ปิดเทอมพักสมองหยุดความเครียด เสริมศักยภาพทำกิจกรรมสร้างสรรค์

แสดงความคิดเห็น

เรียนหนักมาทั้งปี ได้เวลาปล่อยความเป็นอิสระและความเครียดกันแล้ว ซึ่งในช่วงปิดเทอม เด็กและเยาวชนจะได้โอกาสพักสมองและหาเวลาว่างทำกิจกรรมให้เกิดประโยชน์ใน ช่วง 2-3 เดือนนี้ เพื่อเสริมศักยภาพทางด้านร่างกาย จิตใจ และการเข้าหาสังคม ซึ่งไม่สามารถหาได้จากห้องเรียน ดังนั้นในสัปดาห์นี้จึงได้รับนำแนะนำจากกูรูด้านเด็กและเยาวชนมาแนะนำแนวทาง การทำกิจกรรมสร้างสรรค์

นายสง่า ดามาพงษ์ ผู้จัดการโครงการโภชนาการสมวัย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. กล่าวว่า ในช่วงปิดเทอมอย่างนี้ อยากฝากไปถึงพ่อแม่อย่าให้ลูกไปเรียนพิเศษอีก เพราะพวกเขาเรียนมาหนักตลอดทั้งปีแล้ว และหากยังให้เรียนอีกจะทำให้ลูกเกิดความเครียดและไม่ไหว และนำมาซึ่งปัญหาอื่นๆ ตามมา ดังนั้นในช่วงเวลานี้ควรหากิจกรรมดีๆ ให้พวกเขาทำ เพื่อพัฒนาการด้านจิตใจ ความประเทืองปัญญา และสร้างสังคมให้กับพวกเขา

นายสง่ากล่าวต่อว่า กิจกรรมที่ควรไปทำช่วงปิดเทอมที่สุดคือ หาเวลาพาลูกหลานไปเรียนว่ายน้ำเพื่อป้องกันเหตุการณ์เสียชีวิตจากการจมน้ำตาย ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เด็กเสียชีวิตมากที่สุด เพราะพวกเขามักจะแอบไปเล่นน้ำตามห้วย หนอง คลอง บึง หรือแม่น้ำ ทั้งไปกับเพื่อนหรือไปตามลำพัง โดยไม่มีผู้ใหญ่ควบคุม ก็จะเกิดอันตรายได้ อีกทั้งต้องการเตือนผู้ปกครองในกรณีลูกหลานเล็กๆ แอบเป็นเล่นน้ำในโอ่งในบ้าน ที่คิดว่าไม่มีอะไร แต่แท้จริงแล้วอาจเกิดอันตรายแก่พวกเขา จึงต้องป้องกันและอย่าประมาทปล่อยให้เขาเล่นน้ำโดยไม่ควบคุมดูแล

ผู้จัดการโครงการโภชนาการสมวัยกล่าวต่อว่า หากเด็กไม่ทำอะไรเลยในช่วงปิดเทอมจะส่งผลต่อความอ้วน เพราะจะกินอย่างเดียว โดยเฉพาะในรายที่พ่อแม่ไม่มีเวลาให้ลูกก็จะกินๆๆๆ เพราะไม่มีอะไรทำนอกจากดูทีวีและเล่นเกม ผู้ปกครองจึงจำเป็นต้องจัดอาหารช่วงปิดเทอม โดยเตรียมอาหารพร้อมรับประทานทันที อาทิ ผลไม้ปอกเปลือกแล้ว หรือขนมที่ทำจากถั่วเมล็ดแห้งให้พวกเขา รวมทั้งน้ำหวาน น้ำอัดลม ขนมกรุบกรอบ จะต้องกวาดทิ้งออกจากบ้าน หรือหากในรายที่ต้องกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มีแต่แป้งจำนวนมาก หากจะรับประทานจริงๆ จะต้องต้มให้เดือดและใส่ผัก ใส่ไข่เข้าไปด้วย เพื่อเสริมคุณค่าทางอาหาร นอกจากนี้ ในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งพ่อแม่และผู้ปกครองที่ตัวเองไม่ต้องทำงาน ก็ควรพาลูกหลานไปทำกิจกรรม หรือไปออกกำลังกายร่วมกันนอกบ้าน

นายสุริยเดว ทรีปาตี ผอ.สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว กล่าวว่า หากเด็กนั่งเล่นเกมอยู่กับบ้านโดยไม่ไปทำอะไร จะทำให้พวกเขามีน้ำหนักเพิ่ม 4 กิโลกรัม ทำให้สมาธิและสายตาสั้นเอียง และสิ่งสำคัญสุดอาจพลาดโอกาสการเรียนรู้ธรรมชาติ ความคิดนอกกรอบ และความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งล้วนแล้วแต่แรงบันดาลใจ และขับเคลื่อนความรู้สดใสอยากเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เมื่อเปิดเทอมมาถึง

