มูลนิธิไวยวัตฯ ช่วยเหลือคนพิการและผู้ดูแลคนพิการให้มีอาชีพ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

มูลนิธิไวยวัตฯ ช่วยเหลือคนพิการและผู้ดูแลคนพิการให้มีอาชีพ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

มูลนิธิไวยวัต ณ เชียงใหม่ เพื่อบุคคลพิเศษ ได้จัดทําโครงการชุมชนต้นแบบชีวิตใหม่ครอบครัวคนพิการ(ตามแนวทฤษฏีเศรษฐกิจพอเพียง) จัดสรรที่ดินให้คนพิการและผู้ดูแลคนพิการประกอบอาชีพอิสระทางการเกษตร ก่อสร้างที่พักอาศัยทําระบบสาธารณูปโภค ให้กับครอบครัวคนพิการและคนพิการที่ไม่มีที่อยู่และไม่มีอาชีพเข้ามาประกอบอาชีพการเกษตรในพื้นที่โครงการ จํานวน 10 ไร่ ในการจัดทําโครงการนี้มูลนิธิไวยวัต ณ เชียงใหม่เพื่อบุคคลพิเศษ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการจังหวัดเชียงใหม่ ให้จัดทําโครงการนี้เพื่อประโยชน์แก่คนพิการและผู้ดูแลคนพิการ ภายในโครงการประกอบด้วยการก่อสร้างโรงเลี้ยงหมูหลุม โรงเลี้ยงไก่ไข่ โรงเลี้ยงไก่พื้นเมือง และการปลูกพืชผักอินทรีย์โดยผ่านระบบโอโซนเพื่อฆ่าเชื้อโรคที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ ก่อนที่คนพิการและครอบครัวคนพิการจะเข้าอยู่ในพื้นที่ชุมชนต้นแบบชีวิตใหม่คนพิการ มูลนิธิได้มีการฝึกอบรมให้ความรู้ทางการเกษตรแบบธรรมชาติตามแนวทฤษฏีเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีวัตถุประสงค์โครงการ คือ.

1.เพื่อสงเสริมให้เกิดอาชีพสร้างชีวิตใหม่แก่คนพิการ และผู้ดูแลคนพิการ2.เพื่อให้คนพิการและผู้ดูแลคนพิการที่ไม่มีอาชพและที่อยูอาศัยได้มีโอกาสเข้าไปอยู่ในโครงการ3.เพื่อให้คนพิการและผู้ดูแลคนพิการนําแนวทางทฤษฏีเศรฐกิจพอเพียง การทําเกษตรแบบธรรมชาติไปใช้4.เพื่อเป็นต้นแบบในการจัดตั้งชุมชนต้นแบบชีวิตใหม่คนพิการประกอบอาชีพอิสระทางการเกษตร5.เพื่อเป็นต้นแบบในการจัดตั้งนิคมสร้างตนเองชีวิตใหม่คนพิการโดยทางมูลนิธิฯได้มีโครงการหลายโครงการ อาทิ โครงการชุมชนต้นแบบชีวิตใหม่คนพิการ ได้นําคนพิการและผู้ดูแลคนพิการที่ไม่มีอาชีพและที่อยู่อาศัย เข้ามาอยู่ในโครงการชุมชน ต้นแบบชีวิตใหม่ครอบครัวคนพิการ (ตามแนวทฤษฏีเศรษฐกิจพอเพียง).

