พ่อพาลูกชายถูกยิงจนพิการร้องทนายรณรงค์ขอสู้คดีในชั้นอุทรณ์

พ่อพาลูกชายถูกยิงจนพิการร้องทนายรณรงค์ขอสู้คดีในชั้นอุทรณ์

พ่อพาลูกชายเข้าพบทนายรณณรงค์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ขอให้เป็นทนายในชั้นอุทรณ์ สู้คดีที่ลูกชายถูกคนร้ายดักยิง อาการสาหัสและพิการเป็นอัมพฤกษ์ตลอดชีวิต ทำงานไม่ได้ มีค่าใช้จ่ายในการดูแลและรักษาเดือนละกว่า 50,000 บาท

เมื่อวันที่ 8 ต.ค.62 ที่สำนักงานทนายคู่ใจ ถนนแจ้งวัฒนะ ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายประทีป ชาติแขก อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14/1162 หมู่ 13 ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พร้อมนายเมธี ชาติแขก อายุ 28 ปี ลูกชาย เดินทางเข้าพบ ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อร้องขอความเป็นธรรมและแต่งตั้งให้เป็นทนายในชั้นอุทรณ์ ต่อสู้คดีที่ลูกชายถูกคนร้ายดักยิง กระสุนปืนเข้าที่คอด้านซ้ายทะลุคอด้านขวา อาการสาหัสและพิการเป็นอัมพฤกษ์ตลอดชีวิต แขนขาอ่อนแรง ผ่านมา 3 ปีศาลชั้นต้นตัดสินยกฟ้อง เนื่องจาดหลักฐานไม่เพียงพอ เมื่อวันที่ 1 ต.ค.62

จากการสอบถาม นายประทีป ชาติแขก พ่อผู้เสียหาย ทราบว่า นายเมธี ชาติแขก หรือฟิกซ์ ลูกชายเคยทำงานเป็นคนรับจ้างจัดตลาดนัดสมบัติบุรี ถูกคนร้ายขับรถยนต์กระบะมาดักยิงที่บริเวณถนนเมน โครงการสมบัติบุรี หมู่ 13 ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เมื่อเวลา 23.00 น.วันที่ 29 ก.พ.59 โดยขณะเกิดเหตุนายฟิกซ์ กำลังขับรถจยย.เพื่อจะกลับบ้าน คนร้ายขับรถยนต์กระบะมาดักรอแล้วลงมายิง ทำให้กระสุนปืนเข้าที่คอด้านซ้ายทะลุคอด้านขวา อาการสาหัสเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำตัวส่ง รพ.พระนั่งเกล้า แพทย์ทำการผ่าตัดพบว่ากระสุนถูกกระดูกต้นคอแตก ส่งผลให้ร่างกายพิการอ่อนแรง รักษาตัวที่โรงพยาบาลนานกว่า 3 เดือน และออกมารักษาตัวต่อที่บ้านจนปัจจุบันเป็นคนพิการ ทำงานไม่ได้ มีค่าใช้จ่ายในการดูแลและรักษาเดือนละกว่า 50,000 บาท คดีนี้หลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวนมาสอบปากคำผู้เสียหายครั้งเดียวคือเมื่อวันที่ 1 มี.ค.59 จนทำให้ตนซึ่งเป็นพ่อต้องไปร้องขอให้สอบปากคำเพิ่มกลังนายฟิกซ์อาการดีขึ้นคือ เมื่อวันที่ 14 ก.ค.61 ซึ่งนายฟิกซ์ ให้การว่าเห็นคนร้ายชัดเจนว่าเป็นใคร จึงได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อส่งฟ้องโดยใช้ทนายความ แต่คดีไม่คืบและทนายมีการเรียกเก็บเงินเพิ่ม จากนั้นได้มีบุคคลอาสามาช่วยดำเนินการฟ้องให้และคดีถูกยกฟ้องในที่สุด

