สปสช.เผยผลสำเร็จกองทุนสุขภาพตำบล
น.พ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า จากการที่ได้มีการดำเนินงานกองทุนหลักประกันสุขภาพ อบต.และเทศบาล หรือกองทุนสุขภาพตำบลขึ้นทั่วประเทศ ตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งเป็นความร่วมมือของกระทรวงสาธารณสุข กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย สมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย และ สปสช. นั้น จนถึงปัจจุบันครอบคลุม 99% ทั่วประเทศ หรือ 7,718 แห่ง โดย สปสช.สนับสนุนงบประมาณอัตรา 40 บาทต่อประชากรต่อปี ตั้งแต่เริ่มดำเนินการปี 2549 ถึงปัจจุบันนั้น สปสช.สมทบ 10,685 ล้านบาท อบต.เทศบาลสมทบ 3,001 ล้านบาท เพื่อดำเนินการด้านการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคและฟื้นฟูสมรรถภาพของ ประชาชนกว่า 56.65 ล้านคน
เลขาธิการ สปสช. กล่าวต่อว่า กิจกรรมที่แต่ละกองทุนสุขภาพตำบลดำเนินการนั้น มีทั้งการจัดซื้อบริการตามชุดสิทธิประโยชน์แก่กลุ่มเป้าหมาย เด็ก สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง การสนับสนุนหน่วยบริการปฐมภูมิในพื้นที่และประชาชน เพื่อดำเนินการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรคเชิงรุกในชุมชน ขณะเดียวกันก็เน้นการส่งเสริมและฟื้นฟูสมรรถภาพในกลุ่มโรคเรื้อรังที่สำคัญ เช่น เบาหวาน/ความดันโลหิตสูง อัมพฤกษ์/อัมพาต โรคไต โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคเอดส์ เป็นต้น
น.พ.วินัย กล่าวว่า จากผลของความสำเร็จจากการดำเนินการกองทุนสุขภาพตำบลตั้งแต่ปี 2549 นั้น เป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า กองทุนสุขภาพตำบลนั้นเป็นกลไกหรือเครื่องมือที่สำคัญของการกระจายอำนาจไปสู่ ท้องถิ่น ให้ท้องถิ่นเป็นผู้จัดบริการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคที่สอดคล้องกับบริบทของท้องถิ่นเอง สอดคล้องกับผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสำนักงานวิจัยเพื่อการพัฒนาหลักประกันสุขภาพไทย (สวปก.) ที่พบว่า กองทุนสุขภาพตำบลช่วยเสริมพลังอำนาจของท้องถิ่นและชุมชนได้ดี ท้องถิ่นและชุมชนเกิดความตื่นตัวด้านสุขภาพ มีการสมทบงบประมาณในกองทุนมากขึ้น องค์กรชุมชนมีบทบาทในการเสนอโครงการเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการลงทุนด้านสาธารณสุขของ อบต./เทศบาลที่มากขึ้น เกิดกิจกรรมเพื่อลดความเสี่ยงและสร้างความตระหนักด้านสุขภาพในท้องถิ่น โดยชุมชนเป็นศูนย์กลาง ภายใต้การสนับสนุนจาก อปท. สปสช. สถานีอนามัย และหน่วยราชการในพื้นที่ นอกจากนั้นยังเกิดความริเริ่มและนวัตกรรมในการดูแลผู้ป่วยขึ้นมากมาย และเกิดเจ้าภาพใหม่ ได้แก่ เทศบาล/อบต. ในการส่งเสริมกิจกรรมการสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค ฟื้นฟูสภาพ นอกจากนั้น ยังเกิดบริการสาธารณะที่ดีขึ้น เช่น รถบริการฉุกเฉิน ส่งต่อผู้ป่วย การออกกำลังกาย การดูแลผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง แม่/เด็ก มีความพยายามที่จะผลักดันเรื่องใหม่ๆ มากกว่าบริบทของสุขภาพ เช่น ต้องการระบบสวัสดิการเมื่อเจ็บป่วยหรือบำนาญเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ เป็นบันไดเรียนรู้และสนับสนุนให้ อปท. พัฒนาการทำงานที่สูงขึ้น เช่น การบริหารจัดบริการสุขภาพชุมชน ซึ่งสอดคล้องกับมติของคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. และคณะอนุกรรมการถ่ายโอนบริการสาธารณสุข
ขอบคุณ… http://www.banmuang.co.th/2013/07/สปสช-เผยผลสำเร็จกองทุนส/
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
