"สามารถ" อาลัย "หมอกระต่าย" ย้ำ ต้องไม่เกิดอุบัติเหตุซ้ำอีก

"สามารถ" อาลัย "หมอกระต่าย" ย้ำ ต้องไม่เกิดอุบัติเหตุซ้ำอีก

นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ได้โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัวว่า ตนขอแสดงความเสียใจไปยัง"หมอกระต่าย" พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุลและครอบครัว จากกรณี"หมอกระต่าย" เสียชีวิตจากเหตุถูกส.ต.ต.นรวิชญ์ บัวดก ผบ. หมู่ กองร้อยที่ 2 กองกำกับการ 1 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน ที่ขี่บิ๊กไบค์พุ่งชนขณะข้ามถนนบนทางม้าลายหน้าสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์

โดยวันนี้นายกรัฐมนตรี ขอให้มีการตรวจสอบคุ้มครองผู้ใช้ทางม้าลายให้เกิดความปลอดภัย ซึ่งตรงที่เกิดเหตุบริเวณถนนพญาไท ผมเคยผ่านแถวนั้นตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นเด็กก็ข้ามถนนได้เป็นปกติ แต่ปัจจุบันนี้มีคอนโดเกิดขึ้นจำนวนมากมายหลายแท่ง ซึ่งก็ทำให้มีประชากรเยอะมากขึ้นและรถก็จำนวนมากตามไปด้วย จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุตามมา แต่อย่างไรก็ตามจะต้องไม่เกิดอุบัติเหตุซ้ำขึ้นอีกแบบหมอกระต่ายอีก ถ้ามีสัญญาณไฟจราจรมั่นใจได้เลยไม่มีเหตุการณ์สลดแบบนี้อย่างแน่นอน

ดังนั้น ผมขอเสนอความเห็นต่อนายกฯขอให้มอบหมายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมสำรวจทางม้าลายทุกจุดให้ต้องติดตั้งปุ่มกดสัญญาณไฟจราจรมีไฟเขียวไฟแดงเพื่อให้ผู้ใช้ทางข้ามกดปุ่มเวลาข้ามถนน พร้อมระบบเสียงสัญญานเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้พิการทางสายตาด้วยเช่นเดียวกับประเทศที่เจริญแล้ว

"ผมคิดว่าจะต้องมีการดำเนินการติดสัญญาณไฟกดปุ่มสำหรับผู้ใช้ทางข้ามถนน-ทางม้าลายทุกจุดโดยเร่งด่วน ซึ่งไม่ได้ใช่งบประมาณมากมาย ทั้งนี้ ถ้าเทียบกับผลที่ได้รับเพื่อความปลอดภัยบนทัองถนน ลดการเกิดอุบัติเหตุ

ลดความสูญเสียของทุกครอบครัวไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยเช่นกรณีหมอต่ายอีก "

ส่วนตัวผมก็อยากวิงวอนให้สังคมให้อภัย ส.ต.ต.นรวิชญ์ บัวดกด้วย เพราะเหตุการณ์แบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิด ผมก็ขออนุโมทนาบุญกับการบวชในครั้งนี้ด้วย ในสมัยโบราณก็มีการบวชเพื่อหนีภัยที่จะถึงแก่ตนก็มีให้เห็นมาแล้วเช่น

ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ช่วงปลายรัชกาลก่อนที่พระองค์จะสวรรคต พระองค์ทรงถวายพระราชวังลพบุรีให้เป็นเขตพุทธาวาสและให้ขุนนางที่ใกล้ชิดบวชเพื่อหลบหนีจากภัยทางการเมือง เพราะทรงทราบว่า พระเพทราชากำลังวางแผนยึดราชสมบัติ จึงมีพระราชโองการให้ขุนนางที่ใกล้ชิดให้มาเข้าเฝ้า

