ททท. จัดกิจกรรมนำเที่ยวให้แก่กลุ่มผู้พิการทางสายตา ตอกย้ำโครงการ “เมืองไทย ใครๆ ก็เที่ยวได้” ทำได้จริง

ททท. จัดกิจกรรมนำเที่ยวให้แก่กลุ่มผู้พิการทางสายตา ตอกย้ำโครงการ “เมืองไทย ใครๆ ก็เที่ยวได้” ทำได้จริง

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดกิจกรรมนำเที่ยวให้แก่กลุ่มผู้พิการทางสายตา จากมูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ภายใต้โครงการ “เมืองไทย ใครๆ ก็เที่ยวได้ Tourism for All” เส้นทางกรุงเทพฯ สระบุรี พระนครศรีอยุธยา มอบความสุขให้แก่กลุ่มผู้พิการทางสายตาให้มีโอกาสในการเปิดประสบการร์การท่องเที่ยวมากขึ้น

ระหว่างวันที่ 22-23 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภูมิภาคภาคกลาง จัดกิจกรรมนำเที่ยวให้แก่กลุ่มผู้พิการทางสายตา จากมูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ภายใต้โครงการ “เมืองไทย ใครๆ ก็เที่ยวได้ Tourism for All” เส้นทางกรุงเทพฯ สระบุรี พระนครศรีอยุธยา ได้รับเกียรติจาก คุณศรีพร เภกะนันทน์ ผู้อำนวยการสำนักผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นประธานเปิดงานและร่วมเดินทางในกิจกรรมพาน้องผู้พิการทางสายตาไปท่องเที่ยว คุณรสพร ยสนิวาตวงศ์ รองประธานกรรมการ มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย กล่าวต้อนรับ ร่วมด้วย นายไพรัชช์ ทุมเสน ผู้อำนวยการ กองตลาดภาคกลาง ภูมิภาคภาคกลาง นายทวีเดช ทองอ่อน ผู้อำนวยการ กองบริหารความยั่งยืน รวมทั้งคณะคุณครู เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว และออกาไนซ์เซอร์ ซิลเวอร์สโตน เจ้าหน้าที่ ททท. จิตอาสา ร่วมเป็นพี่เลี้ยงดูแลน้องๆ รวมกิจกรรมในครั้งนี้เป็นจำนวนกว่าร้อยคน

ททท. จัดกิจกรรมนำเที่ยวให้แก่กลุ่มผู้พิการทางสายตา ตอกย้ำโครงการ “เมืองไทย ใครๆ ก็เที่ยวได้” ทำได้จริง

ททท. จัดกิจกรรมนำเที่ยวให้แก่กลุ่มผู้พิการทางสายตา ตอกย้ำโครงการ “เมืองไทย ใครๆ ก็เที่ยวได้” ทำได้จริง

ซึ่งกิจกรรมนี้กองบริหารความยั่งยืน สำนักผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จับมือกับ กองตลาดภาคกลาง ภูมิภาคภาคกลาง ร่วมกันจัดกิจกรรมท่องเที่ยวพาน้องผู้พิการทางสายตา จำนวน 64 คน อายุ 10-18 ปี จากโรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ ไปสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ฟาร์มโคนม (อสค.) สระบุรี ฝึกขี่ม้า ให้อาหารม้า ร่วมรับประทานอาหารกลางวันแบบสเต็ก ณ ฟาร์มโคนม (อสค.) สระบุรี จัดโดยร้านบิ๊กโจ่ย สเต็กเฮ้าส์สระบุรี และในช่วงบ่ายร่วมกิจกรรมขี่ช้างสัมผัสบรรยากาศโดยรอบของวังช้างและอุทยานประวัติศาสตร์ มรดกโลกพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการทำประโยชน์เพื่อสังคมในบทบาทของการท่องเที่ยวแบบรับผิดชอบ Responsible Tourism

ในช่วงเย็นถึงค่ำร่วมงานจัดเลี้ยงสังสรรค์และกิจกรรมสันทนาการ ณ ห้องอาหารดาหลา โรงแรมกรุงศรีริเวอร์ โดย นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมงานและกล่าวต้อนรับทักทายน้องๆ ผู้พิการทางสายตาอย่างเป็นกันเอง โดยมี นายบดินทร์ เกษมศานติ์ นายอำเภอเมืองพระนครศรีอยุธยา กล่าวต้อนรับและร่วมกิจกกรรมแจกรางวัลมอบความสุขให้กับน้องๆ ผู้พิการทางสายตา บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความสนุกสนานและรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ น้องๆ ผู้พิการทางสายตามีโอกาสได้โชว์ความสามารถในการร้องเพลงบนเวที ร่วมชมและฟังการแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินตาบอด “พี่เบิร์ด” พงศ์ศักดิ์ หมื่นไฉน ซึ่งเป็นไอดอลของน้องๆ หลายคน สร้างความสุขสนุกสนานและประทับใจแก่ผู้ร่วมงาน

สำหรับกิจกรรมในวันที่สอง ททท. ได้นำน้องๆ ผู้พิการทางสายตาและคณะร่วมเดินทางไป วัดไชยวัฒนาราม พระนครศรีอยุธยา เรียนรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ฟังการบรรยายจากวิทยากรณ์ เดินสำรวจและสัมผัสบรรยากาศซึมซับประวัติศาสตร์อันเป็นมรดกโลกเก่าแก่ของไทยโดยมีพี่เลี้ยงจิตอาสาช่วยกันบอกเล่าให้ได้รับรู้ และเดินทางไปชม พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ จ.พระนครศรีอยุธยา หลังจากนั้นร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารโรงแรมริเวิอร์วิว อยุธยา โดยมีไฮไลท์เป็นกุ้งเผาที่หลายคนชื่นชอบ ให้น้องๆ และคณะได้อิ่มอร่อยก่อนเดินทางกลับ ซึ่งกิจกรรมดีๆ ของ ททท. นี้สร้างความประทับใจให้กับผู้ร่วมกิจกรรมทุกคนได้อิ่มใจทั้งผู้ให้และผู้รับ ตอกย้ำและยืนยันได้ว่า “เมืองไทย ใครๆ ก็เที่ยวได้” สามารถทำได้จริง