น.พ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า จากการที่ได้มีการดำเนินงานกองทุนหลักประกันสุขภาพ อบต.และเทศบาล หรือกองทุนสุขภาพตำบลขึ้นทั่วประเทศ ตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งเป็นความร่วมมือของกระทรวงสาธารณสุข กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย สมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย และ สปสช. นั้น จนถึงปัจจุบันครอบคลุม 99% ทั่วประเทศ หรือ 7,718 แห่ง โดย สปสช.สนับสนุนงบประมาณอัตรา 40 บาทต่อประชากรต่อปี ตั้งแต่เริ่มดำเนินการปี 2549 ถึงปัจจุบันนั้น สปสช.สมทบ 10,685 ล้านบาท อบต.เทศบาลสมทบ 3,001 ล้านบาท เพื่อดำเนินการด้านการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคและฟื้นฟูสมรรถภาพของ ประชาชนกว่า 56.65 ล้านคน เลขาธิการ สปสช. กล่าวต่อว่า กิจกรรมที่แต่ละกองทุนสุขภาพตำบลดำเนินการนั้น มีทั้งการจัดซื้อบริการตามชุดสิทธิประโยชน์แก่กลุ่มเป้าหมาย เด็ก สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง การสนับสนุนหน่วยบริการปฐมภูมิในพื้นที่และประชาชน เพื่อดำเนินการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรคเชิงรุกในชุมชน ขณะเดียวกันก็เน้นการส่งเสริมและฟื้นฟูสมรรถภาพในกลุ่มโรคเรื้อรังที่สำคัญ เช่น เบาหวาน/ความดันโลหิตสูง อัมพฤกษ์/อัมพาต โรคไต โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคเอดส์ เป็นต้น น.พ.วินัย กล่าวว่า จากผลของความสำเร็จจากการดำเนินการกองทุนสุขภาพตำบลตั้งแต่ปี 2549 นั้น เป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า กองทุนสุขภาพตำบลนั้นเป็นกลไกหรือเครื่องมือที่สำคัญของการกระจายอำนาจไปสู่ ท้องถิ่น ให้ท้องถิ่นเป็นผู้จัดบริการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคที่สอดคล้องกับบริบทของท้องถิ่นเอง สอดคล้องกับผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสำนักงานวิจัยเพื่อการพัฒนาหลักประกันสุขภาพไทย (สวปก.) ที่พบว่า กองทุนสุขภาพตำบลช่วยเสริมพลังอำนาจของท้องถิ่นและชุมชนได้ดี ท้องถิ่นและชุมชนเกิดความตื่นตัวด้านสุขภาพ มีการสมทบงบประมาณในกองทุนมากขึ้น องค์กรชุมชนมีบทบาทในการเสนอโครงการเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการลงทุนด้านสาธารณสุขของ อบต./เทศบาลที่มากขึ้น เกิดกิจกรรมเพื่อลดความเสี่ยงและสร้างความตระหนักด้านสุขภาพในท้องถิ่น โดยชุมชนเป็นศูนย์กลาง ภายใต้การสนับสนุนจาก อปท. สปสช. สถานีอนามัย และหน่วยราชการในพื้นที่ นอกจากนั้นยังเกิดความริเริ่มและนวัตกรรมในการดูแลผู้ป่วยขึ้นมากมาย และเกิดเจ้าภาพใหม่ ได้แก่ เทศบาล/อบต. ในการส่งเสริมกิจกรรมการสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค ฟื้นฟูสภาพ นอกจากนั้น ยังเกิดบริการสาธารณะที่ดีขึ้น เช่น รถบริการฉุกเฉิน ส่งต่อผู้ป่วย การออกกำลังกาย การดูแลผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง แม่/เด็ก มีความพยายามที่จะผลักดันเรื่องใหม่ๆ มากกว่าบริบทของสุขภาพ เช่น ต้องการระบบสวัสดิการเมื่อเจ็บป่วยหรือบำนาญเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ เป็นบันไดเรียนรู้และสนับสนุนให้ อปท. พัฒนาการทำงานที่สูงขึ้น เช่น การบริหารจัดบริการสุขภาพชุมชน ซึ่งสอดคล้องกับมติของคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. และคณะอนุกรรมการถ่ายโอนบริการสาธารณสุข ขอบคุณ… http://www.banmuang.co.th/2013/07/สปสช-เผยผลสำเร็จกองทุนส/
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)