"เธียเตอร์สายรุ้ง" ละครเวทีโชว์พลังเด็กพิเศษ
เพราะว่าคำพูดสามารถทำร้ายคนได้ และคำว่า "ปัญญาอ่อน" เป็นคำที่ดูหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สมควรเลิกใช้ โครงการศิลปะการสร้างสายรุ้ง : ละครเวที "เธียเตอร์สายรุ้ง" จึงเกิดขึ้น เป็นการแสดงแนวทดลองของศิลปินในหลายๆ แขนง ร่วมกับเด็กๆ ที่มีความต้องการพิเศษ เด็กทั่วไป และผู้ใหญ่ซึ่งเป็นอาสาสมัคร เนื้อหาหลักรณรงค์ให้เลิกใช้คำพูดกระทบใจเด็กๆ โดยเฉพาะคำว่าปัญญาอ่อน ละครเวที "เธียเตอร์สายรุ้ง" ได้แรงบันดาลใจจากเด็ก การเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติและถูกสร้างสรรค์เพื่อให้พวกเขาสามารถใช้ศักยภาพของตนได้สูงสุด
ละครเวที "เธียเตอร์สายรุ้ง" จะจัดแสดงฉลองวันดาวน์ซินโดรมโลกในวันเสาร์ที่ 22 และอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ.2557 เวลา 16.00 น. ที่มิวเซียมสยาม และกระบวนการทำงานทั้งหมดในโครงการจะถูกบันทึกเพื่อผลิตเป็นสารคดีชุด "เธียเตอร์สายรุ้ง" ฉายรอบปฐมทัศน์ในเทศกาลหนังออทิสซึมของชมรมเมืองไทยเข้าใจออทิสซึม ในวันเสาร์ที่ 26 เมษายนนี้ ที่พารากอนซีนีเพล็กซ์ เนื่องในโอกาสเดือนออทิสซึมโลก กิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการศิลปะการสร้างสายรุ้ง ครั้งที่ 2 ของมูลนิธิเดอะ เรนโบว์ รูม ภายใต้การพัฒนาโดยอาร์ต คอนเน็กชั่น ด้วยความร่วมมือของสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติและชมรมเมืองไทยเข้าใจออทิสซึม
โรสซาลีนา อเล็กซานเดอร์ ประธานมูลนิธิเดอะ เรนโบว์ รูม กล่าวว่า เด็กมีคุณค่าและความหมายเกินจะละเลย สังคมของเราเลือกที่จะจำกัดศักยภาพของเด็กบางคนที่เกิดมาด้วยคำว่าปัญญาอ่อน และด้วยคำคำเดียวกันนี้ที่ใช้วินิจฉัยภาวะของเด็ก เราก็ใช้ตำหนิบุคคลที่เราอยากให้รู้สึกด้อยหรือต่ำต้อยในด้านความคิดและการกระทำเป็นคำที่ผู้ใช้จะพูดเมื่อต้องการทำร้ายความรู้สึกผู้อื่นให้เจ็บปวด
"คำพูดเล็กๆ น้อยๆสามารถทำร้ายจิตใจกันได้ และพ่อแม่ต้องรับผลคำพูดนี้ก่อนลูก เด็กบางคนเกิดมาด้วยโครงสร้างของร่างกายที่แตกต่าง การเชื่อมโยงของสมอง หรือการเรียนรู้ที่แตกต่าง หากมีคำพูดที่ส่งผลต่อทัศนคติเชิงลบมากระทบจิตใจ ไม่เฉพาะลูกเท่านั้น แต่ศักยภาพในการพัฒนาเด็กของพ่อแม่ก็จะลดถอยไปด้วย และที่สำคัญกำลังใจที่จะทุ่มเทพลังความรักอย่างสุดความสามารถเพื่อพัฒนา ศักยภาพของลูกๆ ให้ได้เต็มที่ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ของชีวิต กลับสูญเสียไปกับการไว้อาลัยความฝัน ฉะนั้น จำเป็นต้องสร้างความเข้าใจในเชิงบวกเกี่ยวกับความต้องการพิเศษทางด้านพัฒนา และพฤติกรรมให้กับครอบครัวและสังคม" ประธานมูลนิธิเดอะเรนโบว์รูมหวังว่าละครและสารคดีชุดนี้จะสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง
