาชนด้วยการอ้างอิงมาตราที่ 3 ของรัฐธรรมนูญ 2550 โดยไม่จำเป็นต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ สมัชชาฯ ขอแถลงว่า กระบวนที่นำมาซึ่งการก่อตั้งสภาประชาชนโดยไม่เข้าสู่กระบวนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญโดยวิถีทางปรกติ ถือว่าไม่สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตย หลักนิติธรรม และถือว่าเป็นการทำรัฐประหาร ทั้งนี้จำต้องชี้แจงว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ เป็นการขยายอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญโดยไม่มีฐานอำนาจตามรัฐธรรมนูญรองรับ จึงไม่มีผลทางกฎหมาย นอกจากนี้ การอ้างอิงมาตรา 3 ของรัฐธรรมนูญเพื่อจัดตั้งสภาประชาชนนั้น ไม่สามารถทำได้เพราะไม่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เว้นแต่จะต้องเข้าสู่กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสียก่อน ประการสำคัญ การนำเสนอเรื่องของสภาประชาชนไม่มีความชัดเจนถึงความยืดโยงกับความเป็นตัว แทนของประชาชนไม่คำนึงถึงความเท่าเทียมและความหลากหลายทางความคิดโดยเฉพาะ ต่อประชาชนที่ไม่ได้เข้าร่วมกับ กปปส. 2.ข้อเสนอให้มีนายกรัฐมนตรีคนกลางหลังการยุบสภาเป็นที่มาจากการตีความรัฐธรรมนูญมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญ หรืออาจเรียกง่ายๆว่า “นายกฯคนกลางพระราชทาน” เป็นการพยายามตีความรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นไปตามครรลองของหลักการประชาธิปไตย และละเมิดบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่านายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีภายหลังจากการยุบสภาจะต้องปฏิบัติ หน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่มารับหน้าที่เมื่อการเลือกตั้งเสร็จสิ้นลง อีกทั้งกระบวนการใดๆที่ขัดขวางกระบวนการเลือกตั้ง เหนี่ยวรั้งให้การเลือกตั้งล่าช้าหรือสร้างสุญญากาศทางการเมืองถือเป็นการ ทำลายหลักการประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญเสียเองนอกจากไม่เป็นคุณต่อการอยู่ ร่วมกันในสังคมที่ต้องเคารพในสิทธิมนุษยชนเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นความ เท่าเทียม สันติภาพ และอาจนำไปสู่วิกฤติความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นด้วย 3. การแก้ไขรัฐธรรมนูญ สมัชชาปกป้องประชาธิปไตยขอยืนยันว่ารัฐธรรมนูญเป็นกติกาประชาธิปไตยที่ทุกฝ่ายต้องให้ความเคารพ แต่รัฐธรรมนูญนั้นสามารถแก้ไขได้ด้วยเจตจำนงของประชาชนและต้องคำนึงถึงทั้ง หลักประชาธิปไตยและหลักการที่ไม่ทำลายสังคมประชาธิปไตยเสียเองทั้งนี้หากมี ความไม่เห็นพ้องต้องกันถึงกติกาประชาธิปไตยฉบับนี้ก็สมควรจะร่วมกันหาทางออก ที่ได้รับการยอมรับกันทุกฝ่ายสมัชชาฯขอเสนอว่าการร่วมกันออกแบบการทำ ประชามติในการแก้ไขหรือยืนยันการใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี2550ควรเป็นทางออกของ สังคม
สำหรับผู้ที่สนใจอยากเป็นสมาชิกร่วมกับกลุ่มสมัชชาปกป้องประชาธิปไตย สามารถเข้าไปเข้าร่วมที่เฟซบุ๊คเพจ "สมัชชาปกป้องประชาธิปไตย" หรือ email : AFDD.thailand@gmail.com
ขอบคุณ... http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1386658275
(ประชาชาติธุรกิจออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 10 ธ.ค.56)
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการจัดแถลงข่าวเปิดตัวสมัชชาปกป้องประชาธิปไตย เวลา 12.40 น. วันที่ 10 ธันวาคม ที่ห้อง 107 คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการจัดแถลงข่าวเปิดตัวสมัชชาปกป้องประชาธิปไตย โดยมีผู้ร่วมแถลงข่าวได้แก่ นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นางพวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายเกษียร เตชะพีระ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ และ คณะนิติราษฎร์ นายปิยบุตร แสงกนกกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ และ คณะนิติราษฎร์ นายประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ สำหรับแถลงการณ์สมัชชาปกป้องประชาธิปไตยฉบับที่ 1 โดยย่อมีดังนี้ “สมัชชาปกป้องประชาธิปไตย” ซึ่งเป็นการรวมตัวของนักวิชาการ และประชาชนหลากหลายอาชีพ ขอแถลงโต้แย้งประเด็นที่ กปปส. ที่ประชุมอธิการบดี (ทปอ.) และ นักวิชาการจำนวนหนึ่งที่นำเสนอความเห็นไปในทิศทางที่ขัดกับกติกาประชาธิปไตยในภาวะวิกฤติของบ้านเมือง ดังนี้ 1.