พ่อลูกยกมือท่วมหัว ขอบคุณคนใจบุญช่วยพลิกชีวิต ขุดหลุมฝังบัญชี กลัวขโมย

พ่อลูกยกมือท่วมหัว ขอบคุณคนใจบุญช่วยพลิกชีวิต ขุดหลุมฝังบัญชี กลัวขโมย

หนุ่มพิการครึ่งซีก พร้อมลูกชายวัย 11 ปี ยกมือท่วมหัว ขอบคุณคนใจบุญช่วยพลิกชีวิต บอกเงินที่ได้มาจะใช้อย่างคุ้มค่าที่สุด ขุดหลุมฝังสมุดบัญชี เอทีเอ็ม กลัวคนมาขโมย

หลังจากที่มีการนำเสนอเรื่องราวชีวิตสุดแร้นแค้น ของ นายนวม แก้วละเอียด อายุ 47 ปี และ ด.ช.วราวุธ แก้วละเอียด หรือน้องมิก อายุ 11 ปี สองพ่อลูก ซึ่งอาศัยอยู่กันเพียงลำพัง 2 คน ภายในบ้านพัก ต.ท่าโพธิ์ อ.สะเดา จ.สงขลา ที่มีสภาพเก่าทรุดโทรม โดยผู้เป็นพ่อร่างกายซีกขวาพิการทั้งมือและขา จากการประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ไม่สามารถประกอบอาชีพได้เหมือนก่อน ส่วนน้องมิก ก็ต้องหยุดเรียนแค่ชั้น ป.2 เพื่อมาดูแลพ่อ ซ้ำร้าย นายนวม ยังต้องแยกทางกับภรรยา ที่เคยใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่ จ.เพชรบูรณ์ ต้องพาลูกชายกลับมาอยู่ที่บ้านเกิดสองคน อาศัยเงินสงเคราะห์คนพิการเดือนละ 800 บาท ประทังชีวิต ปลูกพืชผักเล็กๆ น้อยๆ ข้างบ้าน ซึ่งก็มีผู้ใจบุญ บริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือ

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปติดตามชีวิตของสองพ่อลูกคู่นี้อีกครั้ง ร่วมกับทหารกองบิน 56 และกลุ่มพลังอาสายามยากจังหวัดสงขลา ที่เป็นหน่วยงานที่เข้าไปช่วยเหลือสองพ่อลูกตั้งแต่ต้น

ซึ่งทั้งสองพ่อลูกยังคงใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังเก่าทรุดโทรมตามประสาพ่อลูก แต่สิ่งที่เปลี่ยนไป คือ รอยยิ้มของทั้งสองคนที่อยู่บนใบหน้า เพราะชีวิตเริ่มดีขึ้น เริ่มมีกิน ไม่ต้องอดมื้อกินมื้อเหมือนแต่ก่อน เนื่องจากความช่วยเหลือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและคนไทยทั่วประเทศ ที่ช่วยกันบริจาคสิ่งของ เครื่องใช้ เครื่องยังชีพ และเงินที่ผ่านทางบัญชีธนาคารคนละเล็กละน้อย จนถึงขณะนี้มีเงินอยู่ในบัญชีพอสมควร ซึ่งทั้งสองคนเก็บไว้อย่างดีแทบไม่ได้ใช้

ขณะที่ น้องมิก ซึ่งยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้น เหมือนกับเด็กทั่วไป เพราะจะได้กลับมาเรียนหนังสือเหมือนเดิม ที่โรงเรียนวัดม่วงก๊อง ใน ต.พังลา อ.สะเดา จ.สงขลา ในภาคเรียนที่จะถึงนี้ โดยจะเข้าเรียนในชั้น ป.2