นายอาทร ศรีอาด หัวหน้าศูนย์ เล่าว่า “ได้มาทำงานที่นี่ได้ทำงานกับคนที่พิการหลายประเภท ได้เรียนรู้การดำเนินชีวิตของเขา ที่แตกต่างจากการดำเนินชีวิตของเราที่เป็นคนปกติ ตอนนี้ได้เริ่มทำงานกันก็มีความรู้สึกว่ามันมีอะไรให้ทำเยอะมากกว่าที่เราคิด ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่อยากทำตรงนี้ สถานที่ตรงนี้ก็ให้อะไรหลายๆอย่างให้แง่คิด เอามาใช้ในการดำเนินชีวิตของแต่ละคนเ พราะคนทำงานที่ด้วยกันก็มาจากหลายพื้นที่ หลากหลายรูปแบบของความพิการ ทำให้เราตระหนักในการใช้ชีวิต เพราะทุกคนที่พิการไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องรอแต่การช่วยเหลืออย่างเดียว เราก็ต้องช่วยเหลือตัวเราเอง คิดว่ามูลนิธิมีความประสงค์ดีอยากให้ผู้พิการมีรายได้ในการทำงานและมีอาชีพเป็นของตัวเอง นอกจากนี้ทางมูลนิธิฯยังได้ส่งเสริมให้ครอบครัวคนพิการมีอาชีพและรายได้ ภายในศูนย์เรียนรู้ทางการเกษตรเพื่อคนพิการ ของมูลนิธิฯ มีครอบครัวคนพิการมาทํางานที่มูลนิธิ โดยได้นําลูกที่พิการทําฝากไว้ที่มูลนิธิฯ ด้วย ทําให้ผู้ดูแลคนพิการไม่ต้องกังวลใจ เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ คอยดูและและฟื้นฟูพัฒนาการให้คนพิการที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ มูลนิธิฯ ได้ช่วยเหลือคนพิการที่ไม่สามารถ ช่วยเหลือตัวเองได้ให้ได้รับการฟื้นฟูทางด้านสติปัญญา รวมถึงฟื้นฟูทางร่างกาย ให้กับเด็กพิการที่มีกล้ามเนื้ออ่อนแรง ให้กลับมาช่วยเหลือตัวเองได้.

นางกัลยากร ตานันท์ หัวหน้าสำนักงานฯ เล่าว่า “เป็นอาจารย์พิเศษ ของเกษตรค่ะ เกษตรกร cpmc ระดับประเทศค่ะ ของงานวิจัยแล้วมาเจอท่านไวยวัต ณ เชียงใหม่ เป็นเจ้าของศูนย์และรู้จักท่านมานานแล้ว ปกติที่นี่เขาจะทำเฉพาะผู้ปกครองผู้พิการและก็ผู้พิการเท่านั้น ก็ไม่เคยคิดว่าจะขึ้นไปช่วย แต่ครอบครัวไปทำเกษตรครบวงจร ก็เลยคิดจะมาช่วยศูนย์ ว่าเราจะทำอะไรให้กับผู้พิการได้ ก็มาในนามของอาจารย์ที่สอนเรื่องเกษตรครบวงจรค่ะ ตอนนี้ได้เป็นหัวหน้าส่วนสำนักงานค่ะ บอกให้น้องๆเขาว่าตรงนี้เป็นที่ที่เขาอยู่แล้วคือ สร้างงานสร้างอาชีพ และที่สำคัญคือเขามีรายได้ ทุกคนมีเงินเก็บนะคะ ตอนนี้ชอบตรงเจ้าของศูนย์เจ้าไวยวัต ณ เชียงใหม่ มีหน้าตาที่ยิ้มแย้มให้กับทุกคนที่อยู่ที่นี่ค่ะ”

นางเสาร์คำ ปงคำ หัวหน้าคนงานผู้พิการ เล่าว่า “เมื่อก่อนนี้อยู่ที่บ้านก็ลำบากมากค่ะ ไม่มีอาชีพเมื่อก่อนยากลำบากไม่มีอาชีพหรืออะไรเลย ทั้งสองแม่ลูกจะมีก็ลำบากมาก พอมาอยู่กับท่านไวยวัต ทำให้ชีวิตดีขึ้นมากค่ะ แม่คำขอขอบคุณ มูลนิธิไวยวัต มากๆที่ให้อาชีพสำหรับครอบครัวเสาร์คำ 2 คนและลูกชาย เมื่อก่อนลำบากมากค่ะ ไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ เดี๋ยวนี้มีงานทำมีรายได้ ขอบคุณมากๆค่ะ”

