รัสเซียสั่งเข้ม! หลังไวรัส ‘ไข้หวัดหมู’ หวนระบาดอีกครั้ง
ไวรัสไข้หวัดหมู ระบาดหนักอีกในรัสเซีย ทำคนเสียชีวิตแล้ว 17 ราย แนะดูแลสุขภาพ ทานเนื้อหมูที่ปรุงสุกป้องกันโรค สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า ทางการของรัสเซียได้มีคำสั่งเข้มให้เฝ้าระวังในหลายพื้นที่ ภายหลังโรคไข้หวัดหมู (H1N1) ได้กลับมาระบาดอีกครั้ง หลังจากที่เคยระบาดไปก่อนหน้านี้ ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตแล้ว 17 ราย
โดยนางมาเรีย คิตาริชวิลี โฆษกสำนักงานสาธารณสุขนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เผยว่าตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาไวรัสตัวนี้เริ่มขยายพื้นที่แพร่กระจายในรัสเซีย ก่อนจะลามไปยังเมืองต่างๆ อย่างรวดเร็ว ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดจึงได้มีคำสั่งออกมาตรการให้คุมเข้มดังกล่าว
สำหรับไวรัสไข้หวัดหมู หรือ H1N1 เคยระบาดครั้งใหญ่จนองค์การอนามัยโลกต้องประเทศเตือนภัยโรคระบาดเมื่อเดือน มิ.ย. 2009 โดยปรากฏครั้งแรกในเม็กซิโก และสหรัฐฯ ก่อนจะทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 18,500 รายใน 214 ประเทศทั่วโลก โดยโรคไข้หวัดหมู หรือ Swine influenza เป็นไข้หวัดใหญ่ ชนิดเอ ตามปกติมีการระบาดในหมูเท่านั้น แต่ในระยะเวลาที่ผ่านมาเชื้อกลับมีวิวัฒนาการจนแพร่สู่คน
การติดต่อเหมือนกับโรคไข้หวัดใหญ่ในคนทั่วไป โดยเชื้อโรคจะอยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย และสามารถแพร่กระจายไปยังผู้อื่นด้วยการไอ หรือจามรดกันในระยะใกล้ชิด รวมทั้งติดต่อกันทางลมหายใจ หากอยู่ใกล้ชิดผู้ติดเชื่อ และสามารถติดต่อได้จากมือ หรือสิ่งของที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ ทั้งนี้เชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกายทางจมูกและตา เช่น การแคะจมูก การขยี้ตา
และเมื่อเชื้อไข้หวัดหมูเข้าสู่ร่างกายจะมีระยะฟักตัวประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนจะปรากฎอาการที่คล้ายกับผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ธรรมดา แต่มีอาการรุนแรงกว่า และรวดเร็วกว่า นั่นคือ มีไข้สูงราว 38 องศาเซลเซียส ปวดเมื่อยตามร่างกาย ตามข้อ ไอ มีน้ำมูก มีเสมหะ ปอดบวม เบื่่ออาหาร บางรายอาจท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน
จากนั้นเชื้อจะแพร่เข้าสู่กระแสโลหิต จึงทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ผู้ป่วยจะมีการทรงตัวผิดปกติ เดินเอนไปเอนมาเหมือนคนเมาสุรา นอกจากนี้อาจสูญเสียการได้ยินจนถึงขั้นหูหนวกได้ และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
ส่วนวิธีการป้อกันนั้น การรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ โดยการออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อีกทั้งควรหลีกเลี่ยงการไปในที่ชุมชน หรือสถานที่แออัด และล้างมือบ่อยๆ ขณะที่การรับประทานเนื้อหมูนั้นควรปรุงให้สุกในอุณหภูมิตั้งแต่ 70 องศาเข้าไป เพื่อความมั่นใจ แม้ว่าเชื้อดังกล่าวจะไม่ติดต่อจากการรับประทานเนื้อหมูก็ตาม
ขอบคุณ... http://news.mthai.com/hot-news/world-news/476940.html
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
