ครูศูนย์การศึกษาพิเศษกาญจนบุรี เรียกร้อง ‘พรรคการเมือง’ ให้ความสำคัญ ‘เด็กพิการ-เด็กพิเศษ’
ครูศูนย์การศึกษาพิเศษ จ.กาญจนบุรี เรียกร้องพรรคการเมืองจัดทำนโยบายด้านสุขภาพเพื่อให้เด็กพิการเข้าถึงสิทธิได้ ชี้ที่ผ่านมามีช่องโหว่ด้านการสื่อสารเยอะ ขณะที่ ‘หน่วยบริการ–หมอ’กระจุกตัวอยู่ในเมืองใหญ่
นางเกษร ใหม่ดี ครูจากศูนย์การศึกษาพิเศษ จ.กาญจนบุรี ซึ่งขับเคลื่อนการเข้าถึงการระบบการศึกษา และสุขภาพของเด็กพิเศษ โดยเฉพาะเด็กที่มีปัญหาทางด้านการได้ยิน เปิดเผยกับ “The Coverage” ตอนหนึ่งว่า ในช่วงที่ประเทศไทยเข้าสู่บรรยากาศของการเลือกตั้งในขณะนี้ ยังไม่เห็นนโยบายหาเสียงจากพรรคการเมืองใดที่สนใจในเรื่องสิทธิของเด็กพิเศษในการเข้าถึงระบบบริการต่างๆ ทั้งระบบบริการสุขภาพ และด้านการศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ ตัวอย่างที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงการระบาดของโควิด -19 คือการที่คนพิการในพื้นที่ห่างไกลจำนวนมาก ไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนเลย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะจำเป็นที่จะต้องใช้การสื่อสารเฉพาะเพื่อสร้างความเข้าใจ และควรมีช่องทางเฉพาะสำหรับการใช้สิทธิด้านสุขภาพ
นางเกสร กล่าวว่า ในพื้นที่ห่างไกลการเข้าถึงหน่วยบริการยังเป็นไปด้วยความลำบาก และอาจมีไม่ความครอบคลุมเพียงพอสำหรับเด็กพิการ ซึ่งแพทย์ที่เชี่ยวชาญในการรักษาหรือช่วยเหลือเด็กพิการก็จะกระจุกตัวอยู่ในเมืองใหญ่ และโรงพยาบาลขนาดใหญ่ในจังหวัดเท่านั้น นั่นหมายความว่า เด็กพิการที่ต้องการการรักษาก็จะไปแออัดกันในโรงพยาบาลจังหวัด
ทั้งนี้ หากมีพรรคการเมืองที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาลในชุดต่อไปให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะการให้มีแพทย์ที่เชี่ยวชาญสำหรับดูแลเด็กพิการ หรือเด็กพิเศษ ก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อเด็กพิการ รวมถึงผู้ปกครองของเด็กทั้งกลุ่มที่เป็นคนไทย และกลุ่มชาติพันธุ์ รวมถึงกลุ่มแรงงานข้ามชาติได้เข้าถึงระบบสาธารณสุข และสิทธิต่างๆ มากขึ้น
นางเกษร กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวยังไม่เห็นว่ามีพรรคการเมืองใดที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของเด็กพิการในการเข้าถึงสิทธิต่างๆ อย่างจริงจัง แต่อย่างน้อยก็มีทิศทางที่พอจะเห็นภาพว่ามีพัฒนาการอยู่บ้าง อย่างเช่นพรรคพลังประชารัฐ ที่ปราศรัยครั้งล่าสุดที่มีล่ามภาษามือเพื่อแปลภาษาด้วย ทำให้คนพิการสามารถรับรู้ถึงนโยบายของพรรคการเมืองได้ แต่หากทุกพรรคการเมืองสามารถทำแบบเดียวกันได้ ก็จะเป็นเรื่องดีที่คนพิการจะได้รับข้อมูลของแต่ละพรรคการเมืองได้มากขึ้น
"แต่ประเด็นสำคัญคืออยากให้พรรคการเมืองแต่ละพรรค ใส่ใจกับนโยบายด้านสุขภาพที่มีผลกับคนพิการ รวมถึงเด็กพิเศษ และเด็กพิการให้มากขึ้นด้วย เพราะทั้งหมดก็เป็นคนไทยที่ควรจะได้รับสิทธิด้านสุขภาพเหมือนๆ กัน และหากจะมีการพัฒนาสิทธิประโยชน์ต่างๆ ในด้านสุขภาพจากภาคการเมือง ก็อยากให้คำนึงถึงกลุ่มคนพิการให้จริงจังและมากขึ้น" นางเกษร กล่าว