แก้ไข ‘โครงกระดูกใบหน้า’ ไม่ต้องผ่าตัด ช่วยรักษาความพิการ-เสริมความงาม
“ใบหน้า” เป็นส่วนสำคัญของมนุษย์ นอกจากความสวยงามชวนมองแล้ว ยังเป็นจุดที่สามารถกำหนดความสำเร็จได้โดยอาศัยศาสตร์การดูโหงวเฮ้ง เราจึงนิยมปรับตกแต่งอวัยวะบนใบหน้ากัน ไม่ว่าจะเป็นหน้าผาก แก้มทั้งสองข้าง จมูก ปาก ตา ด้วยวิธีผ่าตัด ซึ่งแน่นอนว่าการผ่าตัดมักเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงมากกว่าการไม่ผ่าตัด ดังนั้นจึงมีนวัตกรรมความงามที่ช่วยแก้ไขกระดูกใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัดขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงต่างๆที่อาจเกิดขึ้นได้“
โดย นายแพทย์พุฒิพงศ์ ภูมิสุวรรณ ผู้อำนวยการ AIC ศูนย์นวัตกรรมความงามกรุงเทพ และผู้อำนวยการนานาชาติสมาคมแพทย์เกาหลีเพื่อศัลยกรรมความงามและเลเซอร์ ให้ความรู้ว่า การผ่าตัดแก้ไขกระดูกใบหน้าเป็นวิธีดั้งเดิมที่เราใช้กันมานานแล้ว แต่ปัจจุบันมีนวัตกรรมใหม่ ๆ เกิดขึ้นโดยไม่ต้องใช้วิธีผ่าตัดนั่นคือการพัฒนาการฉีดฟิลเลอร์เพื่อแก้ไขโครงของใบหน้า จากการฉีดฟิลเลอร์ที่ชั้นผิวเพื่อเติมเต็มร่องแก้ม ร่องใต้ตาและร่องต่าง ๆ บนใบหน้าก็พัฒนามาฉีดลงลึกถึงชั้นกระดูก เพื่อแก้ไขโครงกระดูกหน้าให้สวยงามและรักษาความพิการของกระดูกใบหน้าจากอุบัติเหตุด้วย
การฉีดฟิลเลอร์ลงลึกถึงกระดูกอาจเสี่ยงต่อการถูกเส้นเลือดขนาดใหญ่ จึงควรใช้เข็มปลายทู่เป็นอุปกรณ์ช่วยฉีด เราจึงได้มีการพัฒนาเทคนิคการฉีดใหม่ ๆ ขึ้นมา เพื่อให้ผลการรักษาอยู่ได้นานขึ้น โดยการใช้เข็มปลายทู่และเข็มคมในการฉีดแต่งโครงกระดูกเพื่อช่วยในการปรับแต่งโครงหน้าใหม่ ที่เรียกว่า “ฟิลเลอร์สัมผัสกระดูก” ซึ่งวิธีนี้คล้ายกับผลงานวิจัยของแพทย์ชาวญี่ปุ่นที่เน้นเพื่อการแก้ไขความพิการของกระดูกใบหน้าจากอุบัติเหตุด้วย
จากผลงานวิจัยของ Dr.Kotaro Yoshimura และทีมศัลยแพทย์ตกแต่งชาวญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยโตเกียว ได้ทำการศึกษาในคนญี่ปุ่น 63 คน โดย 51 คนฉีดรักษาเพื่อความงาม อีก 12 คนฉีดรักษาความผิดปกติของโครงกระดูกหน้า จากนั้นติดตามผลการรักษานาน 12-93 เดือนซึ่งการรักษาใช้วิธีฉีดฟิลเลอร์ชนิด HA ลงไปบนกระดูกโดยฉีดลงไปบนหรือใต้เยื่อหุ้มกระดูก และติดตามผลการรักษาโดยการทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (MRI) เพื่อตรวจดูว่ายาที่ฉีดลงไปเป็นอย่างไร โดยปกติการฉีดฟิลเลอร์ HA ลงไปที่ชั้นผิวหนังหรือชั้นไขมันใต้ผิวหนังนั้นสารฟิลเลอร์มักจะสลายตัวหมดภายใน 10-12 เดือนเท่านั้น แต่จากผลการรักษานี้กลับพบว่าหลังจากรักษาไปแล้วยังมีปริมาตรเหลืออยู่มากกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ จึงสันนิษฐานว่าปริมาตรที่เหลืออยู่เกิดจากการสร้างเนื้อเยื่อใหม่รวมถึงการสร้างกระดูกใหม่ขึ้นมาบางส่วนด้วย“