ทั้งนี้ นายนวม ได้ยกมือไหว้ท่วมหัว และขอบคุณทุกคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือตนกับลูกจนชีวิตเริ่มดีขึ้น โดยบอกว่า ตอนนี้เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ไม่อดอยากเหมือนก่อนแล้ว มีกินมีใช้ตามสมควร จากข้าวของเครื่องใช้และสิ่งของยังชีพ ที่ผู้ใจบุญนำมาช่วยเหลือ ซึ่งไม่คิดว่าจะมีวันนี้ และดีขึ้นภายพริบตา จากที่อดอยากมานาน แต่ชั่วข้ามคืนทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

นายนวม บอกว่า เงินที่ทุกคนบริจาคมา คือชีวิตของตนกับลูก ตนจะเก็บไว้อย่างดีใช้เฉพาะที่จำเป็น ส่วนหนึ่งก็จะนำมาซ่อมแซมบ้านให้พออยู่ได้ และส่วนหนึ่งก็จะนำมาลงทุนเลี้ยงไก่ไข่เพื่อขาย และมีกินประหยัดค่าใช้จ่าย ส่วนลูกชายก็ได้กลับมาเรียนหนังสือแล้ว

นายนวม กล่าวต่อว่า ตอนนี้ต้องใช้วิธีเก็บสมุดบัญชีธนาคารและบัตรเอทีเอ็มด้วยการใส่ในกระป๋องเหล็ก แล้วนำไปขุดหลุมฝังดินไว้ เพื่อความปลอดภัย เพราะภายในบ้านไม่มีที่เก็บและยังไม่เรียบร้อย แต่ขอปิดเป็นความลับว่าขุดหลุมฝังไว้ที่ใด หากจะใช้ ก็ไปขุดมา เพราะลำพังตนเองยังช่วยเหลือตัวเองอะไรไม่ได้ แค่ผลักก็ล้มแล้ว จึงต้องนำสมุดบัญชีและบัตรเอทีเอ็มขุดหลุมฝังดินเอาไว้

ด้าน นางวรรณี จำนง ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดม่วงก๊อง เปิดเผยว่า จะรับน้องมิก เข้าเรียนในชั้น ป.2 ในภาคเรียนใหม่นี้ ขณะนี้กำลังอยู่ร่ะหว่างการทำเรื่องย้ายจากโรงเรียนเก่ามาอยู่โรงเรียนใหม่ ซึ่งจะได้เรียนหนังสือเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ รวมถึงได้สวัสดิการต่างๆ ทั้งอาหาร ชุดนักเรียน และสมุดหนังสือ และในช่วงปิดเทอมก็จะให้น้องมิก ไปปรับพื้นฐานเพื่อเตรียมพร้อมในการกลับมาเรียนอีกครั้ง

ส่วนในเรื่องของอาชีพ ทาง พันจ่าอากาศเอกพงศธร เซ่งเวียง เจ้าหน้าที่กิจการพลเรือนและประชาสัมพันธ์กองบิน 56 ในฐานะผู้ประสานงานการช่วยเหลือบอกว่า ในส่วนของเรื่องการซ่อมแซมบ้าน และเรื่องอาชีพ ทางทหารกองบิน 56 จะเข้ามาดำเนินการซ่อมแซมให้ รวมทั้งสร้างคอกไก่ เพื่อเลี้ยงไก่ไข่ ให้สองพ่อลูก พอที่จะมีอาชีพสร้างรายได้เลี้ยงตัวเองได้

สำหรับผู้ที่ต้องการยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือพ่อลูกคู่นี้ สามารถติดต่อประสานงานได้ที่ พันจ่าอากาศเอกพงศธร เซ่งเวียง ตำแหน่งเจ้าหน้าที่กิจการพลเรือนและประชาสัมพันธ์กองบิน 56 โทร. ‪08-1267-6552‬

ขอบคุณ... https://www.thairath.co.th/news/society/1790511

ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 9 มี.ค.63
วันที่โพสต์: 10/03/2563 เวลา 10:15:31 ดูภาพสไลด์โชว์ พ่อลูกยกมือท่วมหัว ขอบคุณคนใจบุญช่วยพลิกชีวิต ขุดหลุมฝังบัญชี กลัวขโมย