ดร.ชวิศา ชวกุล ประธานที่ปรึกษาฯ เล่าว่า “ค่ะสำหรับการที่บริษัทของเรานะคะ บริษัท ทวีสาโซน ซึ่งเป็นผู้ผลิตและก็จำหน่ายเครื่องผลิตโอโซน เป็นนวัตกรรมของประเทศไทย เมื่อเราได้มาพบกับมูลนิธิไวยวัต ณ เชียงใหม่ เพื่อบุคคลพิเศษ ซึ่งมีศูนย์เกษตรธรรมชาติตรงนี้นะคะ ทำให้เราได้มาทราบนะคะว่า ท่านทำการเกษตรเป็นเกษตรอินทรีย์ มีผักพืชผักต่างๆและก็ส่งขายออนไลน์ด้วย เพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างอาชีพให้กับคนพิการที่นี่ด้วยนะคะ เพราะฉะนั้นอันนี้พอมาทราบเราก็นึกถึงส่วนที่เรารับผิดชอบอยู่คือ เรื่องของโอโซนที่เราเตรียมขยายเข้าไปสู่ชุมชนชนบทในการปลูกผู้ปลูกผักหรือการทำ การเกษตรและเกษตรแปรรูป ก็เลยคุยกันขึ้นมาว่าสนใจที่จะเข้ามาช่วยทำตรงนี้ให้มีคุณภาพ เพื่อการบริโภคของประชาชนจะได้สิ่งที่ดีที่สุด คือ เราตั้งใจร่วมมือกัน เพราะว่าร่วมมือในเรื่องของคุณภาพ และเราต้องการให้สินค้าที่มาจากผู้พิการ เป็นที่โดดเด่นในเรื่องของการรักษาสุขภาพเพื่อประชาชนจริงๆค่ะ”

ทั้งนี้ เจ้าไวยวัต ณ เชียงใหม่ ประธานมูลนิธิฯ เล่าว่า “มูลนิธิมองเห็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการหลักๆอยู่ 2 เรื่อง ก็คือเรื่องแรกก็คือในการส่งเสริมอาชีพ ให้กับคนพิการหรือผู้ปกครองคนพิการ ส่วนที่ 2 ก็คือเกี่ยวกับเรื่องของการฟื้นฟูพัฒนาการนะครับ ให้คนพิการสามารถได้รับการพัฒนาการ ดังนั้นเป้าหมายของมูลนิธิและที่แห่งนี้ เราจึงจัดตั้งเป็นศูนย์เกษตรธรรมชาติ เพื่อคนพิการ โดยมุ่งหวังให้ฝึกอาชีพให้ผู้พิการ หรือคนดูแลผู้พิการ สามารถประกอบอาชีพใช้ชีวิตจริงอยู่กับมูลนิธิแห่งนี้ เป้าหมายของมูลนิธินะครับ ก็ต้องการให้พื้นที่แห่งนี้นะครับ ซึ่งเราได้ความอนุเคราะห์จาก ดร.อุ้ย ที่ท่านทุ่มเทกำลังใจ จิตใจ ในการที่จะพัฒนาที่ตรงนี้นะครับ เป็นที่คนพิการสามารถมาทำงานที่แห่งนี้ได้ แล้วก็การให้บริการของเราไม่ว่าจะมีต้นแบบที่ดี คือ มีสวนกุหลาบจะเป็นที่ดึงดูดให้คนมาดู และจะมีร้านจำหน่ายสินค้าของคนพิการ จะมีร้านกาแฟโดยที่คนพิการให้บริการทั้งหมด ซึ่งผมคิดว่าอาจจะเป็นแห่งแรกของประเทศไทย ที่เห็นภาพชัดเจนที่คนพิการสามารถทำงานได้จริง ใช้ชีวิตจริงและก็อยู่ร่วมกับคนปกติ สามารถอยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างมีความสุข อันนี้คือเป้าหมายของมูลนิธิครับ”

ขอบคุณ... https://www.banmuang.co.th/news/region/285987

ที่มา: banmuang.co.th/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 29 มิ.ย.65
วันที่โพสต์: 29/06/2565 เวลา 11:03:36 ดูภาพสไลด์โชว์ มูลนิธิไวยวัตฯ ช่วยเหลือคนพิการและผู้ดูแลคนพิการให้มีอาชีพ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น