นายสุริยเดวกล่าวว่า เด็กและเยาวชนสามารถหากิจกรรมทำ อาทิ เล่นกีฬา เรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น หรือติดตามกิจกรรมสร้างสรรค์ตามชมรมและมูลนิธิเอ็นจีโอต่างๆ ที่จัดขึ้น

หลังจากฟังความเห็นจากกูรูดังกล่าวแล้วยังไม่รู้จะทำอะไร ลองเลือกกิจกรรมที่เรานำเสนอดังนี้ คือเล่นกีฬาแอดเวนเจอร์ ซึ่งจะได้ออกไปโลดโผนโจนทะยานให้ตัวเกรียมสะใจกันไปเลย เช่น ปีนผาที่ไร่เลย์ จังหวัดกระบี่ เล่นไคต์บอร์ดที่หัวหิน เรียนวินด์เซิร์ฟ เรียนขี่ม้ากับชมรมทหารม้ารักษาพระองค์ ถนนพหลโยธิน หรือจะไปอ่านหนังสือให้คนตาบอดที่โรงเรียนสอนคนตาบอด ถนนราชวิถี กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0-2354-8365-8 เลี้ยงอาหารกลางวันเด็กๆ ที่มูลนิธิเด็กอ่อนในสลัมฯ โทรศัพท์ 0-2249-4589 มูลนิธิดวงประทีป คลองเตย โทรศัพท์ 0-2671-4045-8 บ้านครูน้อย ซอยราษฎร์บูรณะ 26 โทรศัพท์ 0-2871-3083

ปิดท้ายด้วยการให้กำลังใจคนชรา เพราะยิ่งใกล้วันสงกรานต์ คุณตาคุณยายมักจะใจจดใจจ่อชะเง้อรอลูกๆ หลานๆ ไปเยี่ยมให้คลายเหงา ที่บ้านบางแค 1 ถนนเพชรเกษม โทรศัพท์ 0-2455-1592, 0-2413-1141 หรือบ้านบางแค 2 ซอยคลองหนองใหญ่ ถนนเพชรเกษม โทรศัพท์ 0-2455-6120-1 รับรองทำได้ตามนี้ นอกจากเด็กและเยาวชนจะได้ทำกิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อเสริมพัฒนาการให้แก่ตัว เองแล้ว ยังสร้างประโยชน์แก่ส่วนรวมด้วย

ขอบคุณ http://www.thaipost.net/x-cite-kidz/060413/71871 (ขนาดไฟล์: 167)

ที่มา: ไทยโพสต์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 6 เม.ย. 56
วันที่โพสต์: 6/04/2556 เวลา 03:34:13