ศิลปินในโครงการมีทั้งด้านศิลปะการแสดงและดนตรี ชนะ เสวิกุล โปรดิวเซอร์ สายงานเพลง GMM Grammy ผู้ร่วมสร้างสรรค์การแสดง บอกว่า จากประสบการณ์ใช้ศิลปะและเพลงเพื่อพัฒนาการเด็กที่มีความต้องการพิเศษ คาดว่าจะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้น แต่บอกไม่ได้ว่าอะไร สิ่งที่เราทำคือการเตรียมความพร้อมเด็กๆให้มีสมาธิมีความกล้าที่เหลืออยู่บนเวทีตนเองมั่นใจน้องๆทำได้
"มีหลายคนชอบถามจะมีอะไรพิเศษในวันนั้น ผมตอบไม่มีอะไรพิเศษ มีแต่เรื่องธรรมดาที่เด็กๆ เขาทำกัน เพราะพวกเขาคือเด็กธรรมดา" ชนะกล่าว และยังบอกด้วยเขาเป็นออทิสซึม วัยเด็กชอบพูดคนเดียว แต่เติบโตเรียนจบใช้ชีวิตปกติเป็นโปรดิวเซอร์และนักเขียนได้
ด้าน สมชาย ลีลาลักษณ์สกุล หรือ ครูเบิ้ม กลุ่มละครเพื่อการเรียนรู้บางเพลย์ เผยว่า กลุ่มละครของเราทำงานกับเด็กและเยาวชนมาตลอด สำหรับโครงการละครเวทีนี้ศิลปินทำงานกับเด็กพิเศษและเด็กทั่วไป เราจะได้เห็นกระบวนการทางการละครช่วยในพัฒนาการของเด็ก เราเริ่มซ้อมละครแล้ว พบว่าเด็กทั้งสองกลุ่มทำงานร่วมกันได้ดี รู้จักหน้าที่ตนเอง สนุกสนาน และสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างสบาย "ไม่เน้นเด็กๆ ทำโชว์ให้ผู้ชมแต่เป็นกระบวนการที่มุ่งพัฒนาผู้เล่นละครมากกว่า"สมชายกล่าว
กายกรรมคือศิลปะอีกแขนงที่ชวนให้เด็กๆ ทำงานร่วมกับศิลปินเพื่อค้นหาศักยภาพตนเอง ราชนิกร แก้วดี ศิลปินแนวหน้าของไทย กล่าวว่า ตนเลือกทำงานกับน้องๆ ที่มีความบกพร่องทางด้านกล้ามเนื้อ จะสอนกายกรรม ซึ่งเน้นการออกกำลังกายเป็นหลักควบคู่กับการใช้อุปกรณ์ ใช้กล้ามเนื้อทั้งมัดเล็กและมัดใหญ่ แต่แท้จริงเริ่มจากใจที่อยากใช้กล้ามเนื้อก่อน
"ตอนฝึกซ้อมไม่รู้สึกว่าพวกเขาบกพร่อง น้องๆ ปีนป่ายขึ้นไปโดยอัตโนมัติ มีจังหวะที่เราปีนขึ้นสูงให้ดู เด็กๆ ดึงผ้าแสดงออกถึงความเป็นห่วงจนต้องลงมา ซึ่งพวกเขาเข้าสวมกอดทันที" ราชนิกร หรือ 'ครูเล้ง'ของเด็กเผยความรู้สึก
กระบวนการทำงานศิลปะทั้งหมดในโครงการ "เธียเตอร์สายรุ้ง" จะถูกบันทึกเป็นสารคดีเพื่อฉายในเทศกาลหนังออทิสซึมของไทย รณิษฐา จริตกุล ผู้กำกับภาพยนตร์ รับหน้าที่กำกับและผลิตหนังสารคดีชุดนี้ กล่าวว่า จากกระบวนการทำงานของศิลปินร่วมกับเด็กพิเศษ เด็กทั่วไป ทำให้ได้รู้ว่าเด็กๆ เป็นครูเรา ได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ และมีความเข้าใจตัวเองมากขึ้น โครโมโซมของเด็กพิเศษที่เกินมาดีที่สุดแล้ว สารคดีนี้จะเห็นถึงศักยภาพของเด็กๆ ผู้ชมจะถูกปลุกเร้าด้วยสารของการให้เกียรติ หลีกเลี่ยงการดูหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์.