“จึงมีพระราชดำรัสให้หาบรรดาชาวที่ชาววังซึ่งเป็นข้าหลวงเดิมประมาณสิบห้าคนเข้ามาเฝ้าในพระมหาปราสาทที่นั่งสุธาสวรรย์ที่เสด็จทรงพระประชวรอยู่แล้วนั้น จึงมีพระราชโองการตรัสว่า บัดนี้ อ้ายสองคนพ่อลูกมันคิดการเป็นกบฏ ฝ่ายเราก็ป่วยทุพลภาพหนักอยู่แล้ว เห็นชีวิตจะไม่ตลอดไปจนสามวัน และซึ่งท่านทั้งหลายจะอยู่ในฆราวาสนั้นเห็นว่า อ้ายกบฏพ่อลูกมันจะฆ่าเสียสิ้น อย่าอยู่เป็นคฤหัสถ์เลย จงบวชในพระบวรพุทธศาสนา เอาธงชัยพระอรหันต์เป็นที่พึ่งเถิดจะได้พ้นภัย”

ก็เห็นได้ว่าการบวชนั้นเป็นสิ่งที่ดี ได้ทั้งบุญและรอดภัยด้วย แต่กรณีของ ส.ต.ต.นรวิชญ์ ดูข้อกล่าวหาที่พนักงานสอบสวนแจ้ง มีข้อหาหนักสุดคือ ขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีประมวลกฏหมายอาญา

มาตรา 291 ระบุไว้ว่า"ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท

ดังนั้น ส.ต.ต.นรวิชญ์ ก็ต้องได้รับโทษที่ทำอยู่แล้ว และเป็นการประมาทซึ่ง ส.ต.ต.นรวิชญ์ ต้องรับชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่งอีก ส่วนตัวผมว่าควรให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวของ ส.ต.ต.นรวิชญ์ด้วย เพราะรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปัจจุบัน มาตรา 29 วรรค 2 ที่รับรองหลักสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบริสุทธิ์ (presumption of innocence) ว่าเป็นหนึ่งในสิทธิของปวงชนชาวไทย

“ในคดีอาญา ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจําเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคําพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทําความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทําความผิดมิได้”

จึงมีหลักสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบริสุทธิ์โดยได้มีการรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับ ตั้งแต่ฉบับปี พ.ศ. 2492 เป็นต้นมา เพียงแต่อาจจะมีการเขียนข้อความสั้นยาวต่างกัน ยกเว้นแต่ช่วงที่ใช้ธรรมนูญการปกครองชั่วคราวหลังรัฐประหารไม่ปรากฏหลักการนี้ โดยภาพรวมน่าจะถือได้ว่าหลักสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบริสุทธิ์เป็นธรรมเนียมในรัฐธรรมนูญของประเทศไทยได้แล้ว โดยนอกจากนี้ หลักสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบริสุทธิ์ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในหลักสิทธิมนุษยชนสากลที่ปรากฏในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ซึ่งมีประเทศไทยกับอีก 172 ประเทศทั่วโลกเป็นภาคีอีกด้วย

ดังนั้น ผมว่ารัฐธรรมนูญเป็นกฏหมายสูงสุดของประเทศ จะมีกฏหมายใดใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญไม่ได้ ดังนั้นที่กระทำกันในโลกออนไลน์ นั้นละเมิดหรือไม่ กฏหมายของสงฆ์ตัดสิทธิ์ห้ามบวชนั้นทำได้หรือไม่ ผมก็ขอเขียนฝากอีกมุม ให้กำลังใจทุกคน ทุกฝ่ายเพราะ ทุกคนก็คือคนไทยด้วยกัน สังคมจะเดินหน้าได้กฏหมายต้องเป็นธรรม และ เท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ เพราะบางอย่างอาจจะถูกใจแต่ไม่ถูกต้องก็เป็นได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใดรัฐต้องถอดบทเรียนนี้ ติดตั้งสัญญาณไฟจราจร ทุกทางม้าลายที่อยู่บนถนน เพื่อป้องกันความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นอีก ต้องไม่มีพ่อแม่พี่น้องคนไทยคนไหนต้องเสียใจอีก ผมว่าความปลอดภัยเกิดขึ้นได้ถ้ามีมาตรฐานดีพอ

ขอบคุณ... https://www.bangkokbiznews.com/news/984605

ที่มา: bangkokbiznews.com /มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 25 ม.ค.65
วันที่โพสต์: 26/01/2565 เวลา 10:22:26 ดูภาพสไลด์โชว์ "สามารถ" อาลัย "หมอกระต่าย" ย้ำ ต้องไม่เกิดอุบัติเหตุซ้ำอีก