ขิง...สมุนไพรแก้ปวดไมเกรน
ช่วยขับเหงื่อ ไล่ความเย็น ขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยให้เจริญอาหาร และทำให้ร่างกายอบอุ่น ในทางยานิยมใช้ขิงแก่ เพราะขิงยิ่งแก่จะยิ่งเผ็ดร้อนและมีใยอาหารมาก ขิงนอกจากจะเป็นพืชสมุนไพรที่มีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อย่างโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต แคลเซียม วิตามินเอ และอีกมากมายแล้วยังมีการศึกษาวิจัยล่าสุดในต่างประเทศ ทำการศึกษาวิจัยในการใช้ขิงรักษาอาการปวดไมเกรนอีกด้วย
โดยทำการศึกษาวิจัยในผู้ป่วยไมเกรน 100 ราย ในแผนกประสาทวิทยา ของโรงพยาบาลในประเทศอิหร่าน ผู้ป่วยทั้งสองกลุ่มมีระยะการเป็นไมเกรนมาประมาณ 7 ปี มีอาการปวดมากกว่า 2 ครั้งต่อเดือน เปรียบเทียบระหว่างการให้แคปซูลขิง 250 มิลลิกรัม กับยาแผนปัจจุบันชื่อ “ซูมาทริปแทน” ขนาด 50 มิลลิกรัม เมื่อมีอาการปวดไมเกรน ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มที่รับประทานขิง อาการปวดไมเกรนลดลงดีเทียบเท่ากับกลุ่มที่รับประทานยาแก้ปวดแผนปัจจุบัน คือ สามารถลดอาการปวดไมเกรนได้ถึง 60% ภายในเวลา 2 ชั่วโมงหลังรับประทานยา และพบว่าแคปซูลขิง มีข้อดีที่เหนือกว่ายาแผนปัจจุบัน คือ ไม่พบอาการข้างเคียงจากการรับประทานยา ในขณะที่ยาซูมาทริปแทน มักทำให้เกิดผลข้างเคียง คือ ง่วงนอน อาการแสบร้อนที่หน้าอก (Heartburn)
การที่ขิงสามารถบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้นั้น น่าจะมาจากการที่ขิงมีฤทธิ์ในการลดกระบวนการอักเสบ ลดอาการปวดในร่างกาย ลดการสร้างสารพรอสตาแกลนดิน (prostiglandins) ที่ทำให้ปวดและอักเสบ ซึ่งยังมีข้อมูลในการใช้ขิงในการบรรเทาอาการปวดข้อมาก่อนหน้านี้ อีกทั้ง ขิงยังมีสรรพคุณในการแก้คลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัว ซึ่งอาการดังกล่าวมักพบว่าเป็นอาการนำก่อนที่จะมีอาการปวดไมเกรน จึงถือได้ว่าขิงเป็นสมุนไพรอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ป่วยไมเกรน และหากใครชื่นชอบการดื่มน้ำขิงอยู่แล้ว ก็สามารถจิบน้ำขิงอุ่นๆ เวลาปวดไมเกรนได้เช่นกัน
นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่มีภาวะเครียด นอนไม่ค่อยหลับ จนเป็นสาเหตุที่ทำให้ปวดไมเกรนบ่อยๆ แนะนำให้ลองรับประทานบัวบก วันละ 2 เม็ดทุกวัน ในมื้อใดก็ได้เป็นประจำ หรือถ้าใครมีต้นบัวบกปลูกอยู่ที่บ้าน จะคั้นน้ำสดวันละ 1 กำมือ หรือประมาณ 7-10 ต้น ดื่มเป็นประจำ จะช่วยลดความกังวล ลดความเครียดและซึมเศร้าได้
สำหรับการศึกษาวิจัยกลไกการออกฤทธิ์บํารุงสมองของบัวบกในระดับเซลล์ พบว่า บัวบกทําให้การหายใจในระดับเซลล์สมองดีขึ้น ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการเสื่อมของเซลล์สมอง คงสภาพปริมาณของสารสื่อประสาทและเสริมฤทธิ์การทํางานของสารสื่อประสาท และยังทําให้หลอดเลือดมีความแข็งแรงสามารถนําเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ได้ดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม การใช้สมุนไพรถือเป็นวิธีธรรมชาติ อาจไม่ได้ผลรวดเร็วเหมือนยาแผนปัจจุบัน แต่ถือได้ว่าเป็นการปรับร่างกายเราให้กลับเข้าสู่สมดุลปกติอีกทางหนึ่ง
ขอบคุณ... http://www.komchadluek.net/detail/20150424/205169.html (ขนาดไฟล์: 167)
(คมชัดลึกออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 24 เม.ย.58)
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
