จี้ภาครัฐจัดทางเท้าปลอดภัย ลดสูญเสียเด็ก คนชราพิการ

แสดงความคิดเห็น

ทุกคนสมควรไดเดินบนเสนทางที่ปลอดภัย และไมมีใครที่อยากเห็นการเจ็บ พิการ และตายจากการถูกรถชน ขณะที่ภาครัฐก็ไม่ได้ให้ความความปลอดภัยแก่ผูเดินเทาเท่าที่ควร โดยเฉพาะกลุมเด็กผูพิการ คนชรา อย่างเช่นหน่วยงานอย่าง กทม. เมื่อมีการชิงชัยของผู้ว่าฯ กทม.ทุกครั้ง ก็จะมีนโยบายกับเรื่องนี้ แต่อยากทราบว่าเมื่อได้รับตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.ไปแล้วจะมีการทำตามคำพูดหรือไม่ ง่ายๆ แค่การจัดการทางเท้าให้เพียงพอและปลอดภัย

Safe Kids Thailand ศูนยวิจัยเพื่อสรางเสริมความปลอดภัยและปองกันการบาดเจ็บในเด็ก คณะแพทยศาสตร รพ.รามาธิบดี รวมกับศูนย์อํานวยการความปลอดภัยทางถนน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และเครือขายความปลอดภัยทางถนนและสื่อมวลชน โดยการสนับสนุนจากองค์การสหประชาชาติ และ FedEx จัดกิจกรรม “2554-2563 ทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน ขอเสนอทางเดินปลอดภัยให้เด็กๆ” เมื่อไม่นานมานี้ ณ สวนสราญรมย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ เพื่อรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนของสังคม ให้ตระหนักและเห็นความสําคัญของความปลอดภัยในการเดินเท้าของเด็กๆ สอดรับกับนโยบายของ Decade of Action for Road Safety 2010-2020 และกระตุ้นให้ภาครัฐที่รับผิดชอบนโยบายความปลอดภัยทางถนนของประเทศไทย เกิดการขับเคลื่อนความปลอดภัยทางถนน เน้นกลุมเดินเท้าที่เป็นเด็ก รวมถึงผูพิการและคนชรา

เด็กทุกคนสมควรได้เดินบนเส้นทางที่ปลอดภัย ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากเห็นลูกตัวเองตายจากการถูกรถชน ไม่มีผู้ใหญ่คนไหนอยากเห็นเด็กๆ ตายจากการถูกรถทับ แต่จะมี “ผู้ใหญสักกี่คนที่ช่วยหยุดความสูญเสียอันใหญ่หลวงนี้”

ในแตละปี อุบัติเหตุทางถนนได้คร่าชีวิตเด็กไปไมต่ำกวา 133,000 คน ในทุก 3 นาที จะมีเด็ก 1 คนตายจากอุบัติเหตุทางถนน กลุ่มเด็กเดินเท้า เป็นกลุมเสี่ยงสูงจากการถูกรถชนขณะเดินไปกลับบ้านและโรงเรียน ฟุตบาทหรือทางเท้าในเมืองไทย มีไว้ขายของ มีไว้ให้รถมอเตอรไซคขับ ไม่ได้มีไว้ให้คนเดิน