ขอบคุณ... http://thaipost.net/x-cite/050314/86950 (ขนาดไฟล์: 167)
ไทยโพสต์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 5 มี.ค.57
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
เพราะว่าคำพูดสามารถทำร้ายคนได้ และคำว่า "ปัญญาอ่อน" เป็นคำที่ดูหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สมควรเลิกใช้ โครงการศิลปะการสร้างสายรุ้ง : ละครเวที "เธียเตอร์สายรุ้ง" จึงเกิดขึ้น เป็นการแสดงแนวทดลองของศิลปินในหลายๆ แขนง ร่วมกับเด็กๆ ที่มีความต้องการพิเศษ เด็กทั่วไป และผู้ใหญ่ซึ่งเป็นอาสาสมัคร เนื้อหาหลักรณรงค์ให้เลิกใช้คำพูดกระทบใจเด็กๆ โดยเฉพาะคำว่าปัญญาอ่อน ละครเวที "เธียเตอร์สายรุ้ง" ได้แรงบันดาลใจจากเด็ก การเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติและถูกสร้างสรรค์เพื่อให้พวกเขาสามารถใช้ศักยภาพของตนได้สูงสุด ละครเวที "เธียเตอร์สายรุ้ง" จะจัดแสดงฉลองวันดาวน์ซินโดรมโลกในวันเสาร์ที่ 22 และอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ.2557 เวลา 16.00 น. ที่มิวเซียมสยาม และกระบวนการทำงานทั้งหมดในโครงการจะถูกบันทึกเพื่อผลิตเป็นสารคดีชุด "เธียเตอร์สายรุ้ง" ฉายรอบปฐมทัศน์ในเทศกาลหนังออทิสซึมของชมรมเมืองไทยเข้าใจออทิสซึม ในวันเสาร์ที่ 26 เมษายนนี้ ที่พารากอนซีนีเพล็กซ์ เนื่องในโอกาสเดือนออทิสซึมโลก กิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการศิลปะการสร้างสายรุ้ง ครั้งที่ 2 ของมูลนิธิเดอะ เรนโบว์ รูม ภายใต้การพัฒนาโดยอาร์ต คอนเน็กชั่น ด้วยความร่วมมือของสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติและชมรมเมืองไทยเข้าใจออทิสซึม โรสซาลีนา อเล็กซานเดอร์ ประธานมูลนิธิเดอะ เรนโบว์ รูม กล่าวว่า เด็กมีคุณค่าและความหมายเกินจะละเลย สังคมของเราเลือกที่จะจำกัดศักยภาพของเด็กบางคนที่เกิดมาด้วยคำว่าปัญญาอ่อน และด้วยคำคำเดียวกันนี้ที่ใช้วินิจฉัยภาวะของเด็ก เราก็ใช้ตำหนิบุคคลที่เราอยากให้รู้สึกด้อยหรือต่ำต้อยในด้านความคิดและการกระทำเป็นคำที่ผู้ใช้จะพูดเมื่อต้องการทำร้ายความรู้สึกผู้อื่นให้เจ็บปวด "คำพูดเล็กๆ น้อยๆสามารถทำร้ายจิตใจกันได้ และพ่อแม่ต้องรับผลคำพูดนี้ก่อนลูก เด็กบางคนเกิดมาด้วยโครงสร้างของร่างกายที่แตกต่าง การเชื่อมโยงของสมอง หรือการเรียนรู้ที่แตกต่าง หากมีคำพูดที่ส่งผลต่อทัศนคติเชิงลบมากระทบจิตใจ ไม่เฉพาะลูกเท่านั้น แต่ศักยภาพในการพัฒนาเด็กของพ่อแม่ก็จะลดถอยไปด้วย และที่สำคัญกำลังใจที่จะทุ่มเทพลังความรักอย่างสุดความสามารถเพื่อพัฒนา ศักยภาพของลูกๆ ให้ได้เต็มที่ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ของชีวิต กลับสูญเสียไปกับการไว้อาลัยความฝัน ฉะนั้น จำเป็นต้องสร้างความเข้าใจในเชิงบวกเกี่ยวกับความต้องการพิเศษทางด้านพัฒนา