ขิง ช่วยขับเหงื่อ ไล่ความเย็น ขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยให้เจริญอาหาร และทำให้ร่างกายอบอุ่น ในทางยานิยมใช้ขิงแก่ เพราะขิงยิ่งแก่จะยิ่งเผ็ดร้อนและมีใยอาหารมาก ขิงนอกจากจะเป็นพืชสมุนไพรที่มีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อย่างโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต แคลเซียม วิตามินเอ และอีกมากมายแล้วยังมีการศึกษาวิจัยล่าสุดในต่างประเทศ ทำการศึกษาวิจัยในการใช้ขิงรักษาอาการปวดไมเกรนอีกด้วย โดยทำการศึกษาวิจัยในผู้ป่วยไมเกรน 100 ราย ในแผนกประสาทวิทยา ของโรงพยาบาลในประเทศอิหร่าน ผู้ป่วยทั้งสองกลุ่มมีระยะการเป็นไมเกรนมาประมาณ 7 ปี มีอาการปวดมากกว่า 2 ครั้งต่อเดือน เปรียบเทียบระหว่างการให้แคปซูลขิง 250 มิลลิกรัม กับยาแผนปัจจุบันชื่อ “ซูมาทริปแทน” ขนาด 50 มิลลิกรัม เมื่อมีอาการปวดไมเกรน ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มที่รับประทานขิง อาการปวดไมเกรนลดลงดีเทียบเท่ากับกลุ่มที่รับประทานยาแก้ปวดแผนปัจจุบัน คือ สามารถลดอาการปวดไมเกรนได้ถึง 60% ภายในเวลา 2 ชั่วโมงหลังรับประทานยา และพบว่าแคปซูลขิง มีข้อดีที่เหนือกว่ายาแผนปัจจุบัน คือ ไม่พบอาการข้างเคียงจากการรับประทานยา ในขณะที่ยาซูมาทริปแทน มักทำให้เกิดผลข้างเคียง คือ ง่วงนอน อาการแสบร้อนที่หน้าอก (Heartburn) การที่ขิงสามารถบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้นั้น น่าจะมาจากการที่ขิงมีฤทธิ์ในการลดกระบวนการอักเสบ ลดอาการปวดในร่างกาย ลดการสร้างสารพรอสตาแกลนดิน (prostiglandins) ที่ทำให้ปวดและอักเสบ ซึ่งยังมีข้อมูลในการใช้ขิงในการบรรเทาอาการปวดข้อมาก่อนหน้านี้ อีกทั้ง ขิงยังมีสรรพคุณในการแก้คลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัว ซึ่งอาการดังกล่าวมักพบว่าเป็นอาการนำก่อนที่จะมีอาการปวดไมเกรน จึงถือได้ว่าขิงเป็นสมุนไพรอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ป่วยไมเกรน และหากใครชื่นชอบการดื่มน้ำขิงอยู่แล้ว ก็สามารถจิบน้ำขิงอุ่นๆ เวลาปวดไมเกรนได้เช่นกัน นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่มีภาวะเครียด นอนไม่ค่อยหลับ จนเป็นสาเหตุที่ทำให้ปวดไมเกรนบ่อยๆ แนะนำให้ลองรับประทานบัวบก วันละ 2 เม็ดทุกวัน ในมื้อใดก็ได้เป็นประจำ หรือถ้าใครมีต้นบัวบกปลูกอยู่ที่บ้าน จะคั้นน้ำสดวันละ 1 กำมือ หรือประมาณ 7-10 ต้น ดื่มเป็นประจำ จะช่วยลดความกังวล ลดความเครียดและซึมเศร้าได้ สำหรับการศึกษาวิจัยกลไกการออกฤทธิ์บํารุงสมองของบัวบกในระดับเซลล์ พบว่า บัวบกทําให้การหายใจในระดับเซลล์สมองดีขึ้น ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการเสื่อมของเซลล์สมอง คงสภาพปริมาณของสารสื่อประสาทและเสริมฤทธิ์การทํางานของสารสื่อประสาท และยังทําให้หลอดเลือดมีความแข็งแรงสามารถนําเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ได้ดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม การใช้สมุนไพรถือเป็นวิธีธรรมชาติ อาจไม่ได้ผลรวดเร็วเหมือนยาแผนปัจจุบัน แต่ถือได้ว่าเป็นการปรับร่างกายเราให้กลับเข้าสู่สมดุลปกติอีกทางหนึ่ง ขอบคุณ... http://www.komchadluek.net/detail/20150424/205169.html (คมชัดลึกออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 24 เม.ย.58)
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)