ธุรกิจพันธุศาสตร์ ใครไม่ทำเราทำ
สปินออฟจากกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยเทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยพันธุกรรมทารกในครรภ์จากน้ำคร่ำและเลือดของมารดา มาตั้งบริษัท MGC สตาร์ทอัพด้านชีววิทยาศาสตร์ ที่ให้บริการแก่สถานพยาบาลทั่วประเทศในการตรวจทางพันธุศาสตร์
นายแพทย์วีรยุทธ ประพันธ์พจน์ ผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการ บริษัท ศูนย์พันธุศาสตร์การแพทย์ จำกัด (MGC) กล่าวว่า บริษัทเปิดให้บริการมากว่า 3 ปี ภายใต้มาตรฐานไอเอสโอ 15189: 2012 และ15190: 2003 จากการสนับสนุนการจัดตั้งและดำเนินการโดย TCELS โดยมีเทคโนโลยีที่สามารถตรวจวิเคราะห์หาความผิดปกติของทารกในครรภ์ เช่น โรคดาวน์ซินโดรมจากน้ำคร่ำและเลือดของมารดาซึ่งมีดีเอ็นเอของทารกปนอยู่ รวมถึงบริการตรวจความผิดปกติของตัวอ่อนที่ได้จากเทคโนโลยีการผสมเทียม เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการคัดเลือก และย้ายฝากตัวอ่อน จะเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์สำหรับผู้มีบุตรยาก ทั้งยังให้บริการสนับสนุนทางด้านการศึกษาและการวิจัยทางพันธุศาสตร์การแพทย์อีกด้วย
ทั้งนี้ การสร้างเกณฑ์มาตรฐานดังกล่าวเป็นสิ่งจำเป็น เพราะธุรกิจให้บริการตรวจทางพันธุกรรมในไทยเป็นเรื่องใหม่และมีประเด็นซับซ้อนกว่าการตรวจเบาหวานหรือวัดความดัน เพราะมีผลกระทบต่อเนื่องสูง เช่น ผลการตรวจน้ำคร่ำถึงคัดกรองภาวะดาวน์ซินโดรมจะนำไปสู่การตัดสินใจที่จะตั้งครรภ์ต่อหรือจะยุติ ทั้งยังมีผลกับคนอื่นๆ ด้วย ฉะนั้น ห้องปฏิบัติการด้านนี้จึงต้องมีมาตรฐานความถูกต้องและความแม่นยำ จึงร่วมกับ TCELSจัดทำเกณฑ์มาตรฐานการรับรองห้องปฏิบัติการฯ
MGC เปิดให้บริการประมาณ 3 ปี การตอบรับดีมากจากสถานพยาบาลทั่วประเทศ 230-240 แห่ง โดยเฉพาะการตรวจน้ำคร่ำ ซึ่งมีให้บริการเฉพาะในโรงเรียนแพทย์เท่านั้น อีกทั้งบริษัทมีระบบรับส่ง door to doorหรือจากโรงพยาบาลมายังแล็บบริษัทโดยตรงพร้อมทั้งการแจ้งผลทางเว็บไซต์จึงสะดวกและรวดเร็ว
“หญิงไทยตั้งครรภ์ปีละประมาณ 8 แสนคน ซึ่ง 1 แสนคนอายุเกิน 35 ปี ถือเป็นกลุ่มที่ควรได้รับการเจาะน้ำคร่ำแต่ว่าศักยภาพในไทยยังไม่พอ แล็บบริการมีน้อย ดังนั้น เราจึงเปิดบริการเพื่อรองรับกลุ่มนี้ ส่วนหญิงตั้งครรภ์ที่อายุน้อยกว่า 35 ปี มีประมาณ 7 แสนคน แม้จะไม่มีคำแนะนำให้ตรวจน้ำคร่ำแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีความเสี่ยง ขณะนี้มีวิธีการตรวจคัดกรองจากเลือดแม่ ซึ่งมีดีเอ็นเอของลูกปนอยู่ด้วย ถือเป็นพัฒนาการของเทคโนโลยีที่คาดว่าในอนาคตจะเข้ามาแทนที่การเจาะตรวจน้ำคร่ำที่เสี่ยงอันตรายต่อทารกในครรภ์"
MGC ได้พัฒนาเทคโนโลยีตรวจหาดาวน์ซินโดรมจากการเลือดมารดาแข่งกับต่างชาติ ซึ่งค่าบริการประมาณ 2.5 หมื่นบาท แต่เราทำเหลือราคา 1 หมื่นบาท มีความไว ถูกต้อง เทียบเท่ากับเทคโนโลยีต่างประเทศ ใช้เวลาทราบผล 7 วันเหมือนกัน ขณะที่การตรวจน้ำคร่ำตั้งอัตราเดียวกับโรงเรียนแพทย์คือประมาณ 2,500 บาท ผลการดำเนินงาน 2-3 ปีที่ผ่านมา ยืนยันได้ว่าธุรกิจมาถูกทางแล้ว จากเดิมตั้งเป้าหมายลูกค้าสถานพยาบาลส่งน้ำคร่ำมาตรวจ 200-300 ตัวอย่างต่อปี กลายเป็น 300 ตัวอย่างต่อเดือนแล้วก็ขยับเพิ่ม 2-3 เท่าตัวในปัจจุบัน เพราะตลาดมีความต้องการจริงๆ
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