แพทย์กำลังใช้เข็มฉีดจากขวดวัคซีน ไวรัสไข้หวัดหมู ระบาดหนักอีกในรัสเซีย ทำคนเสียชีวิตแล้ว 17 ราย แนะดูแลสุขภาพ ทานเนื้อหมูที่ปรุงสุกป้องกันโรค สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า ทางการของรัสเซียได้มีคำสั่งเข้มให้เฝ้าระวังในหลายพื้นที่ ภายหลังโรคไข้หวัดหมู (H1N1) ได้กลับมาระบาดอีกครั้ง หลังจากที่เคยระบาดไปก่อนหน้านี้ ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตแล้ว 17 ราย โดยนางมาเรีย คิตาริชวิลี โฆษกสำนักงานสาธารณสุขนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เผยว่าตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาไวรัสตัวนี้เริ่มขยายพื้นที่แพร่กระจายในรัสเซีย ก่อนจะลามไปยังเมืองต่างๆ อย่างรวดเร็ว ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดจึงได้มีคำสั่งออกมาตรการให้คุมเข้มดังกล่าว สำหรับไวรัสไข้หวัดหมู หรือ H1N1 เคยระบาดครั้งใหญ่จนองค์การอนามัยโลกต้องประเทศเตือนภัยโรคระบาดเมื่อเดือน มิ.ย. 2009 โดยปรากฏครั้งแรกในเม็กซิโก และสหรัฐฯ ก่อนจะทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 18,500 รายใน 214 ประเทศทั่วโลก โดยโรคไข้หวัดหมู หรือ Swine influenza เป็นไข้หวัดใหญ่ ชนิดเอ ตามปกติมีการระบาดในหมูเท่านั้น แต่ในระยะเวลาที่ผ่านมาเชื้อกลับมีวิวัฒนาการจนแพร่สู่คน การติดต่อเหมือนกับโรคไข้หวัดใหญ่ในคนทั่วไป โดยเชื้อโรคจะอยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย และสามารถแพร่กระจายไปยังผู้อื่นด้วยการไอ หรือจามรดกันในระยะใกล้ชิด รวมทั้งติดต่อกันทางลมหายใจ หากอยู่ใกล้ชิดผู้ติดเชื่อ และสามารถติดต่อได้จากมือ หรือสิ่งของที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ ทั้งนี้เชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกายทางจมูกและตา เช่น การแคะจมูก การขยี้ตา และเมื่อเชื้อไข้หวัดหมูเข้าสู่ร่างกายจะมีระยะฟักตัวประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนจะปรากฎอาการที่คล้ายกับผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ธรรมดา แต่มีอาการรุนแรงกว่า และรวดเร็วกว่า นั่นคือ มีไข้สูงราว 38 องศาเซลเซียส ปวดเมื่อยตามร่างกาย ตามข้อ ไอ มีน้ำมูก มีเสมหะ ปอดบวม เบื่่ออาหาร บางรายอาจท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน จากนั้นเชื้อจะแพร่เข้าสู่กระแสโลหิต จึงทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ผู้ป่วยจะมีการทรงตัวผิดปกติ เดินเอนไปเอนมาเหมือนคนเมาสุรา นอกจากนี้อาจสูญเสียการได้ยินจนถึงขั้นหูหนวกได้ และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ส่วนวิธีการป้อกันนั้น การรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ โดยการออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อีกทั้งควรหลีกเลี่ยงการไปในที่ชุมชน หรือสถานที่แออัด และล้างมือบ่อยๆ ขณะที่การรับประทานเนื้อหมูนั้นควรปรุงให้สุกในอุณหภูมิตั้งแต่ 70 องศาเข้าไป เพื่อความมั่นใจ แม้ว่าเชื้อดังกล่าวจะไม่ติดต่อจากการรับประทานเนื้อหมูก็ตาม ขอบคุณ... http://news.mthai.com/hot-news/world-news/476940.html
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)