การก่อตั้งสภาประชาชน : ความเคลื่อนไหวที่นำมาสู่การจัดตั้งสภาประชาชน มีที่มาจากการข้อกล่าวหาที่ว่ารัฐบาลและรัฐสภาไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นรัฐบาลและรัฐสภาจึงหมดความชอบธรรม และจำต้องจัดตั้งสภาประชาชนด้วยการอ้างอิงมาตราที่ 3 ของรัฐธรรมนูญ 2550 โดยไม่จำเป็นต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ สมัชชาฯ ขอแถลงว่า กระบวนที่นำมาซึ่งการก่อตั้งสภาประชาชนโดยไม่เข้าสู่กระบวนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญโดยวิถีทางปรกติ ถือว่าไม่สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตย หลักนิติธรรม และถือว่าเป็นการทำรัฐประหาร ทั้งนี้จำต้องชี้แจงว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ เป็นการขยายอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญโดยไม่มีฐานอำนาจตามรัฐธรรมนูญรองรับ จึงไม่มีผลทางกฎหมาย นอกจากนี้ การอ้างอิงมาตรา 3 ของรัฐธรรมนูญเพื่อจัดตั้งสภาประชาชนนั้น ไม่สามารถทำได้เพราะไม่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เว้นแต่จะต้องเข้าสู่กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสียก่อน ประการสำคัญ การนำเสนอเรื่องของสภาประชาชนไม่มีความชัดเจนถึงความยืดโยงกับความเป็นตัว แทนของประชาชนไม่คำนึงถึงความเท่าเทียมและความหลากหลายทางความคิดโดยเฉพาะ ต่อประชาชนที่ไม่ได้เข้าร่วมกับ กปปส. 2.ข้อเสนอให้มีนายกรัฐมนตรีคนกลางหลังการยุบสภาเป็นที่มาจากการตีความรัฐธรรมนูญมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญ หรืออาจเรียกง่ายๆว่า “นายกฯคนกลางพระราชทาน” เป็นการพยายามตีความรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นไปตามครรลองของหลักการประชาธิปไตย และละเมิดบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่านายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีภายหลังจากการยุบสภาจะต้องปฏิบัติ หน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่มารับหน้าที่เมื่อการเลือกตั้งเสร็จสิ้นลง อีกทั้งกระบวนการใดๆที่ขัดขวางกระบวนการเลือกตั้ง เหนี่ยวรั้งให้การเลือกตั้งล่าช้าหรือสร้างสุญญากาศทางการเมืองถือเป็นการ ทำลายหลักการประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญเสียเองนอกจากไม่เป็นคุณต่อการอยู่ ร่วมกันในสังคมที่ต้องเคารพในสิทธิมนุษยชนเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นความ เท่าเทียม สันติภาพ และอาจนำไปสู่วิกฤติความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นด้วย 3. การแก้ไขรัฐธรรมนูญ สมัชชาปกป้องประชาธิปไตยขอยืนยันว่ารัฐธรรมนูญเป็นกติกาประชาธิปไตยที่ทุกฝ่ายต้องให้ความเคารพ แต่รัฐธรรมนูญนั้นสามารถแก้ไขได้ด้วยเจตจำนงของประชาชนและต้องคำนึงถึงทั้ง หลักประชาธิปไตยและหลักการที่ไม่ทำลายสังคมประชาธิปไตยเสียเองทั้งนี้หากมี ความไม่เห็นพ้องต้องกันถึงกติกาประชาธิปไตยฉบับนี้ก็สมควรจะร่วมกันหาทางออก ที่ได้รับการยอมรับกันทุกฝ่ายสมัชชาฯขอเสนอว่าการร่วมกันออกแบบการทำ ประชามติในการแก้ไขหรือยืนยันการใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี2550ควรเป็นทางออกของ สังคม สำหรับผู้ที่สนใจอยากเป็นสมาชิกร่วมกับกลุ่มสมัชชาปกป้องประชาธิปไตย สามารถเข้าไปเข้าร่วมที่เฟซบุ๊คเพจ "สมัชชาปกป้องประชาธิปไตย" หรือ email : AFDD.thailand@gmail.com ขอบคุณ... http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1386658275 (ประชาชาติธุรกิจออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 10 ธ.ค.56)
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)