ระวัง...เยื่อบุตาลูกอักเสบ! ...ตาบอดได้
หากลูกน้อยมีอาการตาแดง มีขี้ตาแฉะคันตา ขยี้ตาบ่อย ๆ อย่าวางใจนะคะ เพราะนี่คืออาการเริ่มแรกของโรคเยื่อบุตาอักเสบ หรือโรคตาแดงที่อาจลุกลามทำให้กระจกตาอักเสบได้ เยื่อบุตาอักเสบ เป็นได้ง่าย ๆ
เยื่อบุตาอักเสบ หรือที่เราคุ้นเคยกันดีในชื่อโรคตาแดง แบ่งเป็น 2 ชนิดคือ 1.ชนิดติดเชื้อ จากเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะติดต่อจากการสัมผัส โดยเฉพาะเด็กเล็กซึ่งเริ่มหยิบจับสิ่งของต่าง ๆ รอบตัวได้เองเชื้ออาจติดมากับมือ แล้วมาจับหน้า เอามือเข้าปากหรือเอามือขยี้ตาทำให้ได้รับเชื้อ เป็นสาเหตุที่เด็กเป็นโรคตาแดงง่ายและเป็นมากกว่าผู้ใหญ่ และ 2.ชนิดไม่ติดเชื้อ อาจ เกิดจากการที่ลูกน้อยมีโรคประจำตัวอื่น เช่น โรคภูมิแพ้ มีอาการคันตาทำให้ขยี้ตาบ่อย ๆ จนเกิดการอักเสบและติดเชื้อตามมาภายหลัง หรืออาจจะมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในเปลือกตา เกิดอุบัติเหตุ เกิดจากการแพ้ยา ทำให้มีการระคายเคือง เผลอขยี้ตา จนเปลือกตาถลอก และเกิดการอักเสบติดเชื้อได้
เบบี้เป็นแล้วรุนแรง - ใน เด็กแรกเกิดหรือวัย 1 เดือน ก็มีโอกาสเป็นโรคนี้ได้จากตอนคลอด คือแม่อาจมีเชื้ออยู่ที่ช่องคลอด ขณะลูกผ่านช่องคลอดออกมาจึงติดเชื้อ แต่โอกาสเกิดขึ้นน้อย เพราะก่อนคลอดคุณแม่ต้องทำการตรวจสุขภาพตามระยะเวลาที่แพทย์นัดตลอด หากพบว่ามีเชื้อก็ต้องรักษาให้หายก่อนคลอด
ถ้าทารกเกิดการติดเชื้อระหว่างคลอด นอกจากจะส่งผลทำให้เป็นโรคเยื่อบุตาอักเสบแล้ว อาจนำไปสู่อาการที่รุนแรงอื่น ๆ ได้ เพราะทารกแรกเกิดภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรง เมื่อได้รับเชื้อมาแล้วอาจ แพร่กระจายไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น กระจายไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น กระจายไปสู่สมอง ทำให้เกิดเป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ถ้าไปสู่ปอดก็อาจจะทำให้เป็นปอดอักเสบในกรณีที่รุนแรงจริง ๆ ที่ได้รับเชื้อบางอย่างอาจจะลุกลามไปที่กระจกตา และทำให้เกิดการตาบอดตั้งแต่กำเนิดได้
เมื่อลูกเป็นเยื่อบุตาอักเสบ - คันตา ขยี้ตาบ่อย อยู่ ๆ ก็มีอาการตาแดง เปลือกตาบวมแดงมีขี้ตาแฉะ เยิ้ม ๆ ถ้าติดเชื้อแบคทีเรียจะมีสีเหลืองอมเขียว ตาสู้แสงไม่ได้ น้ำตาไหล ตาพร่ามัว (ถ้าลูกน้อยบอกได้)
