ทำสีผมเสี่ยงต่อโรคมะเร็งหนังศีรษะ
คอลัมน์ ดูแลสุขภาพ : เรื่องความสวยความงามกับวัยรุ่นเป็นของคู่กัน โดยเฉพาะแฟชั่นการทำสีผมที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในกลุ่มวัยรุ่น โดยจะสังเกตได้จากการที่ผลิตภัณฑ์ทำสีผมยี่ห้อต่างๆ แข่งกันปรับเปลี่ยนรูปแบบเพื่อออกมาเอาใจลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบน้ำหรือแบบโฟม ที่เห็นผลทันทีหลังการทำสีผม อย่างไรก็ตามแม้ว่าการทำสีผมนั้นจะช่วยเสริมบุคลิกให้ดูดี แต่ก็สามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ทำสีผมได้ โดยเฉพาะโรคมะเร็งหนังศีรษะ โรคภูมิแพ้ หรือแม้แต่โรคผมร่วง ฯลฯ
“การทำสีผมบ่อยๆ นั้นอาจทำให้เส้นผมที่ผ่านสารเคมีนั้นไม่แข็งแรงหลุดร่วงได้ง่าย และยังทำให้เกิดอันตรายต่อใบหน้าหรือระคายเคืองต่อหนังศีรษะส่งผลให้ผิวหนัง เป็นแผลได้ รวมทั้งก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้โรคหนังศีรษะแห้งและที่สำคัญอาจทำให้เป็นโรค มะเร็งหนังศีรษะได้”
๐ เนื่องจากในน้ำยาย้อมผมนั้นประกอบด้วยสารเคมีที่มีฤทธิ์เป็นกรดและด่าง 5 ตัวหลักๆ ด้วยกันเช่น
- สารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ซึ่งเป็นสารฟอกสีผมและฆ่าเชื้อโรค จึงมีฤทธิ์ในการทำลายเส้นผมกัดสีผมและหนังศีรษะ ก่อให้เกิดอาการอักเสบและระคายเคืองต่อหนังศีรษะ ตลอดจนทำให้เส้นผมแห้งเสียได้
- สารฟีนิลินไดอะมี หรือสีย้อมผมชนิดถาวรนั้นเป็นสารเคมีอันตราย เมื่อดูดซึมเข้าสู่หนังศีรษะแล้ว อาจทำให้เกิดอาการระคายเคือง และหากสะสมอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งหนังศีรษะได้
- แอมโมเนีย ซึ่งเป็นตัวช่วยให้สีย้อมผมติดผมนั้น ขณะเดียวกันสารดังกล่าวยังมีฤทธิ์เป็นกรดและด่าง ที่สามารถกัดเส้นผมและหนังศีรษะได้ จึงเป็นต้นเหตุที่ทำให้ผมเสียผมร่วง และทำให้รากผมอ่อนแอลง หรือ
- สารซิลเวอร์ไนเตรต ซึ่งเป็นสารเคมีที่มีคุณสมบัติในการปกปิดผมขาว โดยตัวสารนี้เมื่ออยู่บนหนังศีรษะ จะทำปฏิกิริยากับอากาศแล้วเปลี่ยนให้เส้นผมกลายเป็นสีดำ ซึ่งสารตัวดังกล่าวมีคุณสมบัติที่ทำให้เกิดการระคาย หากเข้าตาอาจทำให้ตาบอดได้ และสารตัวสุดท้ายอย่าง