„วิธีการแก้ไขโครงกระดูกใบหน้ามี 2 รูปแบบ คือ การฉีดฟิลเลอร์ลงไปใต้เยื่อหุ้มกระดูกเพื่อไปกระตุ้นการสร้างกระดูกจากข้างใต้เยื่อหุ้มที่คลุมตัวกระดูกไว้ และการฉีดลงไปบนเยื่อหุ้มกระดูก ทำให้เกิดการกระตุ้นเนื้อเยื่อที่อยู่รอบ ๆ อนุภาคของ HA มีการกระตุ้นเซลล์ต้นกำเนิดของเยื่อหุ้มกระดูก (Periosteal stem cell) และเหนี่ยวนำให้มีการสร้างเนื้อเยื่อใหม่รวมทั้งทำให้มีการเกาะของแคลเซียมบริเวณนี้ด้วย“
„ในอดีตเราไม่นิยมใช้ฟิลเลอร์ HA ในการเติมเต็มในส่วนที่ขาดของใบหน้าเนื่องจากพบว่ามีการสลายตัวเร็ว จึงทำให้นิยมไปฉีดไขมันแทน หรือหากมีการยุบตัวของกระดูกจากอุบัติเหตุ เช่น หน้าผากยุบก็นิยมรักษาเป็นแบบวิธี Bone Graft หรือการผ่าตัดนำกระดูกจากส่วนอื่น ๆ ของร่างกายมาแปะเสริมนั่นเอง ซึ่งการรักษาแบบฉีดไขมันและ Bone Graft นั้นจะมีการบาดเจ็บมากและต้องพักฟื้นนาน การรักษาแบบใหม่จึงถือว่ามีประโยชน์มากสำหรับผู้ที่มีความผิดปกติของโครงกระดูกใบหน้าไม่มากเพราะทำให้ไม่ต้องผ่าตัด“
„นอกจากนี้ยังสามารถใช้รักษาปัญหาใต้ตาโดยไม่ต้องผ่าตัดได้อีกด้วย เพราะในอดีตการรักษาปัญหาใต้ดวงตาถือเป็นการรักษาที่ยากและใช้วิธีการผ่าตัดรักษาเป็นหลัก ซึ่งปัญหาใต้ดวงตาสามารถพบได้ทุกเพศเริ่มตั้งแต่อายุ 30 ปี เริ่มจากการยุบตัวของกระดูกเบ้าตาล่าง และเนื้อเยื่อใต้ตา ทำให้ไม่มีตัวค้ำยัน ใต้ตาจึงเกิดการยุบเห็นเป็นร่องใต้ตา พอเป็นมากเข้าก็ดึงเอาถุงไขมันใต้ลูกตาปลิ้นออกมากลายเป็นถุงใต้ตา หรือในผู้ป่วยบางรายกล้ามเนื้อรอบดวงตาในส่วนที่ปิดเบ้าตาบางผิดปกติทำให้ไม่สามารถปิดกั้นถุงไขมันไม่ให้ออกมาได้“
„สำหรับแนวทางการรักษาสามารถแบ่งได้ 2 แบบ คือการผ่าตัดและไม่ผ่าตัด ซึ่งการผ่าตัดเป็นวิธีที่นิยมกันในอดีตแต่มีผลข้างเคียงมากมายทั้งรอยแผลเป็น ปัญหาใต้ตาแหกอ้าหลังผ่าตัด เป็นต้น ส่วนการรักษาแบบไม่ผ่าตัดมีหลายวิธีล่าสุดมีเทคนิคใหม่เรียกว่า “Virgin Eyes Lift” เป็นการฉีดฟิลเลอร์ลึกไปที่กระดูกขอบเบ้าตา ซึ่งการแก้ถุงใต้ตาจำเป็นต้องใช้ฟิลเลอร์ HA ที่มีคุณสมบัติในการค้ำยันเพื่อสามารถรองรับเนื้อเยื่อที่หย่อนคล้อยใต้ตา