ปัญหาอุบัติเหตุทางถนนเป็นปัญหาสําคัญที่ทุกประเทศ กําลังเผชิญอยู่และแนวโน้มมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บสูงขึ้น องค์การอนามัยโลกระบุวา ทุกปีมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนประมาณ 1.3 ล้านคน และในแต่ละปีอุบัติเหตุทางถนนได้คร่าชีวิตเด็กไปไม่ต่ำกวา 133,000 คน จากสภาพปัญหาดังกล่าว องค์การสหประชาชาติได้เรียกร้องให้ทุกประเทศให้ความสําคัญกับเรื่องความปลอดภัยทางถนนตามกรอบปฏิญญามอสโก จนนําไปสู่การ ประกาศให้ปี ค.ศ.2011-2020 (พ.ศ.2554-2563) เป็นทศวรรษแห่งการปฏิบัติการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (Decade of Action for Road Safety) โดยมีเป้าหมายลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนของทั้งโลกถึงร้อยละ 50 ในปี ค.ศ.2020 (พ.ศ.2563) ซึ่งในปี พ.ศ.2556 (ค.ศ.2013) องค์การสหประชาชาติได้ประกาศนโยบายเชิญชวนแต่ละประเทศจัดกิจกรรมรณรงค์ความ ปลอดภัยทางถนน ระหว่างวันที่ 6-12 พฤษภาคม 2556 ซึ่งปีนี้ได้เน้นไปที่ “ความปลอดภัยผู้เดินเท้า”สถานการณ์ปัญหาอุบัติเหตุจราจรในประเทศไทย พบเด็กเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรใน 12 ปีที่ผานมา (2543-2554) จํานวน 7,836 คน เฉพาะในปี 2554 มีจํานวนรวมทั้งประเทศเท่ากับ 614 ราย กลุ่มเด็กเดินเท้าจัดเป็นกลุมเสี่ยงสูงจากการถูกรถชนขณะเดินไปกลับบ็านและโรงเรียน พบการตาย 15.71% (ประมาณการ 96 ราย) ในขณะที่อัตราการบาดเจ็บ 11.21% (ประมาณการ 2063 ราย) บนเส้นทางที่เด็กต้องเดินไปโรงเรียนหรือไป ตามที่ต่างๆ พบวามีความเสี่ยง เช่น สภาพถนน ทางเท้า และเครื่องอํานวยความปลอดภัยสําหรับผู้เดินเท้า ไม่เอื้ออํานวยให้เด็กเดินและข้ามถนนอยางปลอดภัย, มีบุคคลเสี่ยง เช่น ขี้เหล้า เมายา จี้ ปล้น และสุนัขจรจัดในระหว้างทางที่เด็กเดินและความเสี่ยงด้านพฤติกรรม เช่น ผู้ใหญ่มักประเมินความสามารถของเด็กสูงเกินไป เด็กอายุต่ำกวา 10 ปี ยังขาดความชํานาญและความสามารถในการใช้รถใช้ถนนอยางปลอดภัย, เด็กๆ อาจจะทําอะไรที่เราคาดไม่ถึง เช่น อยู่ๆ ก็วิ่งออกมาบนถนน วิ่งออกมาจากด้านหลังรถที่จอดอยู่ข้างทาง ฯลฯ การกระตุ้นครั้งนี้หวังว่า ภาครัฐที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ กทม. จะตื่นตัวและพร้อมขับเคลื่อนสร้างความปลอดภัยทางถนนและทางเท้าที่ปลอดภัย เพื่อลดปัญหาความสูญเสียแก่เด็กคนชราและผู้พิการ.

นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ รักษาการอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะฝ่ายเลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน กล่าวว่า ได้ร่วมกับเครือข่ายความปลอดภัยทางถนนทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน องค์กร และมูลนิธิด้านความปลอดภัยทางถนนกว่า 60 หน่วยงาน อาทิ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ สมาคมผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ไทย มูลนิธิเมาไม่ขับ สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ ฯลฯ ได้รวมพลังเครือข่ายขับเคลื่อนการสวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์" เพื่อลดปัญหาความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนมาตลอด ทั้งการประกาศให้ความปลอดภัยทางถนนเป็นวาระแห่งชาติ และการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกับองค์การสหประชาชาติ กำหนดให้ปี 2554-2563 มีอัตราการตายไม่เกิน 10 คนต่อประชากร 1 แสนคน อีกทั้งการสวมหมวกนิรภัยพบว่าสามารถลดการบาดเจ็บและเสียชีวิตได้ถึง 57%

นาย วิบูลย์กล่าวต่อว่า ปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนปีละ 11,048 คน ในจำนวนนี้ 70-80% หรือประมาณ 7,730-8,830 ราย เกิดจากการขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ และเฉลี่ยแล้วจะมีสถิติผู้เสียชีวิตประมาณชั่วโมงละ 1 คน นอกจากนี้ ยังมีผู้บาดเจ็บที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลปีละกว่า 1 แสนคน ในจำนวนผู้บาดเจ็บมีประมาณ 6% ที่กลายเป็นผู้พิการ หรือประมาณ 3,000-5,000 คนต่อปี

