สมาคมจิตแพทย์เผย! “โรคเก็บสะสมของ” ชอบเก็บ-ไม่กล้าทิ้ง พบมากในคนโสด
แฟนเพจ สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ได้มีการโพสต์บทความเกี่ยวกับพฤติกรรมการเก็บสะสมของเก่าจนทำให้บ้านเละเทะว่า นั่นเป็นอาการของ โรค hoarding disorder เป็นโรคที่เพิ่งถูกเพิ่มเข้ามาใหม่ในเกณฑ์วินิจฉัยโรคทางจิตเวช (DSM 5) เมื่อปี พ.ศ. 2556
ข้อความที่ สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ระบุมีดังนี้ … หลายคนน่าจะเคยเห็นในรายการทีวีบ่อย ๆ ที่มีคนกลุ่มหนึ่งที่มีปัญหาเก็บสะสมของในบ้านเยอะซะจนล้นเละเทะไปหมด วันนี้เรามารู้จักโรคหนึ่งที่มีอาการแบบนั้นกันครับ โรค hoarding disorder เป็นโรคที่เพิ่งถูกเพิ่มเข้ามาใหม่ในเกณฑ์วินิจฉัยโรคทางจิตเวช (DSM 5) เมื่อปี พ.ศ. 2556นี้เองก่อนหน้านี้ยังไม่มีเกณฑ์การวินิจฉัยโรคนี้มาก่อน ด้วยเหตุว่าเป็นโรคใหม่ ในภาษาไทยจึงไม่มีศัพท์ที่ใช้เรียกอย่างเป็นทางการ ดังนั้นผมเลยตั้งชื่อเองไปก่อนว่า “โรคเก็บสะสมของ” ละกันนะครับ
พบได้บ่อยแค่ไหน? การศึกษาในต่างประเทศ พบโรคเก็บสะสมของได้ประมาณ 2-5% ในคนทั่วไป คนที่เป็นส่วนใหญ่มักจะเป็นคนโสด (ถ้าอ่านอาการแล้วจะเข้าใจครับว่าทำไมส่วนใหญ่ถึงโสด) โดยมักจะเริ่มเป็นตั้งแต่วัยรุ่นและเป็นต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ
อาการของโรค 1. เก็บของไว้มากเกินไป แม้ว่าของนั้นจะดูไม่ค่อยมีประโยชน์ หรือมีโอกาสใช้ประโยชน์น้อยมาก 2. มีความยากลำบากในการทำใจที่จะทิ้งของ (ตัดใจทิ้งของไม่ได้) โดยส่วนใหญ่เกิดจากความคิดว่า …. “ยังอาจจำเป็นต้องใช้” “อาจจะได้ใช้” …… (ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่เคยได้ใช้หรอก) หรือทิ้งแล้วจะรู้สึกไม่สบายใจ ก็เลยไม่ทิ้ง 3. ของที่สะสมมีเยอะมากจนรบกวนการใช้ชีวิต หรือทำให้เกิดอันตราย เช่น วางบนพื้นห้องจนไม่มีที่เดิน, วางท่วมล้นบนโต๊ะทำงานจนทำงานบนโต๊ะไม่ได้ หรือของเยอะจนทำให้เจ็บป่วยบ่อย เป็นต้น ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่คิดว่าตัวเองผิดปกติ ส่วนมากมองว่าการเก็บของของตัวเองนั้นสมเหตุสมผล (แต่คนอื่นหรือเพื่อนบ้านจะทนไม่ได้ -_-”)
สิ่งสะสมที่พบได้บ่อย ได้แก่ หนังสือ นิตยสาร เสื้อผ้า ถุงพลาสติก และขวดต่างๆ ซึ่งการเก็บของนี้จะเยอะเกินกว่าปกติของคนทั่วไป เช่น เก็บจนล้นกองเต็มทั่วบ้าน เป็นต้น (คนปกติบางคนอาจจะสะสมของบางอย่าง เช่น ชอบสะสมหนังสือ แต่สามารถเก็บวางไว้ในตู้ หรือจัดเก็บได้อย่างเรียบร้อยจะไม่ถือว่าเป็นโรคนี้ )