การรักษาเยื่อบุตาอักเสบ- คุณแม่ควรพาลูกไปพบจักษุแพทย์ เพื่อตรวจดูว่าเป็นเยื่อบุตาอักเสบชนิดไหน ได้รับเชื้ออะไรมา ถ้าได้รับเชื้อแบคทีเรียซึ่งพบได้บ่อย จะรักษาด้วยการใช้ยาหยอดตาเพื่อทำการฆ่าเชื้อ และคอยประคบเย็น เพื่อลดอาการบวมของเปลือกตา ให้รู้สึกสบายตามากขึ้น ประคบครั้งละ 5-10 นาที วันละ 2-3 ครั้ง ประมาณ 5-6 วันอาการจะดีขึ้น แต่ บางคนอาจจะมีอาการรุนแรง คือเป็นเรื้อรัง 3-4 สัปดาห์ก็ยังไม่หาย โดยเฉพาะถ้าเกิดจากการติดเชื้อไวรัสลุกลามเกิดการอักเสบไปที่กระจกตาดำร่วม ด้วย ซึ่งต้องใช้เวลาเกือบเดือนกว่าอาการถึงจะดีขึ้น
แม้ ไม่ใช่โรคที่รุนแรงอะไรนัก แต่ถ้าเป็นนาน ๆ จะส่งผลต่อสุขภาพและพัฒนาการของลูกน้อยได้เด็ก ๆ จะรู้สึกรำคาญ มองอะไรไม่ค่อยชัดเพราะตาพร่ามัว จะหยิบจับหรือเล่นอะไรก็ไม่ค่อยถนัดไม่ยอมกินข้าว ทำให้อารมณ์เสีย หงุดหงิดได้ง่าย ๆ หากเกิดจากเชื้อไวรัส ต้องรักษาตามอาการ เพราะยังไม่มียาฆ่าเชื้อไวรัสโดยตรง และต้องพาลูกไปตรวจอาการอยู่เรื่อย ๆ การรักษาอาจใช้วิธีหยอดน้ำตาเทียม ควบคู่กับการประคบเย็นลดอาการบวม ถ้าติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย ก็ต้องใช้ยาฆ่าเชื้อรักษาเสริมควบคู่กันไป ในรายที่มีอาการรุนแรง มีการติดเชื้อไปยังกระจกตาดำ ต้องใช้ยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ร่วมด้วยจนกว่าอาการจะดีขึ้นที่สำคัญต้องคอยทำความสะอาดตาอย่างถูกวิธีด้วย
วิธีทำความสะอาดตา - ถ้าลูกน้อยมีน้ำตาหรือขี้ตาควรใช้สำลีชุบน้ำหรือใช้ทิชชูเช็ดเบา ๆ เช็ดแล้วทิ้งเลย ไม่ควรใช้ผ้าเช็ดซ้ำแล้วซ้ำอีก ก็จะเป็นวิธีการช่วยป้องกันการติดต่อได้ ป้องกันก่อนอาการลุกลาม - ทารกแรกเกิด วิธีการป้องกันคือ เมื่อลูกน้อยคลอดออกมาแล้วจะป้ายขี้ผึ้งที่ตาของทารกทุกคน เพื่อฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ เมื่อกลับบ้านแล้วคุณแม่ต้องคอยสังเกต ถ้าหากลูกน้อยมีอาการตาแดงผิดปกติให้รีบพามาพบแพทย์ทันที ในเด็กวัยซน ให้ล้างมือบ่อย ๆ ออกกำลังกายและกินอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายมีภูมิต้านทานที่แข็งแรง ที่ สำคัญ ถ้าหากคนในบ้านหรือเพื่อนที่โรงเรียนมีอาการเยื่อบุตาอักเสบ ต้องแยกลูกของเราออกมาก่อน ไม่ใช้สิ่งของร่วมกัน และคอยสังเกตถ้าลูกมีอาการผิดปกติให้รีบพามาพบแพทย์ ให้ลูกล้างมือบ่อย ๆ ไม่ใกล้ชิดกับคนที่ติดเชื้อจะช่วยลดโอกาสเสี่ยงได้ เพื่อลูกน้อยจะมีดวงตาใสปิ๊งพร้อมเรียนรู้เรื่องดี ๆ ที่อยู่รอบตัว....เรื่อง : เมธาวี
ขอบคุณ... http://baby.kapook.com/เรื่องน่ารู้คุณลูก-54011.html (ขนาดไฟล์: 175)