ขอบคุณ http://www.thaipost.net/x-cite-kidz/010613/74345

ที่มา: ไทยโพสต์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 1 มิ.ย.56
วันที่โพสต์: 1/06/2556 เวลา 03:11:13

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

ทุกคนสมควรไดเดินบนเสนทางที่ปลอดภัย และไมมีใครที่อยากเห็นการเจ็บ พิการ และตายจากการถูกรถชน ขณะที่ภาครัฐก็ไม่ได้ให้ความความปลอดภัยแก่ผูเดินเทาเท่าที่ควร โดยเฉพาะกลุมเด็กผูพิการ คนชรา อย่างเช่นหน่วยงานอย่าง กทม. เมื่อมีการชิงชัยของผู้ว่าฯ กทม.ทุกครั้ง ก็จะมีนโยบายกับเรื่องนี้ แต่อยากทราบว่าเมื่อได้รับตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.ไปแล้วจะมีการทำตามคำพูดหรือไม่ ง่ายๆ แค่การจัดการทางเท้าให้เพียงพอและปลอดภัย Safe Kids Thailand ศูนยวิจัยเพื่อสรางเสริมความปลอดภัยและปองกันการบาดเจ็บในเด็ก คณะแพทยศาสตร รพ.รามาธิบดี รวมกับศูนย์อํานวยการความปลอดภัยทางถนน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และเครือขายความปลอดภัยทางถนนและสื่อมวลชน โดยการสนับสนุนจากองค์การสหประชาชาติ และ FedEx จัดกิจกรรม “2554-2563 ทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน ขอเสนอทางเดินปลอดภัยให้เด็กๆ” เมื่อไม่นานมานี้ ณ สวนสราญรมย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ เพื่อรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนของสังคม ให้ตระหนักและเห็นความสําคัญของความปลอดภัยในการเดินเท้าของเด็กๆ สอดรับกับนโยบายของ Decade of Action for Road Safety 2010-2020 และกระตุ้นให้ภาครัฐที่รับผิดชอบนโยบายความปลอดภัยทางถนนของประเทศไทย เกิดการขับเคลื่อนความปลอดภัยทางถนน เน้นกลุมเดินเท้าที่เป็นเด็ก รวมถึงผูพิการและคนชรา เด็กทุกคนสมควรได้เดินบนเส้นทางที่ปลอดภัย ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากเห็นลูกตัวเองตายจากการถูกรถชน ไม่มีผู้ใหญ่คนไหนอยากเห็นเด็กๆ ตายจากการถูกรถทับ แต่จะมี “ผู้ใหญสักกี่คนที่ช่วยหยุดความสูญเสียอันใหญ่หลวงนี้” ในแตละปี อุบัติเหตุทางถนนได้คร่าชีวิตเด็กไปไมต่ำกวา 133,000 คน ในทุก 3 นาที จะมีเด็ก 1 คนตายจากอุบัติเหตุทางถนน กลุ่มเด็กเดินเท้า เป็นกลุมเสี่ยงสูงจากการถูกรถชนขณะเดินไปกลับบ้านและโรงเรียน ฟุตบาทหรือทางเท้าในเมืองไทย มีไว้ขายของ มีไว้ให้รถมอเตอรไซคขับ ไม่ได้มีไว้ให้คนเดิน ปัญหาอุบัติเหตุทางถนนเป็นปัญหาสําคัญที่ทุกประเทศ กําลังเผชิญอยู่และแนวโน้มมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บสูงขึ้น องค์การอนามัยโลกระบุวา ทุกปีมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนประมาณ 1.3 ล้านคน และในแต่ละปีอุบัติเหตุทางถนนได้คร่าชีวิตเด็กไปไม่ต่ำกวา 133,000 คน จากสภาพปัญหาดังกล่าว องค์การสหประชาชาติได้เรียกร้องให้ทุกประเทศให้ความสําคัญกับเรื่องความปลอดภัยทางถนนตามกรอบปฏิญญามอสโก จนนําไปสู่การ ประกาศให้ปี ค.ศ.2011-2020 (พ.ศ.2554-2563) เป็นทศวรรษแห่งการปฏิบัติการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (Decade of Action for Road Safety) โดยมีเป้าหมายลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนของทั้งโลกถึงร้อยละ 50 ในปี ค.ศ.2020 (พ.ศ.2563) ซึ่งในปี พ.ศ.2556 (ค.