จิตแพทย์แนะ 3 แนวทางพัฒนาเด็กออทิสติก
เมื่อวันที่ 16 ก.ค.56 ที่ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร นพ.ชาญวิทย์ พรนภดล จิตแพทย์ เด็กและวัยรุ่นประจำโรงพยาบาลศิริราช กล่าวว่าในการประชุมร่วมองค์กรเด็กออทิสติก กับผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ตนได้เสนอแผนในการดูแลเด็กออทิสติกออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้ คือ 1.แผนระยะสั้น คือการปรับเปลี่ยนทัศนคติของผู้บริหารในโรงเรียน โดยจะต้องมีการปรับปรุงอยู่ตลอดเวลา ปรับวิธีการประเมินโรงเรียนและเพิ่มศักยภาพในความเท่าเทียมกันระหว่างเด็ก ปกติและเด็กออทิสติก มีการพัฒนา ศักยภาพครูโดยการปรับทัศนคติมุมมองที่มีต่อเด็ก ตลอดจนเครื่องมือในการสื่อสารสำหรับสอนเด็กกลุ่มดังกล่าวให้มีคุณภาพ รวมถึงการให้บริการทางการแพทย์อาจจะต้องเพิ่มจิตแพทย์เข้าไปในโรงเรียน เพื่อลดปัญหาความล้าช้าในการให้บริการ 2.ระยะกลาง กทม.เองจะต้องเชื่อมโยงกับทางมหาวิทยาลัยที่มีการเรียนการสอนเกี่ยวกับแพทย์ เฉพาะทางด้านนี้โดยตรง ส่งเสริมกระบวนการในกลุ่มครูและจัดให้มีเวทีสำหรับเด็กกลุ่มนี้ได้แสดงออก รวมทั้งส่งเสริมการวิจัยเพราะตนมองว่าหากไม่มีการวิจัยจะไม่ทำให้เกิดการ พัฒนา และควรจะส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง และ 3.แผนระยะยาว กทม.อาจจะต้องเปิดสถาบันการอบรม หรือผลิตครูที่จะมาสอนเรื่องนี้เองโดยตรง ขยายผลระบบต้นแบบบนพื้นฐานงานวิจัย อย่างไรก็ตาม ตนมองว่า กทม.ควรจะเปิดโลกทัศน์ให้มากกว่านี้ เพราะที่ผ่านมายังขาดความเชื่อมโยงระหว่าง กทม.และผู้ที่ดูแลเด็กออทิสติกอยู่
ASTVผู้จัดการออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 16 ก.ค.56
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
นพ.ชาญวิทย์ พรนภดลเมื่อวันที่ 16 ก.ค.56 ที่ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร นพ.ชาญวิทย์ พรนภดล จิตแพทย์ เด็กและวัยรุ่นประจำโรงพยาบาลศิริราช กล่าวว่าในการประชุมร่วมองค์กรเด็กออทิสติก กับผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ตนได้เสนอแผนในการดูแลเด็กออทิสติกออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้ คือ 1.แผนระยะสั้น คือการปรับเปลี่ยนทัศนคติของผู้บริหารในโรงเรียน โดยจะต้องมีการปรับปรุงอยู่ตลอดเวลา ปรับวิธีการประเมินโรงเรียนและเพิ่มศักยภาพในความเท่าเทียมกันระหว่างเด็ก ปกติและเด็กออทิสติก มีการพัฒนา ศักยภาพครูโดยการปรับทัศนคติมุมมองที่มีต่อเด็ก ตลอดจนเครื่องมือในการสื่อสารสำหรับสอนเด็กกลุ่มดังกล่าวให้มีคุณภาพ รวมถึงการให้บริการทางการแพทย์อาจจะต้องเพิ่มจิตแพทย์เข้าไปในโรงเรียน เพื่อลดปัญหาความล้าช้าในการให้บริการ 2.ระยะกลาง กทม.เองจะต้องเชื่อมโยงกับทางมหาวิทยาลัยที่มีการเรียนการสอนเกี่ยวกับแพทย์ เฉพาะทางด้านนี้โดยตรง ส่งเสริมกระบวนการในกลุ่มครูและจัดให้มีเวทีสำหรับเด็กกลุ่มนี้ได้แสดงออก รวมทั้งส่งเสริมการวิจัยเพราะตนมองว่าหากไม่มีการวิจัยจะไม่ทำให้เกิดการ พัฒนา และควรจะส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง และ 3.แผนระยะยาว กทม.อาจจะต้องเปิดสถาบันการอบรม หรือผลิตครูที่จะมาสอนเรื่องนี้เองโดยตรง ขยายผลระบบต้นแบบบนพื้นฐานงานวิจัย อย่างไรก็ตาม ตนมองว่า กทม.ควรจะเปิดโลกทัศน์ให้มากกว่านี้ เพราะที่ผ่านมายังขาดความเชื่อมโยงระหว่าง กทม.และผู้ที่ดูแลเด็กออทิสติกอยู่ ขอบคุณ … http://manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000087245&Keyword=%cd%cd%b7%d4%ca%b5%d4%a1 ASTVผู้จัดการออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 16 ก.ค.56
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)