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
หากลูกน้อยมีอาการตาแดง มีขี้ตาแฉะคันตา ขยี้ตาบ่อย ๆ อย่าวางใจนะคะ เพราะนี่คืออาการเริ่มแรกของโรคเยื่อบุตาอักเสบ หรือโรคตาแดงที่อาจลุกลามทำให้กระจกตาอักเสบได้ เยื่อบุตาอักเสบ เป็นได้ง่าย ๆ เยื่อบุตาอักเสบ หรือที่เราคุ้นเคยกันดีในชื่อโรคตาแดง แบ่งเป็น 2 ชนิดคือ 1.ชนิดติดเชื้อ จากเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะติดต่อจากการสัมผัส โดยเฉพาะเด็กเล็กซึ่งเริ่มหยิบจับสิ่งของต่าง ๆ รอบตัวได้เองเชื้ออาจติดมากับมือ แล้วมาจับหน้า เอามือเข้าปากหรือเอามือขยี้ตาทำให้ได้รับเชื้อ เป็นสาเหตุที่เด็กเป็นโรคตาแดงง่ายและเป็นมากกว่าผู้ใหญ่ และ 2.ชนิดไม่ติดเชื้อ อาจ เกิดจากการที่ลูกน้อยมีโรคประจำตัวอื่น เช่น โรคภูมิแพ้ มีอาการคันตาทำให้ขยี้ตาบ่อย ๆ จนเกิดการอักเสบและติดเชื้อตามมาภายหลัง หรืออาจจะมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในเปลือกตา เกิดอุบัติเหตุ เกิดจากการแพ้ยา ทำให้มีการระคายเคือง เผลอขยี้ตา จนเปลือกตาถลอก และเกิดการอักเสบติดเชื้อได้ เบบี้เป็นแล้วรุนแรง - ใน เด็กแรกเกิดหรือวัย 1 เดือน ก็มีโอกาสเป็นโรคนี้ได้จากตอนคลอด คือแม่อาจมีเชื้ออยู่ที่ช่องคลอด ขณะลูกผ่านช่องคลอดออกมาจึงติดเชื้อ แต่โอกาสเกิดขึ้นน้อย เพราะก่อนคลอดคุณแม่ต้องทำการตรวจสุขภาพตามระยะเวลาที่แพทย์นัดตลอด หากพบว่ามีเชื้อก็ต้องรักษาให้หายก่อนคลอด ถ้าทารกเกิดการติดเชื้อระหว่างคลอด นอกจากจะส่งผลทำให้เป็นโรคเยื่อบุตาอักเสบแล้ว อาจนำไปสู่อาการที่รุนแรงอื่น ๆ ได้ เพราะทารกแรกเกิดภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรง เมื่อได้รับเชื้อมาแล้วอาจ แพร่กระจายไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น กระจายไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น กระจายไปสู่สมอง ทำให้เกิดเป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ถ้าไปสู่ปอดก็อาจจะทำให้เป็นปอดอักเสบในกรณีที่รุนแรงจริง ๆ ที่ได้รับเชื้อบางอย่างอาจจะลุกลามไปที่กระจกตา และทำให้เกิดการตาบอดตั้งแต่กำเนิดได้ เมื่อลูกเป็นเยื่อบุตาอักเสบ - คันตา ขยี้ตาบ่อย อยู่ ๆ ก็มีอาการตาแดง เปลือกตาบวมแดงมีขี้ตาแฉะ เยิ้ม ๆ ถ้าติดเชื้อแบคทีเรียจะมีสีเหลืองอมเขียว ตาสู้แสงไม่ได้ น้ำตาไหล ตาพร่ามัว (ถ้าลูกน้อยบอกได้) การรักษาเยื่อบุตาอักเสบ- คุณแม่ควรพาลูกไปพบจักษุแพทย์ เพื่อตรวจดูว่าเป็นเยื่อบุตาอักเสบชนิดไหน ได้รับเชื้ออะไรมา