- เลดอะซีเตด ซึ่งเป็นสารตะกั่วที่ใช้ในครีมปกปิดผมขาว ชนิดที่ไม่ต้องล้างออก เช่นเดียวกับสารซิลเวอร์ไนเตรต และเนื่องจากสารตะกั่วนี้มีคุณสมบัติคล้ายกับสารตะกั่วที่ผสมในน้ำมันในอดีต ดังนั้นหากสะสมในร่างกาย อาจทำลายสมองและประสาทสัมผัสได้ ที่สำคัญสารนี้ยังจัดอยู่ในสารก่อมะเร็งด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามสารเคมีที่ประกอบอยู่ในน้ำยายืดผมและดัดผมนั้น สามารถก่อให้เกิดอันตรายกับหนังศีรษะได้เช่นเดียวกันกับน้ำยาย้อมสีผม เพราะส่วนผสมที่ใช้นั้นจะคล้ายคลึงกัน ประกอบกับการดัดหรือยืดผมนั้นต้องใช้ความร้อนร่วมด้วย จึงทำให้เส้นผมอ่อนแอและเปราะบางลงได้ เช่นเดียวกับการทำสีผมนั่นเอง
ยาย้อมสีผมที่อยู่ในรูปของน้ำกับยาย้อมสีผมที่มีลักษณะเป็นโฟมที่ออกใหม่ล่าสุด และเห็นผลทันทีหลังการทำสีผมนั้น สามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อหนังศีรษะได้เท่าๆ กัน แต่ตัวที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อหนังศีรษะน้อยที่สุดนั้น เป็นน้ำยาย้อมสีผมที่อยู่ในรูปแบบโฟม เนื่องจากมีส่วนประกอบของสารเคมีน้อยกว่าน้ำยาย้อมสีผมที่อยู่ในรูปแบบน้ำ และขั้นตอนในการหมักผมนั้นใช้เวลาน้อยกว่ายาย้อมสีผมรูปแบบเดิมๆ
ดังนั้น การทำเส้นผมผ่านสารเคมีน้อยลง จึงทำให้โอกาสเกิดสารตกค้างบนเส้นผมและหนังศีรษะ น้อยลงกว่ายาย้อมสีผมที่อยู่ในรูปของน้ำนั่นเอง ถึงแม้ว่าการย้อมสีผมนั้นจะ ส่งเสียผลต่อสุขภาพ แต่ก็มีประโยชน์สำหรับผู้ที่มีผมหงอกก่อนวัย หรือผมหงอกเป็นบางบริเวณจากการถูกสัตว์กัดหรือต่อย และยังช่วยปรับบุคลิกให้ดูดีได้ด้วย
สำหรับผู้ที่มีความจำเป็นต้องทำสีผมว่าอันดับแรก ควรเลือกน้ำยาย้อมสีผมที่ไม่มีอันตรายรุนแรง เช่น ไม่มีส่วนผสมของเกลือ หรือสารเคมีที่อันตรายอย่างสารตะกั่ว และปรอทเป็นส่วนประกอบหลัก และควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากได้รับการอนุญาตจาก อย. (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) หรือควรเลือกซื้อตามร้านจำหน่ายที่สะอาดและปลอดภัยไว้ใจได้ และที่สำคัญไม่ควรย้อมสีผมบ่อยเกินปีละ 9 ครั้ง เพราะมีการวิจัยแล้วว่าอาจทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ ส่วนผู้ที่ไม่แนะนำให้ทำสีผมนั้น เป็นกลุ่มของผู้หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ หรือผู้ที่เป็นมะเร็งอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงหรือทำสีผมให้น้อยที่สุด เพราะจะส่งผลดีต่อสุขภาพเส้นผม และที่สำคัญควรดูแลเส้นผมไปพร้อมๆ กับการบำรุงจึงจะดีที่สุด เพราะวิธีนี้จะช่วยให้เส้นผมอยู่คู่กับหนังศีรษะของเราได้ตลอดไป เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว เราควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยต่อหนังศีรษะให้มากที่สุดแล้วใช่ไหม?