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

เรียนหนักมาทั้งปี ได้เวลาปล่อยความเป็นอิสระและความเครียดกันแล้ว ซึ่งในช่วงปิดเทอม เด็กและเยาวชนจะได้โอกาสพักสมองและหาเวลาว่างทำกิจกรรมให้เกิดประโยชน์ใน ช่วง 2-3 เดือนนี้ เพื่อเสริมศักยภาพทางด้านร่างกาย จิตใจ และการเข้าหาสังคม ซึ่งไม่สามารถหาได้จากห้องเรียน ดังนั้นในสัปดาห์นี้จึงได้รับนำแนะนำจากกูรูด้านเด็กและเยาวชนมาแนะนำแนวทาง การทำกิจกรรมสร้างสรรค์ นายสง่า ดามาพงษ์ ผู้จัดการโครงการโภชนาการสมวัย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. กล่าวว่า ในช่วงปิดเทอมอย่างนี้ อยากฝากไปถึงพ่อแม่อย่าให้ลูกไปเรียนพิเศษอีก เพราะพวกเขาเรียนมาหนักตลอดทั้งปีแล้ว และหากยังให้เรียนอีกจะทำให้ลูกเกิดความเครียดและไม่ไหว และนำมาซึ่งปัญหาอื่นๆ ตามมา ดังนั้นในช่วงเวลานี้ควรหากิจกรรมดีๆ ให้พวกเขาทำ เพื่อพัฒนาการด้านจิตใจ ความประเทืองปัญญา และสร้างสังคมให้กับพวกเขา นายสง่ากล่าวต่อว่า กิจกรรมที่ควรไปทำช่วงปิดเทอมที่สุดคือ หาเวลาพาลูกหลานไปเรียนว่ายน้ำเพื่อป้องกันเหตุการณ์เสียชีวิตจากการจมน้ำตาย ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เด็กเสียชีวิตมากที่สุด เพราะพวกเขามักจะแอบไปเล่นน้ำตามห้วย หนอง คลอง บึง หรือแม่น้ำ ทั้งไปกับเพื่อนหรือไปตามลำพัง โดยไม่มีผู้ใหญ่ควบคุม ก็จะเกิดอันตรายได้ อีกทั้งต้องการเตือนผู้ปกครองในกรณีลูกหลานเล็กๆ แอบเป็นเล่นน้ำในโอ่งในบ้าน ที่คิดว่าไม่มีอะไร แต่แท้จริงแล้วอาจเกิดอันตรายแก่พวกเขา จึงต้องป้องกันและอย่าประมาทปล่อยให้เขาเล่นน้ำโดยไม่ควบคุมดูแล ผู้จัดการโครงการโภชนาการสมวัยกล่าวต่อว่า หากเด็กไม่ทำอะไรเลยในช่วงปิดเทอมจะส่งผลต่อความอ้วน เพราะจะกินอย่างเดียว โดยเฉพาะในรายที่พ่อแม่ไม่มีเวลาให้ลูกก็จะกินๆๆๆ เพราะไม่มีอะไรทำนอกจากดูทีวีและเล่นเกม ผู้ปกครองจึงจำเป็นต้องจัดอาหารช่วงปิดเทอม โดยเตรียมอาหารพร้อมรับประทานทันที อาทิ ผลไม้ปอกเปลือกแล้ว หรือขนมที่ทำจากถั่วเมล็ดแห้งให้พวกเขา รวมทั้งน้ำหวาน น้ำอัดลม ขนมกรุบกรอบ จะต้องกวาดทิ้งออกจากบ้าน หรือหากในรายที่ต้องกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มีแต่แป้งจำนวนมาก หากจะรับประทานจริงๆ จะต้องต้มให้เดือดและใส่ผัก ใส่ไข่เข้าไปด้วย เพื่อเสริมคุณค่าทางอาหาร นอกจากนี้ ในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งพ่อแม่และผู้ปกครองที่ตัวเองไม่ต้องทำงาน ก็ควรพาลูกหลานไปทำกิจกรรม หรือไปออกกำลังกายร่วมกันนอกบ้าน นายสุริยเดว ทรีปาตี ผอ.สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว กล่าวว่า หากเด็กนั่งเล่นเกมอยู่กับบ้านโดยไม่ไปทำอะไร จะทำให้พวกเขามีน้ำหนักเพิ่ม 4 กิโลกรัม ทำให้สมาธิและสายตาสั้นเอียง และสิ่งสำคัญสุดอาจพลาดโอกาสการเรียนรู้ธรรมชาติ ความคิดนอกกรอบ และความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งล้วนแล้วแต่แรงบันดาลใจ และขับเคลื่อนความรู้สดใสอยากเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เมื่อเปิดเทอมมาถึง นายสุริยเดวกล่าวว่า เด็กและเยาวชนสามารถหากิจกรรมทำ อาทิ เล่นกีฬา เรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น หรือติดตามกิจกรรมสร้างสรรค์ตามชมรมและมูลนิธิเอ็นจีโอต่างๆ ที่จัดขึ้น หลังจากฟังความเห็นจากกูรูดังกล่าวแล้วยังไม่รู้จะทำอะไร ลองเลือกกิจกรรมที่เรานำเสนอดังนี้ คือเล่นกีฬาแอดเวนเจอร์ ซึ่งจะได้ออกไปโลดโผนโจนทะยานให้ตัวเกรียมสะใจกันไปเลย เช่น ปีนผาที่ไร่เลย์ จังหวัดกระบี่ เล่นไคต์บอร์ดที่หัวหิน เรียนวินด์เซิร์ฟ เรียนขี่ม้ากับชมรมทหารม้ารักษาพระองค์ ถนนพหลโยธิน หรือจะไปอ่านหนังสือให้คนตาบอดที่โรงเรียนสอนคนตาบอด ถนนราชวิถี กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0-2354-8365-8 เลี้ยงอาหารกลางวันเด็กๆ ที่มูลนิธิเด็กอ่อนในสลัมฯ โทรศัพท์ 0-2249-4589 มูลนิธิดวงประทีป คลองเตย โทรศัพท์ 0-2671-4045-8 บ้านครูน้อย ซอยราษฎร์บูรณะ 26 โทรศัพท์ 0-2871-3083 ปิดท้ายด้วยการให้กำลังใจคนชรา เพราะยิ่งใกล้วันสงกรานต์ คุณตาคุณยายมักจะใจจดใจจ่อชะเง้อรอลูกๆ หลานๆ ไปเยี่ยมให้คลายเหงา ที่บ้านบางแค 1 ถนนเพชรเกษม โทรศัพท์ 0-2455-1592, 0-2413-1141 หรือบ้านบางแค 2 ซอยคลองหนองใหญ่ ถนนเพชรเกษม โทรศัพท์ 0-2455-6120-1 รับรองทำได้ตามนี้ นอกจากเด็กและเยาวชนจะได้ทำกิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อเสริมพัฒนาการให้แก่ตัว เองแล้ว ยังสร้างประโยชน์แก่ส่วนรวมด้วย ขอบคุณ… http://www.thaipost.net/x-cite-kidz/060413/71871

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...