ถ้าได้รับเชื้อแบคทีเรียซึ่งพบได้บ่อย จะรักษาด้วยการใช้ยาหยอดตาเพื่อทำการฆ่าเชื้อ และคอยประคบเย็น เพื่อลดอาการบวมของเปลือกตา ให้รู้สึกสบายตามากขึ้น ประคบครั้งละ 5-10 นาที วันละ 2-3 ครั้ง ประมาณ 5-6 วันอาการจะดีขึ้น แต่ บางคนอาจจะมีอาการรุนแรง คือเป็นเรื้อรัง 3-4 สัปดาห์ก็ยังไม่หาย โดยเฉพาะถ้าเกิดจากการติดเชื้อไวรัสลุกลามเกิดการอักเสบไปที่กระจกตาดำร่วม ด้วย ซึ่งต้องใช้เวลาเกือบเดือนกว่าอาการถึงจะดีขึ้น แม้ ไม่ใช่โรคที่รุนแรงอะไรนัก แต่ถ้าเป็นนาน ๆ จะส่งผลต่อสุขภาพและพัฒนาการของลูกน้อยได้เด็ก ๆ จะรู้สึกรำคาญ มองอะไรไม่ค่อยชัดเพราะตาพร่ามัว จะหยิบจับหรือเล่นอะไรก็ไม่ค่อยถนัดไม่ยอมกินข้าว ทำให้อารมณ์เสีย หงุดหงิดได้ง่าย ๆ หากเกิดจากเชื้อไวรัส ต้องรักษาตามอาการ เพราะยังไม่มียาฆ่าเชื้อไวรัสโดยตรง และต้องพาลูกไปตรวจอาการอยู่เรื่อย ๆ การรักษาอาจใช้วิธีหยอดน้ำตาเทียม ควบคู่กับการประคบเย็นลดอาการบวม ถ้าติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย ก็ต้องใช้ยาฆ่าเชื้อรักษาเสริมควบคู่กันไป ในรายที่มีอาการรุนแรง มีการติดเชื้อไปยังกระจกตาดำ ต้องใช้ยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ร่วมด้วยจนกว่าอาการจะดีขึ้นที่สำคัญต้องคอยทำความสะอาดตาอย่างถูกวิธีด้วย วิธีทำความสะอาดตา - ถ้าลูกน้อยมีน้ำตาหรือขี้ตาควรใช้สำลีชุบน้ำหรือใช้ทิชชูเช็ดเบา ๆ เช็ดแล้วทิ้งเลย ไม่ควรใช้ผ้าเช็ดซ้ำแล้วซ้ำอีก ก็จะเป็นวิธีการช่วยป้องกันการติดต่อได้ ป้องกันก่อนอาการลุกลาม - ทารกแรกเกิด วิธีการป้องกันคือ เมื่อลูกน้อยคลอดออกมาแล้วจะป้ายขี้ผึ้งที่ตาของทารกทุกคน เพื่อฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ เมื่อกลับบ้านแล้วคุณแม่ต้องคอยสังเกต ถ้าหากลูกน้อยมีอาการตาแดงผิดปกติให้รีบพามาพบแพทย์ทันที ในเด็กวัยซน ให้ล้างมือบ่อย ๆ ออกกำลังกายและกินอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายมีภูมิต้านทานที่แข็งแรง ที่ สำคัญ ถ้าหากคนในบ้านหรือเพื่อนที่โรงเรียนมีอาการเยื่อบุตาอักเสบ ต้องแยกลูกของเราออกมาก่อน ไม่ใช้สิ่งของร่วมกัน และคอยสังเกตถ้าลูกมีอาการผิดปกติให้รีบพามาพบแพทย์ ให้ลูกล้างมือบ่อย ๆ ไม่ใกล้ชิดกับคนที่ติดเชื้อจะช่วยลดโอกาสเสี่ยงได้ เพื่อลูกน้อยจะมีดวงตาใสปิ๊งพร้อมเรียนรู้เรื่องดี ๆ ที่อยู่รอบตัว....เรื่อง : เมธาวี ขอบคุณ... http://baby.kapook.com/เรื่องน่ารู้คุณลูก-54011.html
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)