ใครท้อก็ให้ดูตาเป็นตัวอย่าง แม้มองไม่เห็นแต่สู้ชีวิตรับจ้างหาเลี้ยงตัว

ใครท้อก็ให้ดูตาเป็นตัวอย่าง แม้มองไม่เห็นแต่สู้ชีวิตรับจ้างหาเลี้ยงตัว

ใครท้อแท้ให้ดู คุณตาวัย 74 ปี แม้มองไม่เห็นแต่ก็สู้ชีวิตไม่ถอย รับจ้างหาเลี้ยงตัวเอง แต่ต้องเจอใจบาปขโมยของทุกอย่างแทบไม่เหลือ สุดท้ายต้องล่ามโซ่เตาแก๊สปิกนิกกลัวหายอีก

ผู้สื่อข่าวรายงายงานว่า มีคุณตาวัย 74 ปี ตาบอดทั้งสองข้างมาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ต่อสู้ชีวิตตามลำพัง ไม่มีญาติพี่น้องคอยดูแล และต้องอาศัยอยู่บ้านหลังเก่าๆ แต่ก็ถูกโจรขึ้นบ้านขโมยของในบ้านจนแทบหมดถึงกับต้องล่ามโซ่ถังแก๊สไว้เพราะกลัวหายอีก

โดย คุณตาคนดังกล่าว คือ นายสังเวช เทียมเสมอ อายุ 74 ปี บ้านเลขที่ 139 หมู่ 6 ต.เจ็ดเสมียน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ซึ่งอาศัยบ้านปูนชั้นเดียวสภาพเก่าจะพังแหล่ไม่พังแหล่ หลังคามุงด้วยสังกะสีที่ผุ มีรูรั่วรอบด้าน

คุณตาสังเวช เล่าว่า พ่อได้เสียชีวิตไปตั้งแต่ตายังเล็ก ส่วนแม่เสียชีวิตตอนตาอายุ 14 ปี ซึ่งตามองไม่เห็นมาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ซึ่งเกิดจากอาการปวดบวมบริเวณลูกตาจนอักเสบมีหนองออกมา มีคนพาไปรักษาแต่ไม่หาย ทำให้มองไม่เห็นมาจนถึงปัจจุบัน

หลังจากแม่เสียชีวิตแล้ว จึงตัดสินใจออกจากบ้านทั้งที่ตาบอด ไปหางานทำที่กรุงเทพฯ ยกเข่งผลไม้ลงจากรถ โดยมีเพื่อนๆ ในตลาดที่ทำงานคอยช่วยเหลือ และยังช่วยหาที่พักอาศัยให้พักตามแผงผักในตลาด เลี้ยงตัวเองเรื่อยมา มีความสามารถหุงข้าว ทำกับข้าวกินเองได้ ต่อมาได้เร่ร่อนไปหางานทำเรื่อยไปจนประมาณ 15 ปีที่แล้ว

จากนั้น ก็ย้อนกลับมาอยู่ที่ อ.โพธาราม และมีผู้ที่ใจบุญให้บ้านอยู่อาศัยตามลำพังมาจนถึงทุกวันนี้ โดยยึดอาชีพรับจ้างเล็กๆ น้อยๆ ในละแวกใกล้บ้าน เช่น รับจ้างดายหญ้า ปลูกต้นไม้ แต่ก็ต้องมาพบกับความเสียใจอีกครั้ง ช่วงที่ตาไปทำงาน ปรากฏว่า ตู้เย็น หม้อหุงข้าว เครื่องใช้ในบ้าน พระเครื่องที่สะสมเก็บไว้จากรุ่นคุณพ่ออีก 1 ห่อ แม้กระทั่งไก่ชนที่เลี้ยงไว้หลังบ้านถูกขโมยหายไปหมด โจรจะเข้ามาขโมยทุกอย่างที่เอาไปได้หลายครั้งแล้ว ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงต้องล่ามโซ่ใส่กุญแจถังแก๊สปิกนิกไว้ เพราะกลัวว่าจะถูกคนตาดีเข้ามาขโมยซ้ำอีก