การวิจัยเชิงปฏิบัติการในห้องแลป สปินออฟจากกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยเทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยพันธุกรรมทารกในครรภ์จากน้ำคร่ำและเลือดของมารดา มาตั้งบริษัท MGC สตาร์ทอัพด้านชีววิทยาศาสตร์ ที่ให้บริการแก่สถานพยาบาลทั่วประเทศในการตรวจทางพันธุศาสตร์ นายแพทย์วีรยุทธ ประพันธ์พจน์ ผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการ บริษัท ศูนย์พันธุศาสตร์การแพทย์ จำกัด (MGC) กล่าวว่า บริษัทเปิดให้บริการมากว่า 3 ปี ภายใต้มาตรฐานไอเอสโอ 15189: 2012 และ15190: 2003 จากการสนับสนุนการจัดตั้งและดำเนินการโดย TCELS โดยมีเทคโนโลยีที่สามารถตรวจวิเคราะห์หาความผิดปกติของทารกในครรภ์ เช่น โรคดาวน์ซินโดรมจากน้ำคร่ำและเลือดของมารดาซึ่งมีดีเอ็นเอของทารกปนอยู่ รวมถึงบริการตรวจความผิดปกติของตัวอ่อนที่ได้จากเทคโนโลยีการผสมเทียม เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการคัดเลือก และย้ายฝากตัวอ่อน จะเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์สำหรับผู้มีบุตรยาก ทั้งยังให้บริการสนับสนุนทางด้านการศึกษาและการวิจัยทางพันธุศาสตร์การแพทย์อีกด้วย ทั้งนี้ การสร้างเกณฑ์มาตรฐานดังกล่าวเป็นสิ่งจำเป็น เพราะธุรกิจให้บริการตรวจทางพันธุกรรมในไทยเป็นเรื่องใหม่และมีประเด็นซับซ้อนกว่าการตรวจเบาหวานหรือวัดความดัน เพราะมีผลกระทบต่อเนื่องสูง เช่น ผลการตรวจน้ำคร่ำถึงคัดกรองภาวะดาวน์ซินโดรมจะนำไปสู่การตัดสินใจที่จะตั้งครรภ์ต่อหรือจะยุติ ทั้งยังมีผลกับคนอื่นๆ ด้วย ฉะนั้น ห้องปฏิบัติการด้านนี้จึงต้องมีมาตรฐานความถูกต้องและความแม่นยำ จึงร่วมกับ TCELSจัดทำเกณฑ์มาตรฐานการรับรองห้องปฏิบัติการฯ MGC เปิดให้บริการประมาณ 3 ปี การตอบรับดีมากจากสถานพยาบาลทั่วประเทศ 230-240 แห่ง โดยเฉพาะการตรวจน้ำคร่ำ ซึ่งมีให้บริการเฉพาะในโรงเรียนแพทย์เท่านั้น อีกทั้งบริษัทมีระบบรับส่ง door to doorหรือจากโรงพยาบาลมายังแล็บบริษัทโดยตรงพร้อมทั้งการแจ้งผลทางเว็บไซต์จึงสะดวกและรวดเร็ว “หญิงไทยตั้งครรภ์ปีละประมาณ 8 แสนคน ซึ่ง 1 แสนคนอายุเกิน 35 ปี ถือเป็นกลุ่มที่ควรได้รับการเจาะน้ำคร่ำแต่ว่าศักยภาพในไทยยังไม่พอ แล็บบริการมีน้อย ดังนั้น เราจึงเปิดบริการเพื่อรองรับกลุ่มนี้ ส่วนหญิงตั้งครรภ์ที่อายุน้อยกว่า 35 ปี มีประมาณ 7 แสนคน แม้จะไม่มีคำแนะนำให้ตรวจน้ำคร่ำแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีความเสี่ยง ขณะนี้มีวิธีการตรวจคัดกรองจากเลือดแม่ ซึ่งมีดีเอ็นเอของลูกปนอยู่ด้วย ถือเป็นพัฒนาการของเทคโนโลยีที่คาดว่าในอนาคตจะเข้ามาแทนที่การเจาะตรวจน้ำคร่ำที่เสี่ยงอันตรายต่อทารกในครรภ์" MGC ได้พัฒนาเทคโนโลยีตรวจหาดาวน์ซินโดรมจากการเลือดมารดาแข่งกับต่างชาติ ซึ่งค่าบริการประมาณ 2.5 หมื่นบาท แต่เราทำเหลือราคา 1 หมื่นบาท มีความไว ถูกต้อง เทียบเท่ากับเทคโนโลยีต่างประเทศ ใช้เวลาทราบผล 7 วันเหมือนกัน ขณะที่การตรวจน้ำคร่ำตั้งอัตราเดียวกับโรงเรียนแพทย์คือประมาณ 2,500 บาท ผลการดำเนินงาน 2-3 ปีที่ผ่านมา ยืนยันได้ว่าธุรกิจมาถูกทางแล้ว จากเดิมตั้งเป้าหมายลูกค้าสถานพยาบาลส่งน้ำคร่ำมาตรวจ 200-300 ตัวอย่างต่อปี กลายเป็น 300 ตัวอย่างต่อเดือนแล้วก็ขยับเพิ่ม 2-3 เท่าตัวในปัจจุบัน เพราะตลาดมีความต้องการจริงๆ ขอบคุณ... http://eureka.bangkokbiznews.com/detail/634362
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)