“ศูนย์พิทักษ์สิทธิคนพิการฯ” รับติวเข้มอบรม-พัฒนาฝีมือแรงงานผู้พิการด่วน! เพื่อรองรับตลาดแรงงานหลังเปิดประเทศ

“ศูนย์พิทักษ์สิทธิคนพิการฯ” รับติวเข้มอบรม-พัฒนาฝีมือแรงงานผู้พิการด่วน! เพื่อรองรับตลาดแรงงานหลังเปิดประเทศ

ศูนย์พิทักษ์สิทธิคนพิการ ประกาศรับลูกหลังรัฐบาลสั่งเปิดประเทศ เผย! เป็นเรื่องดีเพราะนั่นหมายถึงเศรษฐกิจที่จะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง การจ้างงาน สร้างอาชีพ สั่งติวเข้มอบรมพัฒนาฝีมือแรงงานผู้พิการ ทั้ง 5 กลุ่ม คือ (1) ผู้พิการทางการเคลื่อนไหวหรือทางร่างกาย (2) ผู้พิการทางด้านการสายตาและการมองเห็น (3) ผู้พิการทางด้านสติปัญญา (4) ผู้พิการทางการได้ยินหรือการสื่อความหมาย และ (5) ผู้พิการที่เป็นออทิสติก โดยผ่านการเรียนรู้และอบรมวิชาชีพที่โรงเรียนสอนคนตาบอดพระมหาไถ่พัทยาฯ และอีกหลายหน่วยงานที่ร่วมมือกันครั้งนี้ เพื่อรองรับตลาดแรงงาน เผยผู้พิการเหล่านี้ล้วนมีทักษะและความชำนาญ ประกอบอาชีพและทำงานได้เกือบทุกประเภทเหมือนคนปกติ โดยนายจ้างที่รับคนพิการเข้าทำงานจะได้รับสิทธิพิเศษตาม ม.33 ทุกประการ ให้งาน ให้ชีวิต ผู้พิการติดต่อที่ 1479 สายด่วนคนพิการประชารัฐ เพื่อหาบุคลากรคุณภาพเหมาะกับงานของนายจ้าง

อาจารย์สัมฤทธิ์ ชาภิรมย์ ผู้จัดการ ศูนย์พิทักษ์สิทธิคนพิการ 1479 สายด่วนคนพิการประชารัฐ กล่าวถึง การประกาศของรัฐบาลในการเปิดประเทศ เป็นเรื่องที่น่ายินดีเพราะนั่นหมายถึงเศรษฐกิจน่าจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง ดังนั้นเพื่อเป็นการรองรับตลาดแรงงาน การจ้างงาน สร้างอาชีพ ที่จะกลับมาตื่นตัวอีกครั้ง ทางศูนย์พิทักษ์สิทธิคนพิการฯ จึงได้มีนโยบายในการจัดให้มีการอบรมพัฒนาฝีมือแรงงานให้กับผู้พิการ ให้มีทักษะและฝีมือเทียบเท่าคนปกติ ซึ่งผู้พิการปัจจุบันแบ่งได้ 5 กลุ่มคือ (1) ผู้พิการทางการเคลื่อนไหวหรือทางร่างกาย (2) ผู้พิการทางด้านการสายตาและการมองเห็น (3) ผู้พิการทางด้านสติปัญญา (4) ผู้พิการทางการได้ยินหรือการสื่อความหมาย และ (5) ผู้พิการที่เป็นออทิสติก

ทั้งนี้ ผู้พิการที่ผ่านการเรียนรู้และอบรมวิชาชีพที่โรงเรียนสอนคนตาบอดพระมหาไถ่พัทยาฯ และอีก3หน่วยงานคือ วิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่ หนองคาย ในพระราชูปถัมภ์ฯ วิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่ พัทยา และโรงเรียนเด็กพิเศษคุณพ่อเรย์ ที่ร่วมมือกันครั้งนี้ เพื่อรองรับตลาดแรงงาน การจ้างงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างทันท่วงที ซึ่งผู้พิการเหล่านี้ล้วนมีทักษะและความชำนาญ ประกอบอาชีพและทำงานได้เกือบทุกประเภทเหมือนคนปกติทั่วไป ถือว่าองค์กรการกุศล ที่จัดการศึกษาและฟื้นฟูสมรรถภาพ พัฒนาคุณภาพชีวิต ตลอดจนฝึกอาชีพให้ผู้พิการเหล่านี้ให้มีความชำนาญ จนประกอบอาชีพช่วยเหลือตนเองและครอบครัวได้ อาชีพที่เหมาะสำหรับผู้พิการมีหลากหลาย อาทิ พนักงาน call center นักกฎหมาย ศิลปิน นักบัญชี เลขานุการ พนักงานบริการลูกค้า พนักงานในโรงงาน นักวิเคราะห์ทางการเงิน ที่ปรึกษา ครู พ่อครัว พนักงานขาย พนักงานธุรการ คนเขียนแบบ วิศวกร เกษตรกร ชาวสวน บรรณารักษ์ นักสถิติ นักเขียน เป็นต้น รวมถึงคนพิการที่เป็นบุคคลออทิสติกส่วนใหญ่จะประสบความสำเร็จในลักษณะงานทางศิลปะ เช่น การทำเครื่องประดับ ทำงานด้วยดอกไม้และพืช เป็นต้น

พร้อมกันนี้ ในส่วนของนายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการทั้งเอกชนและหน่วยงานของรัฐ ที่รับผู้พิการเข้าทำงานในบริษัทของท่าน ตามมาตรา 33 สามารถนำค่าใช้จ่ายในการจ้างคนพิการ (เงินเดือน ค่าล่วงเวลา ฯลฯ) ลงเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ 2 เท่า แต่กรณีที่รับคนพิการเข้าทำงาน หรือนำส่งเงินเข้ากองทุนฯ จะได้รับยกเว้นภาษี เป็นร้อยละของจำนวนเงินค่าจ้างที่จ่ายให้แก่คนพิการหรือเงินที่ส่งเข้ากองทุนได้อีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งเป็นไปตามการจ้างงานผู้พิการตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานที่ถูกกำหนดไว้ใน พ.ร.บ. ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 ดังนั้นหลังจากที่มีการเปิดประเทศ

มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการฯ จึงขอเชิญชวน นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการรับผู้พิการเข้าทำงานในบริษัทของท่านด้วย เพราะไม่ใช่แค่การจ้างผู้พิการให้มีรายได้ช่วยเหลือตนเองนั้น แต่ยังช่วยให้สามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้อีกด้วย เป็นการสร้างความรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นที่พึ่งพิงให้กับครอบครัว มีคุณค่าและมีศักดิ์ศรี สำหรับนายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการฯ ทั้งภาครัฐและเอกชนที่ต้องการจ้างงานคนพิการที่เหมาะสมกับกิจการสามารถติดต่อได้ที่โทร 1479 สายด่วนคนพิการประชารัฐ ซึ่งจะประสานหาบุคลากรคุณภาพที่เหมาะสมกับความต้องการของนายจ้างต่อไป

ขอบคุณ... https://bit.ly/3s1pgL1 (ขนาดไฟล์: 413)

ที่มา: siamturakij.com/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 12 ธ.ค.64
วันที่โพสต์: 14/12/2564 เวลา 11:36:13 ดูภาพสไลด์โชว์ “ศูนย์พิทักษ์สิทธิคนพิการฯ” รับติวเข้มอบรม-พัฒนาฝีมือแรงงานผู้พิการด่วน! เพื่อรองรับตลาดแรงงานหลังเปิดประเทศ