และพฤติกรรมให้กับครอบครัวและสังคม" ประธานมูลนิธิเดอะเรนโบว์รูมหวังว่าละครและสารคดีชุดนี้จะสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ศิลปินในโครงการมีทั้งด้านศิลปะการแสดงและดนตรี ชนะ เสวิกุล โปรดิวเซอร์ สายงานเพลง GMM Grammy ผู้ร่วมสร้างสรรค์การแสดง บอกว่า จากประสบการณ์ใช้ศิลปะและเพลงเพื่อพัฒนาการเด็กที่มีความต้องการพิเศษ คาดว่าจะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้น แต่บอกไม่ได้ว่าอะไร สิ่งที่เราทำคือการเตรียมความพร้อมเด็กๆให้มีสมาธิมีความกล้าที่เหลืออยู่บนเวทีตนเองมั่นใจน้องๆทำได้ "มีหลายคนชอบถามจะมีอะไรพิเศษในวันนั้น ผมตอบไม่มีอะไรพิเศษ มีแต่เรื่องธรรมดาที่เด็กๆ เขาทำกัน เพราะพวกเขาคือเด็กธรรมดา" ชนะกล่าว และยังบอกด้วยเขาเป็นออทิสซึม วัยเด็กชอบพูดคนเดียว แต่เติบโตเรียนจบใช้ชีวิตปกติเป็นโปรดิวเซอร์และนักเขียนได้ ด้าน สมชาย ลีลาลักษณ์สกุล หรือ ครูเบิ้ม กลุ่มละครเพื่อการเรียนรู้บางเพลย์ เผยว่า กลุ่มละครของเราทำงานกับเด็กและเยาวชนมาตลอด สำหรับโครงการละครเวทีนี้ศิลปินทำงานกับเด็กพิเศษและเด็กทั่วไป เราจะได้เห็นกระบวนการทางการละครช่วยในพัฒนาการของเด็ก เราเริ่มซ้อมละครแล้ว พบว่าเด็กทั้งสองกลุ่มทำงานร่วมกันได้ดี รู้จักหน้าที่ตนเอง สนุกสนาน และสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างสบาย "ไม่เน้นเด็กๆ ทำโชว์ให้ผู้ชมแต่เป็นกระบวนการที่มุ่งพัฒนาผู้เล่นละครมากกว่า"สมชายกล่าว กายกรรมคือศิลปะอีกแขนงที่ชวนให้เด็กๆ ทำงานร่วมกับศิลปินเพื่อค้นหาศักยภาพตนเอง ราชนิกร แก้วดี ศิลปินแนวหน้าของไทย กล่าวว่า ตนเลือกทำงานกับน้องๆ ที่มีความบกพร่องทางด้านกล้ามเนื้อ จะสอนกายกรรม ซึ่งเน้นการออกกำลังกายเป็นหลักควบคู่กับการใช้อุปกรณ์ ใช้กล้ามเนื้อทั้งมัดเล็กและมัดใหญ่ แต่แท้จริงเริ่มจากใจที่อยากใช้กล้ามเนื้อก่อน "ตอนฝึกซ้อมไม่รู้สึกว่าพวกเขาบกพร่อง น้องๆ ปีนป่ายขึ้นไปโดยอัตโนมัติ มีจังหวะที่เราปีนขึ้นสูงให้ดู เด็กๆ ดึงผ้าแสดงออกถึงความเป็นห่วงจนต้องลงมา ซึ่งพวกเขาเข้าสวมกอดทันที" ราชนิกร หรือ 'ครูเล้ง'ของเด็กเผยความรู้สึก กระบวนการทำงานศิลปะทั้งหมดในโครงการ "เธียเตอร์สายรุ้ง" จะถูกบันทึกเป็นสารคดีเพื่อฉายในเทศกาลหนังออทิสซึมของไทย รณิษฐา จริตกุล ผู้กำกับภาพยนตร์ รับหน้าที่กำกับและผลิตหนังสารคดีชุดนี้ กล่าวว่า จากกระบวนการทำงานของศิลปินร่วมกับเด็กพิเศษ เด็กทั่วไป ทำให้ได้รู้ว่าเด็กๆ เป็นครูเรา ได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ และมีความเข้าใจตัวเองมากขึ้น โครโมโซมของเด็กพิเศษที่เกินมาดีที่สุดแล้ว สารคดีนี้จะเห็นถึงศักยภาพของเด็กๆ ผู้ชมจะถูกปลุกเร้าด้วยสารของการให้เกียรติ หลีกเลี่ยงการดูหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์. ขอบคุณ... http://thaipost.net/x-cite/050314/86950 ไทยโพสต์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 5 มี.ค.57
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)