จากนั้น ตาได้รับความเมตตาจากนายธนกร สดใส เจ้าของศูนย์เรียนรู้บ้านช่างสกุลบายศรี และวิสาหกิจชุมชนบ้านช่างสกุลบายศรี ที่จ้างให้ไปกรีดกาบกล้วยเพื่อนำไปถักกระเป๋า และผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยให้ค่าแรงรายวัน วันละ 300 บาท แต่ก็ไม่ได้ทำทุกวัน สุดแล้วแต่ทางเขาจะจ้างทำแล้วแต่จะมีออเดอร์สั่ง ตาเองได้รับเบี้ยพิการที่หน่วยงานรัฐช่วยเหลือเดือนละ 800 บาท เงินผู้สูงอายุเดือนละ 700 บาท รวม 1,500 บาท

"บางครั้งรู้สึกท้อแท้กับชีวิต แต่คิดไปชั่วครู่ก็คิดว่าตัวเองยังทำกินได้ยังมีแรง ไม่ได้ไปหลอกลวงใคร ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ ได้เท่าไรก็ใช้ไปเท่าที่มี อยากฝากบอกคนที่มีร่างกายครบว่า คนเราเกิดมาต้องขยัน ต้องพากเพียร ประหยัด หมั่นดูแลสุขภาพ ที่สำคัญต้องมีความซื่อสัตย์ หากไม่มีความอดทนและขยันไปที่ไหนก็ไปไม่รอด อย่าไปทำสิ่งผิดกฎหมายเท่านั้น ขนาดตัวเองมีร่างกายไม่ครบ 32 ก็ยังทำงานใช้ชีวิตอยู่ได้มาถึงทุกวันนี้ แล้วคนที่มีร่างกายครบสมบูรณ์จะทำไม่ได้อย่างไร"

ทางด้าน นายธนกร สดใส เจ้าของบ้านศูนย์เรียนรู้ช่างสกุลบายศรี และวิสาหกิจชุมชนบ้านช่างสกุลบายศรี กล่าวว่า ที่ศูนย์ฯ ส่วนใหญ่จะเป็นงานจักสาน เช่น ตะกร้า กระเป๋าที่ออกแบบตามออเดอร์ที่ลูกค้าสั่งเข้ามา ส่วนอีกประเภทจะเป็นผลิตภัณฑ์ใช้กาบกล้วยเป็นเส้น ๆ ตากแดดแล้วอบให้แห้ง นำมาสานประดิษฐ์เป็นงานรูปแบบใหม่ ๆ ที่ลูกค้าสั่ง เป็นการใช้วัสดุจากธรรมชาติที่สร้างสรรค์ออกมาได้อย่างสวยงาม

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าร่างกายของลุงสังเวช เริ่มจะแก่ชราลงทุกทีแล้ว อีกทั้งยังมีร่างกายไม่ครบเหมือนกับคนทั่วไป แต่หัวใจของลุงก็ยังไม่ย่อท้อในโชคชะตาชีวิต ยังคงตั้งใจทำงานช่วยเหลือศูนย์เรียนรู้ฯ เท่าที่ตัวเองจะมีกำลัง เพื่อตอบแทนความมีน้ำใจแลกกับการทำงานเลี้ยงตัวเอง ถือเป็นตัวอย่างของคนสู้ชีวิตที่น่ายกย่อง

สำหรับผู้ที่มีจิตศรัทธาจะช่วยเหลือคุณลุงสังเวช สามารถโอนเงินผ่านบัญชีชื่อ นายสังเวช เทียมเสมอ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขานิคมอุตสาหกรรมราชบุรี เลขที่บัญชี 779-237004-8 หรือติดต่อสอบถามได้ที่นายธนกร เบอร์ 099-1499746

ขอบคุณ... https://www.thairath.co.th/news/society/1628150

ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 1 ส.ค.62
วันที่โพสต์: 2/08/2562 เวลา 10:35:42 ดูภาพสไลด์โชว์ ใครท้อก็ให้ดูตาเป็นตัวอย่าง แม้มองไม่เห็นแต่สู้ชีวิตรับจ้างหาเลี้ยงตัว