รายละเอียดกระทู้

ขณะที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเคยประกาศตั้งแต่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2549 ว่าธงนำในการเคลื่อนไหว คือ ธรรมะ มี "เทียน" แห่งธรรม "นำทาง" นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกลุ่ม กปปส และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกปปส.ของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อันเป็นองค์กรจัดตั้ง 1 ของพรรคประชาธิปัตย์ประกาศอย่างเด่นชัดว่า เป็นม็อบ "ผู้ดี" เป็นม็อบ "คนดี" ตามหลักการอันปรมาจารย์ในทางการต่อสู้ การเคลื่อนไหว เมื่อยึด "ธรรม" เมื่อเป็น "คนดี" ก็ย่อมจะได้รับการหนุนช่วยอย่างอบอุ่นและคึกคัก ตามหลักการ "มีธรรมะ คนช่วยมาก" เป็นความจริงที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อปี 2549 ได้รับการหนุนช่วยจากมวลชนอย่างอบอุ่นและคึกคักทะยานจาก "เรือนหมื่น" เป็น "เรือนแสน" กระทั่ง "คปค." มีความมั่นใจในการก่อ "รัฐประหาร" เป็นความจริงที่การชุมนุมเคลื่อนไหวของ กปปส.โดยการหนุนช่วยจากพรรคประชาธิปัตย์ มีมวลชนแวดล้อมอย่างอบอุ่นและคึกคักจาก "เรือนหมื่น" เป็น "เรือนแสน" กระนั้น ก็ยังไม่ก่อ "ผล" ให้เกิดการ "พลิกเปลี่ยน" ใดๆ อาจเป็นเพราะ กปปส.เพิ่งเริ่มต้นเคลื่อนไหวอย่างจริงจังในปลายเดือนตุลาคม 2556 หากนับมาถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ก็เป็นเวลาเพียง 4 เดือน ในขณะที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเคลื่อนไหวจากเดือนกุมภาพันธ์ เมื่อถึงเดือนกันยายน 2549 ก็เรียบร้อย กินเวลาร่วม 8 เดือน กล่าวสำหรับ กปปส.แม้จะยังไม่ก่อผลให้เกิดการ "พลิกเปลี่ยน" อย่างชนิดโค่นหรือคว่ำรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้อย่างแท้จริง แต่ก็สร้าง "ปัญหา" ก่อ "ความยากลำบาก" ให้เป็นอย่างมาก รูปธรรม 1 ก็คือ การตัดสินใจยุบสภาเพื่อมอบโอนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจ รูปธรรม 1 ก็คือ แม้กำหนดวันเลือกตั้งอันเป็นการตัดสินใจโดย "เสรี" ของประชาชนก็มิอาจทำได้โดยราบรื่น เพราะ กกต.เอนเอียงไปทาง กปปส.เพราะ การสกัดขัดขวางอย่างเต็มเรี่ยวแรงทั้งโดย กปปส.และโดยพรรคประชาธิปัตย์ และบางฝ่ายก็ถึงขั้นเอากองกำลังติดอาวุธเอาปืน ออกมายิงก่อนวันเลือกตั้ง 1 วัน บังเอิญเป็นกองกำลังที่มาพร้อมกับมวลชน กปปส.จากแยกลาดพร้าว เป็นการสร้าง "อุปสรรค" สร้างความยากลำบาก แต่มิอาจ "โค่น" ลงได้ ขณะเดียวกัน ลักษณะที่ "เหมือน" กันเป็นอย่างมากระหว่างการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกับกปปส.ก็คือ ยิ่ง "เคลื่อนไหว" มวลชนยิ่ง "ถอยห่าง" การเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในปี 2549 อาจมีคนเข้าร่วม "เรือนแสน" ขณะที่ในปี 2551 อาจมี "เรือนหมื่น" แต่พอเข้าสู่ปี 2552 และ 2553 กลับมีเพียง "เรือนพัน" การเคลื่อนไหวของ กปปส.ในเดือนธันวาคมอาจมี "เรือนแสน" และในเดือนมกราคมทะยานไปสู่หลัก "หลายแสน" แต่ที่เห็นและเป็นอยู่ในเดือนกุมภาพันธ์กลับถอยมาอยู่ "เรือนหมื่น" มีความพยายามยกระดับด้วยมาตรการ "ชัตดาวน์" หรืออาศัยเงื่อนไข "วันแห่งความรัก" มาเรียกร้องมวลชน แต่ก็ไม่สามารถหวนคืนไปสู่ "หลักแสน" ได้อีก เช่นเดียวกับ เวทีซึ่งเคยมีอยู่ 4 มุมเมืองก็เริ่มถอยร่นไปกระจุกตัวอยู่ในเขต "ดาวน์ทาวน์" กล่าวสำหรับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยากยิ่งที่จะรื้อ "อดีต" ให้คืนกลับมาเช่นเดียวกับ กปปส.ที่กำลังก้าวไปในเส้นทางเดียวกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สวนทางกับสัจจะแห่ง "มีธรรมะ คนช่วยมาก" อย่างสิ้นเชิง ถามว่าเหตุผลอันใดที่ต้องเนรมิตบทบาทและความหมายของ กปปส. และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ คำตอบ 1 เพราะพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหมดบทบาท คำตอบ 1 จึงต้องอาศัยพรรคประชาธิปัตย์อันเป็นรากฐานทางการเมืองเก่าแก่ที่มีอยู่ใน มือเพื่อเสกเป่าพลังทางการเมือง เรื่องเศร้าตรงที่ "กปปส." กำลังเดินตามรอย "พันธมิตร" ขอบคุณ... http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1392711731&grpid=01&catid=&subcatid= ( มติชนออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 18 ก.พ.57 )