เทคนิคนี้จึงต้องใช้เข็มปลายทู่เป็นตัวช่วยฉีดฟิลเลอร์ HA นี้ ลงไปที่กระดูกและดันถุงกลับเข้าไป การใช้ฟิลเลอร์ฉีดเข้าไปเหมือนปักหมุดหรือเหมือนฉีดยึดไปที่กระดูกต้องใช้เข็มยาวมากและทู่จึงจะปลอดภัยไม่ทิ่มแทงถูกเส้นเลือดให้เป็นอันตราย เทคนิคนี้มีประโยชน์อย่างมาก เพราะช่วยให้คนไข้ที่จำเป็นต้องรับการผ่าตัดถุงใต้ตาไม่ต้องผ่าตัดส่งผลให้ลดโอกาสเสี่ยงกับผลข้างเคียงจากการผ่าตัดที่จะตามมา“
„ไม่ว่าเทคโนโลยีต่าง ๆ จะมีการพัฒนาไปดีแค่ไหน การดูแลสุขภาพร่างกายให้ดีห่างไกลจากโรคภัยต่าง ๆ ย่อมเป็นผลดีมากที่สุดอยู่แล้ว แต่หากจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาควรพิจารณาเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม นวัตกรรมทางการแพทย์ใหม่ ๆ อย่างเช่นการฉีดฟิลเลอร์ลงไปที่กระดูกช่วยให้คนไข้มีทางเลือกใหม่ของการรักษาที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดผลข้างเคียงต่างๆได้.
ชญานิษฐ คงเดชศักดา“
ขอบคุณ... http://www.dailynews.co.th/article/324696 (ขนาดไฟล์: 167)
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
หญิงสาวปรับแก้รูปหน้า “ใบหน้า” เป็นส่วนสำคัญของมนุษย์ นอกจากความสวยงามชวนมองแล้ว ยังเป็นจุดที่สามารถกำหนดความสำเร็จได้โดยอาศัยศาสตร์การดูโหงวเฮ้ง เราจึงนิยมปรับตกแต่งอวัยวะบนใบหน้ากัน ไม่ว่าจะเป็นหน้าผาก แก้มทั้งสองข้าง จมูก ปาก ตา ด้วยวิธีผ่าตัด ซึ่งแน่นอนว่าการผ่าตัดมักเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงมากกว่าการไม่ผ่าตัด ดังนั้นจึงมีนวัตกรรมความงามที่ช่วยแก้ไขกระดูกใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัดขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงต่างๆที่อาจเกิดขึ้นได้“ โดย นายแพทย์พุฒิพงศ์ ภูมิสุวรรณ ผู้อำนวยการ AIC ศูนย์นวัตกรรมความงามกรุงเทพ และผู้อำนวยการนานาชาติสมาคมแพทย์เกาหลีเพื่อศัลยกรรมความงามและเลเซอร์ ให้ความรู้ว่า การผ่าตัดแก้ไขกระดูกใบหน้าเป็นวิธีดั้งเดิมที่เราใช้กันมานานแล้ว แต่ปัจจุบันมีนวัตกรรมใหม่ ๆ เกิดขึ้นโดยไม่ต้องใช้วิธีผ่าตัดนั่นคือการพัฒนาการฉีดฟิลเลอร์เพื่อแก้ไขโครงของใบหน้า จากการฉีดฟิลเลอร์ที่ชั้นผิวเพื่อเติมเต็มร่องแก้ม ร่องใต้ตาและร่องต่าง ๆ บนใบหน้าก็พัฒนามาฉีดลงลึกถึงชั้นกระดูก เพื่อแก้ไขโครงกระดูกหน้าให้สวยงามและรักษาความพิการของกระดูกใบหน้าจากอุบัติเหตุด้วย