คลังชี้เก็บเงินกองทุนดูตามเหมาะสม หลังผู้พิการยื่นฟ้องศาลปกครอง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้ การเรียกเก็บเงินกองทุนดูความเหมาะสมตามรายรับรายจ่าย ยัน การใช้กฎหมายทำให้การบริหารเงินมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีที่สมาคมสภาคนพิการ ยื่นฟ้องศาลปกครอง เพื่อสั่งระงับกระทรวงการคลังเรียกคืนเงินจากกองทุนคนพิการ 2,000 ล้านบาทว่า ขณะนี้คณะอนุกรรมการกำกับการบริหารทุนหมุนเวียน ได้พิจารณาข้อมูล เรื่อง การทำกฎหมายลำดับรอง รวมถึง พ.ร.ฎ.ว่าด้วยหลักเกณฑ์ในการกำหนดจำนวนเงินสะสมสูงสุด และการนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียน ส่งคลัง เป็นรายได้แผ่นดิน พ.ศ.... ก่อนเสนอให้คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนพิจารณาในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2560
“ในส่วนของการเรียกเงินคืนนั้น อย่างกฎหมายของกองทุนหมุนเวียน เราจะมีการกำหนดวงเงินเพดานสะสมสูงสุดว่าจะอยู่ที่เท่าไหร่ กองทุนมีความจำเป็นแค่ไหน ซึ่งหากมีเงินเหลือก็จะต้องนำส่งคืนคลังด้วย เพื่อกลับมาเป็นทุนหมุนเวียนชั่วคราว”นายอภิศักดิ์ กล่าว
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมีกองทุนหมุนเวียนทั้งสิ้น 114 กองทุน มีสินทรัพย์รวม 3.194 ล้านล้านบาท เป็นเงินสด เงินฝากคลัง และธนาคารที่ 0.434 ล้านล้านบาท ส่วนกรณีที่สมาคมสภาคนพิการยื่นฟ้องศาลปกครองนั้น ขอชี้แจงว่า จากการประชุมคณะกรรมการแล้ว มีมติเรียกเงินคืนจากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ รวมทั้งสิ้น 1,000 ล้านบาท จากเดิม 2,000 ล้านบาท
ขณะที่ในปี 2560 กระทรวงการคลังจะเรียกเงินคืนจากกองทุนหมุนเวียนทั้งสิ้น 10 กองทุน รวมทั้งสิ้น 12,017 ล้านบาท ซึ่งหากปรับลดในส่วนของคนพิการลงจะเหลือวงเงินรวมทั้งสิ้น 11,017 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบว่ามีการร้องเรียนในกรณีการเรียกคืนดังกล่าว
“ขณะเรากำลังทำกฎหมายลูกอยู่ในเรื่องของการกำหนดเพาดานความต้องการใช้เงินในอนาคต รวมถึงดูสภาพคล่องของกองทุนหมุนเวียนของแต่ละกองทุน หากพบว่า มีเงินอยู่ในกองทุนใดที่เกินจำเป็น และไม่เป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจก็จะเรียกคืนกลับมายังคลัง แต่หากพบว่า กองทุนใดมีเงินต่ำกว่าเพดานที่กำหนด ก็สามารถใส่เงินเพิ่มเติมเข้าไปได้เช่นกัน” นายสมชัย กล่าว
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้ การเรียกเก็บเงินกองทุนดูความเหมาะสมตามรายรับรายจ่าย ยัน การใช้กฎหมายทำให้การบริหารเงินมีประสิทธิภาพมากขึ้น นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีที่สมาคมสภาคนพิการ ยื่นฟ้องศาลปกครอง เพื่อสั่งระงับกระทรวงการคลังเรียกคืนเงินจากกองทุนคนพิการ 2,000 ล้านบาทว่า ขณะนี้คณะอนุกรรมการกำกับการบริหารทุนหมุนเวียน ได้พิจารณาข้อมูล เรื่อง การทำกฎหมายลำดับรอง รวมถึง พ.ร.ฎ.ว่าด้วยหลักเกณฑ์ในการกำหนดจำนวนเงินสะสมสูงสุด และการนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียน ส่งคลัง เป็นรายได้แผ่นดิน พ.ศ.... ก่อนเสนอให้คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนพิจารณาในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2560 “ในส่วนของการเรียกเงินคืนนั้น อย่างกฎหมายของกองทุนหมุนเวียน เราจะมีการกำหนดวงเงินเพดานสะสมสูงสุดว่าจะอยู่ที่เท่าไหร่ กองทุนมีความจำเป็นแค่ไหน ซึ่งหากมีเงินเหลือก็จะต้องนำส่งคืนคลังด้วย เพื่อกลับมาเป็นทุนหมุนเวียนชั่วคราว”นายอภิศักดิ์ กล่าว นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมีกองทุนหมุนเวียนทั้งสิ้น 114 กองทุน มีสินทรัพย์รวม 3.194 ล้านล้านบาท เป็นเงินสด เงินฝากคลัง และธนาคารที่ 0.434 ล้านล้านบาท ส่วนกรณีที่สมาคมสภาคนพิการยื่นฟ้องศาลปกครองนั้น ขอชี้แจงว่า จากการประชุมคณะกรรมการแล้ว มีมติเรียกเงินคืนจากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ รวมทั้งสิ้น 1,000 ล้านบาท จากเดิม 2,000 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2560 กระทรวงการคลังจะเรียกเงินคืนจากกองทุนหมุนเวียนทั้งสิ้น 10 กองทุน รวมทั้งสิ้น 12,017 ล้านบาท ซึ่งหากปรับลดในส่วนของคนพิการลงจะเหลือวงเงินรวมทั้งสิ้น 11,017 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบว่ามีการร้องเรียนในกรณีการเรียกคืนดังกล่าว “ขณะเรากำลังทำกฎหมายลูกอยู่ในเรื่องของการกำหนดเพาดานความต้องการใช้เงินในอนาคต รวมถึงดูสภาพคล่องของกองทุนหมุนเวียนของแต่ละกองทุน หากพบว่า มีเงินอยู่ในกองทุนใดที่เกินจำเป็น และไม่เป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจก็จะเรียกคืนกลับมายังคลัง แต่หากพบว่า กองทุนใดมีเงินต่ำกว่าเพดานที่กำหนด ก็สามารถใส่เงินเพิ่มเติมเข้าไปได้เช่นกัน” นายสมชัย กล่าว ขอบคุณ... http://news.voicetv.co.th/business/457977.html
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)