นพ.สุวินัย บุษราคัมวงษ์ แพทย์สาขาอายุรกรรม แผนกประกันสังคม รพ.กล้วยน้ำไท 1
ขอบคุณ... http://www.komchadluek.net/detail/20150518/206442.html (ขนาดไฟล์: 167)
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
หญิงสาวทำสีผม คอลัมน์ ดูแลสุขภาพ : เรื่องความสวยความงามกับวัยรุ่นเป็นของคู่กัน โดยเฉพาะแฟชั่นการทำสีผมที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในกลุ่มวัยรุ่น โดยจะสังเกตได้จากการที่ผลิตภัณฑ์ทำสีผมยี่ห้อต่างๆ แข่งกันปรับเปลี่ยนรูปแบบเพื่อออกมาเอาใจลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบน้ำหรือแบบโฟม ที่เห็นผลทันทีหลังการทำสีผม อย่างไรก็ตามแม้ว่าการทำสีผมนั้นจะช่วยเสริมบุคลิกให้ดูดี แต่ก็สามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ทำสีผมได้ โดยเฉพาะโรคมะเร็งหนังศีรษะ โรคภูมิแพ้ หรือแม้แต่โรคผมร่วง ฯลฯ “การทำสีผมบ่อยๆ นั้นอาจทำให้เส้นผมที่ผ่านสารเคมีนั้นไม่แข็งแรงหลุดร่วงได้ง่าย และยังทำให้เกิดอันตรายต่อใบหน้าหรือระคายเคืองต่อหนังศีรษะส่งผลให้ผิวหนัง เป็นแผลได้ รวมทั้งก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้โรคหนังศีรษะแห้งและที่สำคัญอาจทำให้เป็นโรค มะเร็งหนังศีรษะได้” ๐ เนื่องจากในน้ำยาย้อมผมนั้นประกอบด้วยสารเคมีที่มีฤทธิ์เป็นกรดและด่าง 5 ตัวหลักๆ ด้วยกันเช่น - สารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ซึ่งเป็นสารฟอกสีผมและฆ่าเชื้อโรค จึงมีฤทธิ์ในการทำลายเส้นผมกัดสีผมและหนังศีรษะ ก่อให้เกิดอาการอักเสบและระคายเคืองต่อหนังศีรษะ ตลอดจนทำให้เส้นผมแห้งเสียได้ - สารฟีนิลินไดอะมี หรือสีย้อมผมชนิดถาวรนั้นเป็นสารเคมีอันตราย เมื่อดูดซึมเข้าสู่หนังศีรษะแล้ว อาจทำให้เกิดอาการระคายเคือง และหากสะสมอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งหนังศีรษะได้ - แอมโมเนีย ซึ่งเป็นตัวช่วยให้สีย้อมผมติดผมนั้น ขณะเดียวกันสารดังกล่าวยังมีฤทธิ์เป็นกรดและด่าง ที่สามารถกัดเส้นผมและหนังศีรษะได้ จึงเป็นต้นเหตุที่ทำให้ผมเสียผมร่วง และทำให้รากผมอ่อนแอลง หรือ - สารซิลเวอร์ไนเตรต ซึ่งเป็นสารเคมีที่มีคุณสมบัติในการปกปิดผมขาว โดยตัวสารนี้เมื่ออยู่บนหนังศีรษะ จะทำปฏิกิริยากับอากาศแล้วเปลี่ยนให้เส้นผมกลายเป็นสีดำ ซึ่งสารตัวดังกล่าวมีคุณสมบัติที่ทำให้เกิดการระคาย หากเข้าตาอาจทำให้ตาบอดได้ และสารตัวสุดท้ายอย่าง - เลดอะซีเตด ซึ่งเป็นสารตะกั่วที่ใช้ในครีมปกปิดผมขาว ชนิดที่ไม่ต้องล้างออก เช่นเดียวกับสารซิลเวอร์ไนเตรต และเนื่องจากสารตะกั่วนี้มีคุณสมบัติคล้ายกับสารตะกั่วที่ผสมในน้ำมันในอดีต ดังนั้นหากสะสมในร่างกาย อาจทำลายสมองและประสาทสัมผัสได้ ที่สำคัญสารนี้ยังจัดอยู่ในสารก่อมะเร็งด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามสารเคมีที่ประกอบอยู่ในน้ำยายืดผมและดัดผมนั้น สามารถก่อให้เกิดอันตรายกับหนังศีรษะได้เช่นเดียวกันกับน้ำยาย้อมสีผม เพราะส่วนผสมที่ใช้นั้นจะคล้ายคลึงกัน ประกอบกับการดัดหรือยืดผมนั้นต้องใช้ความร้อนร่วมด้วย จึงทำให้เส้นผมอ่อนแอและเปราะบางลงได้ เช่นเดียวกับการทำสีผมนั่นเอง ยาย้อมสีผมที่อยู่ในรูปของน้ำกับยาย้อมสีผมที่มีลักษณะเป็นโฟมที่ออกใหม่ล่าสุด และเห็นผลทันทีหลังการทำสีผมนั้น สามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อหนังศีรษะได้เท่าๆ กัน แต่ตัวที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อหนังศีรษะน้อยที่สุดนั้น เป็นน้ำยาย้อมสีผมที่อยู่ในรูปแบบโฟม เนื่องจากมีส่วนประกอบของสารเคมีน้อยกว่าน้ำยาย้อมสีผมที่อยู่ในรูปแบบน้ำ และขั้นตอนในการหมักผมนั้นใช้เวลาน้อยกว่ายาย้อมสีผมรูปแบบเดิมๆ ดังนั้น การทำเส้นผมผ่านสารเคมีน้อยลง จึงทำให้โอกาสเกิดสารตกค้างบนเส้นผมและหนังศีรษะ น้อยลงกว่ายาย้อมสีผมที่อยู่ในรูปของน้ำนั่นเอง ถึงแม้ว่าการย้อมสีผมนั้นจะ ส่งเสียผลต่อสุขภาพ แต่ก็มีประโยชน์สำหรับผู้ที่มีผมหงอกก่อนวัย หรือผมหงอกเป็นบางบริเวณจากการถูกสัตว์กัดหรือต่อย และยังช่วยปรับบุคลิกให้ดูดีได้ด้วย สำหรับผู้ที่มีความจำเป็นต้องทำสีผมว่าอันดับแรก ควรเลือกน้ำยาย้อมสีผมที่ไม่มีอันตรายรุนแรง เช่น ไม่มีส่วนผสมของเกลือ หรือสารเคมีที่อันตรายอย่างสารตะกั่ว และปรอทเป็นส่วนประกอบหลัก และควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากได้รับการอนุญาตจาก อย. (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) หรือควรเลือกซื้อตามร้านจำหน่ายที่สะอาดและปลอดภัยไว้ใจได้ และที่สำคัญไม่ควรย้อมสีผมบ่อยเกินปีละ 9 ครั้ง เพราะมีการวิจัยแล้วว่าอาจทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ ส่วนผู้ที่ไม่แนะนำให้ทำสีผมนั้น เป็นกลุ่มของผู้หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ หรือผู้ที่เป็นมะเร็งอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงหรือทำสีผมให้น้อยที่สุด เพราะจะส่งผลดีต่อสุขภาพเส้นผม และที่สำคัญควรดูแลเส้นผมไปพร้อมๆ กับการบำรุงจึงจะดีที่สุด เพราะวิธีนี้จะช่วยให้เส้นผมอยู่คู่กับหนังศีรษะของเราได้ตลอดไป เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว เราควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยต่อหนังศีรษะให้มากที่สุดแล้วใช่ไหม? นพ.สุวินัย บุษราคัมวงษ์ แพทย์สาขาอายุรกรรม แผนกประกันสังคม รพ.กล้วยน้ำไท 1 ขอบคุณ... http://www.komchadluek.net/detail/20150518/206442.html
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)