การสะสมของจำนวนมากๆ แบบนี้หลายครั้งมักทำให้เกิดอันตรายตามมา เช่น บาดเจ็บเพราะหนังสือล้มทับใส่ ห้องรกจนเป็นภูมิแพ้รุนแรง หรือสกปรกจนติดเชื้อ เป็นต้น
การดำเนินโรค โดยทั่วไปโรคสะสมของนี้มักเริ่มมีอาการตั้งแต่วัยรุ่น และเป็นต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ตลอดชีวิต เพียงแต่โดยส่วนใหญ่ตอนวัยรุ่นอาจจะไม่เป็นปัญหารุนแรงมากนักเพราะของที่สะสมมักจะยังไม่มาก (เพราะเพิ่งเริ่มสะสม) แต่จะเริ่มเป็นปัญหาหนักเมื่อวัยผู้ใหญ่ เพราะของที่สะสมจะเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนใหญ่พบว่าโรคจะเป็นลักษณะเรื้อรัง ไม่หายขาด โดยอาการอาจจะเป็นเยอะขึ้นเป็นบางช่วง โดยเฉพาะช่วงที่มีความเครียดมักจะมีการสะสมของมากขึ้น
การรักษา โรคนี้การรักษาด้วยยาพบว่าได้ผลเล็กน้อย โดยยาที่ใช้เป็นยากลุ่มยาต้านเศร้า (antidepressant) ส่วนการรักษาที่ดีที่สุดในปัจจุบันคือ การสอนการตัดสินใจ(ในการเก็บ/ทิ้งของ) การจัดกลุ่ม และการสอนวิธีการเก็บของที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงฝึกให้ทนได้กับการทิ้งของ ซึ่งพบว่าวิธีการเหล่านี้สามารถช่วยลดของที่สะสมลงได้เกือบ ๆ 1 ใน 3 (ซึ่งก็ถือว่าเยอะแล้ว)
ขอบคุณ... http://news.mthai.com/hot-news/social-news/515373.html
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
โรคเก็บสะสมของ แฟนเพจ สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ได้มีการโพสต์บทความเกี่ยวกับพฤติกรรมการเก็บสะสมของเก่าจนทำให้บ้านเละเทะว่า นั่นเป็นอาการของ โรค hoarding disorder เป็นโรคที่เพิ่งถูกเพิ่มเข้ามาใหม่ในเกณฑ์วินิจฉัยโรคทางจิตเวช (DSM 5) เมื่อปี พ.ศ. 2556 ข้อความที่ สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ระบุมีดังนี้ … หลายคนน่าจะเคยเห็นในรายการทีวีบ่อย ๆ ที่มีคนกลุ่มหนึ่งที่มีปัญหาเก็บสะสมของในบ้านเยอะซะจนล้นเละเทะไปหมด วันนี้เรามารู้จักโรคหนึ่งที่มีอาการแบบนั้นกันครับ โรค hoarding disorder เป็นโรคที่เพิ่งถูกเพิ่มเข้ามาใหม่ในเกณฑ์วินิจฉัยโรคทางจิตเวช (DSM 5) เมื่อปี พ.ศ. 2556นี้เองก่อนหน้านี้ยังไม่มีเกณฑ์การวินิจฉัยโรคนี้มาก่อน ด้วยเหตุว่าเป็นโรคใหม่ ในภาษาไทยจึงไม่มีศัพท์ที่ใช้เรียกอย่างเป็นทางการ ดังนั้นผมเลยตั้งชื่อเองไปก่อนว่า “โรคเก็บสะสมของ” ละกันนะครับ พบได้บ่อยแค่ไหน? การศึกษาในต่างประเทศ พบโรคเก็บสะสมของได้ประมาณ 2-5% ในคนทั่วไป คนที่เป็นส่วนใหญ่มักจะเป็นคนโสด (ถ้าอ่านอาการแล้วจะเข้าใจครับว่าทำไมส่วนใหญ่ถึงโสด) โดยมักจะเริ่มเป็นตั้งแต่วัยรุ่นและเป็นต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ อาการของโรค 1. เก็บของไว้มากเกินไป แม้ว่าของนั้นจะดูไม่ค่อยมีประโยชน์ หรือมีโอกาสใช้ประโยชน์น้อยมาก 2. มีความยากลำบากในการทำใจที่จะทิ้งของ (ตัดใจทิ้งของไม่ได้) โดยส่วนใหญ่เกิดจากความคิดว่า …. “ยังอาจจำเป็นต้องใช้” “อาจจะได้ใช้” …… (ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่เคยได้ใช้หรอก) หรือทิ้งแล้วจะรู้สึกไม่สบายใจ ก็เลยไม่ทิ้ง 3. ของที่สะสมมีเยอะมากจนรบกวนการใช้ชีวิต หรือทำให้เกิดอันตราย เช่น วางบนพื้นห้องจนไม่มีที่เดิน, วางท่วมล้นบนโต๊ะทำงานจนทำงานบนโต๊ะไม่ได้ หรือของเยอะจนทำให้เจ็บป่วยบ่อย เป็นต้น ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่คิดว่าตัวเองผิดปกติ ส่วนมากมองว่าการเก็บของของตัวเองนั้นสมเหตุสมผล (แต่คนอื่นหรือเพื่อนบ้านจะทนไม่ได้ -_-”) สิ่งสะสมที่พบได้บ่อย ได้แก่ หนังสือ นิตยสาร เสื้อผ้า ถุงพลาสติก และขวดต่างๆ ซึ่งการเก็บของนี้จะเยอะเกินกว่าปกติของคนทั่วไป เช่น เก็บจนล้นกองเต็มทั่วบ้าน เป็นต้น (คนปกติบางคนอาจจะสะสมของบางอย่าง เช่น ชอบสะสมหนังสือ แต่สามารถเก็บวางไว้ในตู้ หรือจัดเก็บได้อย่างเรียบร้อยจะไม่ถือว่าเป็นโรคนี้ ) การสะสมของจำนวนมากๆ แบบนี้หลายครั้งมักทำให้เกิดอันตรายตามมา เช่น บาดเจ็บเพราะหนังสือล้มทับใส่ ห้องรกจนเป็นภูมิแพ้รุนแรง หรือสกปรกจนติดเชื้อ เป็นต้น การดำเนินโรค โดยทั่วไปโรคสะสมของนี้มักเริ่มมีอาการตั้งแต่วัยรุ่น และเป็นต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ตลอดชีวิต เพียงแต่โดยส่วนใหญ่ตอนวัยรุ่นอาจจะไม่เป็นปัญหารุนแรงมากนักเพราะของที่สะสมมักจะยังไม่มาก (เพราะเพิ่งเริ่มสะสม) แต่จะเริ่มเป็นปัญหาหนักเมื่อวัยผู้ใหญ่ เพราะของที่สะสมจะเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนใหญ่พบว่าโรคจะเป็นลักษณะเรื้อรัง ไม่หายขาด โดยอาการอาจจะเป็นเยอะขึ้นเป็นบางช่วง โดยเฉพาะช่วงที่มีความเครียดมักจะมีการสะสมของมากขึ้น การรักษา โรคนี้การรักษาด้วยยาพบว่าได้ผลเล็กน้อย โดยยาที่ใช้เป็นยากลุ่มยาต้านเศร้า (antidepressant) ส่วนการรักษาที่ดีที่สุดในปัจจุบันคือ การสอนการตัดสินใจ(ในการเก็บ/ทิ้งของ) การจัดกลุ่ม และการสอนวิธีการเก็บของที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงฝึกให้ทนได้กับการทิ้งของ ซึ่งพบว่าวิธีการเหล่านี้สามารถช่วยลดของที่สะสมลงได้เกือบ ๆ 1 ใน 3 (ซึ่งก็ถือว่าเยอะแล้ว) ขอบคุณ... http://news.mthai.com/hot-news/social-news/515373.html
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)