ศ.2013) องค์การสหประชาชาติได้ประกาศนโยบายเชิญชวนแต่ละประเทศจัดกิจกรรมรณรงค์ความ ปลอดภัยทางถนน ระหว่างวันที่ 6-12 พฤษภาคม 2556 ซึ่งปีนี้ได้เน้นไปที่ “ความปลอดภัยผู้เดินเท้า”สถานการณ์ปัญหาอุบัติเหตุจราจรในประเทศไทย พบเด็กเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรใน 12 ปีที่ผานมา (2543-2554) จํานวน 7,836 คน เฉพาะในปี 2554 มีจํานวนรวมทั้งประเทศเท่ากับ 614 ราย กลุ่มเด็กเดินเท้าจัดเป็นกลุมเสี่ยงสูงจากการถูกรถชนขณะเดินไปกลับบ็านและโรงเรียน พบการตาย 15.71% (ประมาณการ 96 ราย) ในขณะที่อัตราการบาดเจ็บ 11.21% (ประมาณการ 2063 ราย) บนเส้นทางที่เด็กต้องเดินไปโรงเรียนหรือไป ตามที่ต่างๆ พบวามีความเสี่ยง เช่น สภาพถนน ทางเท้า และเครื่องอํานวยความปลอดภัยสําหรับผู้เดินเท้า ไม่เอื้ออํานวยให้เด็กเดินและข้ามถนนอยางปลอดภัย, มีบุคคลเสี่ยง เช่น ขี้เหล้า เมายา จี้ ปล้น และสุนัขจรจัดในระหว้างทางที่เด็กเดินและความเสี่ยงด้านพฤติกรรม เช่น ผู้ใหญ่มักประเมินความสามารถของเด็กสูงเกินไป เด็กอายุต่ำกวา 10 ปี ยังขาดความชํานาญและความสามารถในการใช้รถใช้ถนนอยางปลอดภัย, เด็กๆ อาจจะทําอะไรที่เราคาดไม่ถึง เช่น อยู่ๆ ก็วิ่งออกมาบนถนน วิ่งออกมาจากด้านหลังรถที่จอดอยู่ข้างทาง ฯลฯ การกระตุ้นครั้งนี้หวังว่า ภาครัฐที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ กทม. จะตื่นตัวและพร้อมขับเคลื่อนสร้างความปลอดภัยทางถนนและทางเท้าที่ปลอดภัย เพื่อลดปัญหาความสูญเสียแก่เด็กคนชราและผู้พิการ. นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ รักษาการอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะฝ่ายเลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน กล่าวว่า ได้ร่วมกับเครือข่ายความปลอดภัยทางถนนทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน องค์กร และมูลนิธิด้านความปลอดภัยทางถนนกว่า 60 หน่วยงาน อาทิ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ สมาคมผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ไทย มูลนิธิเมาไม่ขับ สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ ฯลฯ ได้รวมพลังเครือข่ายขับเคลื่อนการสวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์" เพื่อลดปัญหาความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนมาตลอด ทั้งการประกาศให้ความปลอดภัยทางถนนเป็นวาระแห่งชาติ และการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกับองค์การสหประชาชาติ กำหนดให้ปี 2554-2563 มีอัตราการตายไม่เกิน 10 คนต่อประชากร 1 แสนคน อีกทั้งการสวมหมวกนิรภัยพบว่าสามารถลดการบาดเจ็บและเสียชีวิตได้ถึง 57% นาย วิบูลย์กล่าวต่อว่า ปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนปีละ 11,048 คน ในจำนวนนี้ 70-80% หรือประมาณ 7,730-8,830 ราย เกิดจากการขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ และเฉลี่ยแล้วจะมีสถิติผู้เสียชีวิตประมาณชั่วโมงละ 1 คน นอกจากนี้ ยังมีผู้บาดเจ็บที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลปีละกว่า 1 แสนคน ในจำนวนผู้บาดเจ็บมีประมาณ 6% ที่กลายเป็นผู้พิการ หรือประมาณ 3,000-5,000 คนต่อปี ขอบคุณ… http://www.thaipost.net/x-cite-kidz/010613/74345

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...