นายประทีป ชาติแขก พ่อผู้เสียหาย กล่าวว่า ลูกชายทำงานที่ตลาดสมบัติบุรีและถูกยิงโดยมีเรื่องชู้สาว ซึ่งลูกชายไม่ทราบว่าผู้หญิงที่ไปติดพันมีสามีอยู่แล้ว ช่วงหลังมาทราบว่าผู้หญิงมีสามีแล้ว จึงพยายามตีตัวออกห่าง แต่ว่าสามีของผู้หญิง มาทราบเรื่อง ทำให้สามีภรรยาเขามีปากเสียงกัน หลังจากนั้นฝ่ายหญิง ได้มาชวนลูกชายตนหนี แต่ลูกชายตนปฏิเสธ ผู้หญิงคนดังกล่าวจึงได้เตือนลูกชายก่อนว่าถ้าไม่หนีให้ระวังไว้ สามีเขาคือนายโบ้ จะมายิงเอา ซึ่งเรื่องทั้งหมดลูกชายได้มาเล่าให้ตัวฟังก่อนแล้ว ลูกชายกังวลมากว่าจะต้องถูกดักยิง หลังจากฝ่ายหญิงเตือนได้ 2 วันลูกชายก็ถูกยิงโดยมีเพื่อนมาตามตนและบอกว่าลูกชายถูกยิง เมื่อเวลา 11:00 นที่ตลาดสมบัติบุรี ลูกชายถูกยิงใกล้ๆท้ายทอยด้านซ้ายทะลุข้างขวา เกือบถูกไขสันหลัง เพราะกระสุนแตกปีถูกไขสันหลังเล็กน้อย หลังจากถูกยิงเสียชีวิตลูกชายได้รับผลกระทบอย่างมากไม่สามารถทำงานได้ เดินไม่ได้แบบปกติ ขับถ่ายไม่ได้ ต้องจ้างคนดูแล พ่อเข้าห้องน้ำเองไม่ได้อาบน้ำเองไม่ได้เป็นแบบนี้มา 3 ปีกว่า วันนี้ที่เดินทางมาร้องทนายเพราะติดใจที่ว่าในสำนวนคดีมีการสอบลูกชายตนเองไปเพียงครั้งเดียว ซึ่งมาสอบลูกชายวันที่ 1 มีนาคมและไม่สามารถให้การได้เนื่องจากอาการยังสาหัส หลังจากนั้นตลอดเป็นระยะเวลา ตนได้ให้ทนายตามเรื่อง เดี๋ยวตำรวจกำลังตามเรื่องให้ ให้ใจเย็นๆโดยผลัดผ่อนมาเรื่อย คดีก็ไม่คืบหลังจากนั้น 2 ปีตนจึงไปที่สถานีตำรวจเพื่อที่จะร้องเรียน เพราะผ่านมาเงินช่วยเหลือจากกระทรวงยุติธรรมทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้ทำให้ คดีนี้ทำให้ลูกตัวเองพิการ ตนต้องยืนอยู่คนเดียวเพื่อดูแลลูกและเดินดำเนินเรื่องคดี

นายเมธี ชาติแขก ผู้เสียหาย กล่าวว่า หลังเกิดเหตุทุกวันนี้ตนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ต้องมีคนดูแลตลอดตนเองทำได้แค่ตักข้าว กินเองแค่นั้น นั่งแบบปกติไม่ได้ต้องมีที่พิง ท่านั่งแบบปกติจะปวดที่คอ เพราะว่าต้องเกร็งคอ สาเหตุจากที่กระสุนปืนตัดเส้นประสาท ช่วงแรกเหมือนคนเป็นอัมพาต จากที่เมื่อก่อนเคยทำงานตอนนี้ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้มันทรมาน ต้นมีลูกชาย 1 คนตอนนี้ไม่สามารถดูแลเขาได้ รู้สึกเสียใจ ลูกของตนยังเด็กอยู่อายุแค่ 7 ขวบ เขาถามเสมอว่าทำไมพ่อถึงเดินไม่ได้ ตอนนี้เขาไปอยู่กับแม่เขาซึ่งตนกับภรรยาแยกกันอยู่ ตอนนี้ร่างกายตัวเองมีแต่พ่อดูแลและพ่อเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด

ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม กล่าวว่า เราต้องต่อสู้ไปตามกระบวนการทางกฎหมาย คือใช้สิทธิ์ในการอุทธรณ์ เป็นโจทก์ร่วม เพื่อขออุทธรณ์เพิ่ม คาดว่าทางอัยการจะยื่นด้วย เท่ากับมี 2 ฉบับควบคู่กันไป สำหรับการสอบปากคำเพิ่มหลังจากน้องให้ปากคำได้น่าจะมีอยู่ในสำนวนอยู่แล้ว แต่ในระหว่างที่ยื่นอุทธรณ์ มาทางสถานีตำรวจบางบัวทองมีหลักฐานใหม่ ที่จะเอาผิดคนร้าย ก็อยากให้แจ้งมาเพื่อที่จะนำไปยื่นทางอัยการ ตอนนี้ทางสภ.บางบัวทองไม่สามารถทำอะไรได้เว้นแต่จะมีหลักฐานใหม่ ซึ่งตนคิดว่าทาง สภ.บางบัวทอง ยื่นฟ้องก็น่าจะมีหลักฐานเอาผิดคนร้ายได้ โดยหลักกฎหมายในการพิจารณาคดีของศาล อุทธรณ์จะใช้หลักฐาน เฉพาะในศาลชั้นต้น การพิจารณาต่อสู้คดีเท่านั้น จะไม่ใช้หลักฐานใหม่ในสำนวนนี่คือหลักการเว้นแต่ ว่าจะมีหลักฐานใหม่ที่มันปรากฏและสามารถชี้ถูกชี้ผิดได้ ถ้ามีหลักฐานใหม่เพิ่มเติมทาง สภ.บางบัวทอง ต้องทำงาน คดีนี้ต้องรอดูคำพิพากษาออกมาจากศาลชั้นต้น เราไม่อาจก้าวล่วงในชั้นศาลได้

ขอบคุณ... https://mgronline.com/crime/detail/9620000097232

ที่มา: mgronline.com/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 9 ต.ค.62
วันที่โพสต์: 10/10/2562 เวลา 10:35:22 ดูภาพสไลด์โชว์ พ่อพาลูกชายถูกยิงจนพิการร้องทนายรณรงค์ขอสู้คดีในชั้นอุทรณ์