การฉีดฟิลเลอร์ลงลึกถึงกระดูกอาจเสี่ยงต่อการถูกเส้นเลือดขนาดใหญ่ จึงควรใช้เข็มปลายทู่เป็นอุปกรณ์ช่วยฉีด เราจึงได้มีการพัฒนาเทคนิคการฉีดใหม่ ๆ ขึ้นมา เพื่อให้ผลการรักษาอยู่ได้นานขึ้น โดยการใช้เข็มปลายทู่และเข็มคมในการฉีดแต่งโครงกระดูกเพื่อช่วยในการปรับแต่งโครงหน้าใหม่ ที่เรียกว่า “ฟิลเลอร์สัมผัสกระดูก” ซึ่งวิธีนี้คล้ายกับผลงานวิจัยของแพทย์ชาวญี่ปุ่นที่เน้นเพื่อการแก้ไขความพิการของกระดูกใบหน้าจากอุบัติเหตุด้วย นายแพทย์พุฒิพงศ์ ภูมิสุวรรณ ผู้อำนวยการ AIC ศูนย์นวัตกรรมความงามกรุงเทพ และผู้อำนวยการนานาชาติสมาคมแพทย์เกาหลีเพื่อศัลยกรรมความงามและเลเซอร์ จากผลงานวิจัยของ Dr.Kotaro Yoshimura และทีมศัลยแพทย์ตกแต่งชาวญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยโตเกียว ได้ทำการศึกษาในคนญี่ปุ่น 63 คน โดย 51 คนฉีดรักษาเพื่อความงาม อีก 12 คนฉีดรักษาความผิดปกติของโครงกระดูกหน้า จากนั้นติดตามผลการรักษานาน 12-93 เดือนซึ่งการรักษาใช้วิธีฉีดฟิลเลอร์ชนิด HA ลงไปบนกระดูกโดยฉีดลงไปบนหรือใต้เยื่อหุ้มกระดูก และติดตามผลการรักษาโดยการทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (MRI) เพื่อตรวจดูว่ายาที่ฉีดลงไปเป็นอย่างไร โดยปกติการฉีดฟิลเลอร์ HA ลงไปที่ชั้นผิวหนังหรือชั้นไขมันใต้ผิวหนังนั้นสารฟิลเลอร์มักจะสลายตัวหมดภายใน 10-12 เดือนเท่านั้น แต่จากผลการรักษานี้กลับพบว่าหลังจากรักษาไปแล้วยังมีปริมาตรเหลืออยู่มากกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ จึงสันนิษฐานว่าปริมาตรที่เหลืออยู่เกิดจากการสร้างเนื้อเยื่อใหม่รวมถึงการสร้างกระดูกใหม่ขึ้นมาบางส่วนด้วย“ „วิธีการแก้ไขโครงกระดูกใบหน้ามี 2 รูปแบบ คือ การฉีดฟิลเลอร์ลงไปใต้เยื่อหุ้มกระดูกเพื่อไปกระตุ้นการสร้างกระดูกจากข้างใต้เยื่อหุ้มที่คลุมตัวกระดูกไว้ และการฉีดลงไปบนเยื่อหุ้มกระดูก ทำให้เกิดการกระตุ้นเนื้อเยื่อที่อยู่รอบ ๆ อนุภาคของ HA มีการกระตุ้นเซลล์ต้นกำเนิดของเยื่อหุ้มกระดูก (Periosteal stem cell) และเหนี่ยวนำให้มีการสร้างเนื้อเยื่อใหม่รวมทั้งทำให้มีการเกาะของแคลเซียมบริเวณนี้ด้วย“ „ในอดีตเราไม่นิยมใช้ฟิลเลอร์ HA ในการเติมเต็มในส่วนที่ขาดของใบหน้าเนื่องจากพบว่ามีการสลายตัวเร็ว จึงทำให้นิยมไปฉีดไขมันแทน หรือหากมีการยุบตัวของกระดูกจากอุบัติเหตุ เช่น หน้าผากยุบก็นิยมรักษาเป็นแบบวิธี Bone Graft หรือการผ่าตัดนำกระดูกจากส่วนอื่น ๆ ของร่างกายมาแปะเสริมนั่นเอง ซึ่งการรักษาแบบฉีดไขมันและ Bone Graft นั้นจะมีการบาดเจ็บมากและต้องพักฟื้นนาน การรักษาแบบใหม่จึงถือว่ามีประโยชน์มากสำหรับผู้ที่มีความผิดปกติของโครงกระดูกใบหน้าไม่มากเพราะทำให้ไม่ต้องผ่าตัด“ „นอกจากนี้ยังสามารถใช้รักษาปัญหาใต้ตาโดยไม่ต้องผ่าตัดได้อีกด้วย เพราะในอดีตการรักษาปัญหาใต้ดวงตาถือเป็นการรักษาที่ยากและใช้วิธีการผ่าตัดรักษาเป็นหลัก ซึ่งปัญหาใต้ดวงตาสามารถพบได้ทุกเพศเริ่มตั้งแต่อายุ 30 ปี เริ่มจากการยุบตัวของกระดูกเบ้าตาล่าง และเนื้อเยื่อใต้ตา ทำให้ไม่มีตัวค้ำยัน ใต้ตาจึงเกิดการยุบเห็นเป็นร่องใต้ตา พอเป็นมากเข้าก็ดึงเอาถุงไขมันใต้ลูกตาปลิ้นออกมากลายเป็นถุงใต้ตา หรือในผู้ป่วยบางรายกล้ามเนื้อรอบดวงตาในส่วนที่ปิดเบ้าตาบางผิดปกติทำให้ไม่สามารถปิดกั้นถุงไขมันไม่ให้ออกมาได้“ แก้ไข ‘โครงกระดูกใบหน้า’ ไม่ต้องผ่าตัด „สำหรับแนวทางการรักษาสามารถแบ่งได้ 2 แบบ คือการผ่าตัดและไม่ผ่าตัด ซึ่งการผ่าตัดเป็นวิธีที่นิยมกันในอดีตแต่มีผลข้างเคียงมากมายทั้งรอยแผลเป็น ปัญหาใต้ตาแหกอ้าหลังผ่าตัด เป็นต้น ส่วนการรักษาแบบไม่ผ่าตัดมีหลายวิธีล่าสุดมีเทคนิคใหม่เรียกว่า “Virgin Eyes Lift” เป็นการฉีดฟิลเลอร์ลึกไปที่กระดูกขอบเบ้าตา ซึ่งการแก้ถุงใต้ตาจำเป็นต้องใช้ฟิลเลอร์ HA ที่มีคุณสมบัติในการค้ำยันเพื่อสามารถรองรับเนื้อเยื่อที่หย่อนคล้อยใต้ตา เทคนิคนี้จึงต้องใช้เข็มปลายทู่เป็นตัวช่วยฉีดฟิลเลอร์ HA นี้ ลงไปที่กระดูกและดันถุงกลับเข้าไป การใช้ฟิลเลอร์ฉีดเข้าไปเหมือนปักหมุดหรือเหมือนฉีดยึดไปที่กระดูกต้องใช้เข็มยาวมากและทู่จึงจะปลอดภัยไม่ทิ่มแทงถูกเส้นเลือดให้เป็นอันตราย เทคนิคนี้มีประโยชน์อย่างมาก เพราะช่วยให้คนไข้ที่จำเป็นต้องรับการผ่าตัดถุงใต้ตาไม่ต้องผ่าตัดส่งผลให้ลดโอกาสเสี่ยงกับผลข้างเคียงจากการผ่าตัดที่จะตามมา“ „ไม่ว่าเทคโนโลยีต่าง ๆ จะมีการพัฒนาไปดีแค่ไหน การดูแลสุขภาพร่างกายให้ดีห่างไกลจากโรคภัยต่าง ๆ ย่อมเป็นผลดีมากที่สุดอยู่แล้ว แต่หากจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาควรพิจารณาเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม นวัตกรรมทางการแพทย์ใหม่ ๆ อย่างเช่นการฉีดฟิลเลอร์ลงไปที่กระดูกช่วยให้คนไข้มีทางเลือกใหม่ของการรักษาที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดผลข้างเคียงต่างๆได้. ชญานิษฐ คงเดชศักดา“ ขอบคุณ... http://www.dailynews.co.th/article/324696
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)