คุณศรีพร เภกะนันทน์ ผู้อำนวยการสำนักผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “สำหรับกิจกรรมครั้งนี้สื่อให้เข้าใจโดยการสัมผัสเป็นหลัก เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่เด็กๆ จุดหนึ่งที่เราให้ความระมัดระวังมากคือในเรื่องความปลอดภัย เพราะว่าน้องๆ มีข้อจำกัดทางด้านสายตาเพราะฉะนั้นเรามีการเตรียมการก่อนที่จะมาล่วงหน้า มีการประชุมวางแผนกับผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพี่เลี้ยงหรือจิตอาสาที่มาจากกองงานต่างๆ ของ ททท. คำว่า Tourism for All ในความหมายก็คือ ทุกคน ทุกกลุ่ม สามารถที่จะเที่ยวได้ สามารถที่จะมีความสุขได้ ไม่ว่าจะมีข้อจำกัดในเรื่องใดๆ ก็ตาม

เพราะฉะนั้น ททท. ก็เลยคิดแคมเปญ “เมืองไทย ใครๆ ก็เที่ยวได้” ขึ้น และกิจกรรมนี้ก็เป็นกิจกรรมที่ เราจะพยายามตอกย้ำจุดนี้ให้เห็นว่าในเมืองไทยมีอีกมากมายให้น่าเที่ยว และมีแหล่งท่องเที่ยวมากมายที่เหมาะสมกับทุกคน ทุกกลุ่ม ทุกวัย ทุกอาชีพ ดังนั้นเรื่องใดที่ทาง ททท. ช่วยได้ ก็จะะเข้าไปสนับสนุน หรือไปทำ pilot project เพราะฉะนั้นมีความต่อเนื่องหรือความยั่งยืนต่างๆ ของแต่ละกิจกรรมก็ขึ้นอยู่กับทุกส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ว่าจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้แค่ไหน และเข้ามาช่วยกันทำให้แนวคิดเหล่านี้มีความยั่งยืนในระยะยาว เพระว่าน้องๆ ที่เราเห็นเหล่านี้ถึงแม้ว่าเขาจะมีข้อจำกัดทางสายตา แต่เขาก็มีศักยภาพในเรื่องอื่นๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นทักษะในเรื่องของการร้องเพลง และทักษะในด้านการจดจำโดยผ่านการได้ยินจะมีความละเอียดมาก ซึ่งน้องๆ เหล่านี้สามารถมารถที่จะเป็นบุคลากรที่สำคัญต่อไปของประเทศชาติได้ค่ะ”

ด้านนายทวีเดช ทองอ่อน ผู้อำนวยการ กองบริหารความยั่งยืน กล่าววว่า “ในปัจจุบันนี้เราให้ความสำคัญเกี่ยวกับการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน ในความหมายการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนหมายถึงว่า กิจกรรมท่องเที่ยวที่เราเดินทางไปเที่ยวเราต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมในแหล่งท่องเที่ยวด้วย คำนึงถึงชุมชนที่อยู่โดยรอบในแหล่งท่องเที่ยว และสิ่งสำคัญที่เราพูดถึงโดยตลอดก็คือ การท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งที่นำรายได้กลับสู่ชุมชน เพราะฉะนั้นการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนหมายถึงการผนวกรวมทั้งสามสิ่งรวมกันคือ ชุมชน วัฒนธรรม และรายได้ การเดินทางไปท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวใดๆ ก็แล้วแต่ ไม่ได้หมายถึงนักท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว แต่หมายรวมถึงผู้ประกอบการในแหล่งท่องเที่ยวนั้นๆ ด้วย การนำคณะนักท่องเที่ยวเข้าไปต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม หรือพูดอีกนัยหนึ่งว่าเป็นการเดินทางท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบต่อแหล่งท่องเที่ยวของเรานั่นเอง

สำหรับการท่องเที่ยวในทริปนี้ เราอาจจะคุ้นชินกับกลุ่มนักท่องเที่ยวปกติอย่างเราๆ ท่านๆ แต่เรายังมีกลุ่มคนที่อยู่ในประเทศเราอีกก็คือกลุ่มที่มีความด้วยโอกาสหรือกลุ่มผู้พิการต่างๆ ซึ่งหมายรวมถึงไปถึงกลุ่มผู้พิการทางสายตา ซึ่งเรานำมาเที่ยวในครั้งนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างกองตลาดภาคกลาง ภูมิภาคภาคกลาง และ มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ นำนักเรียนตาบอดทั้งสิ้นกว่า 60 ชีวิต รวมทั้งจิตอาสาของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ครู อาจารย์ ในโรงเรียนสอนคนตาบอดมาท่องเที่ยว สงสัยไหมครับว่าคนตาบอดเขาสามารถมาท่องเที่ยวได้อย่างไร ในการเดินทางท่องเที่ยวถึงแม้ตาเขาจะมองไม่เห็นแต่เขาสามารถสัมผัสจากประสาทสัมผัสอื่นๆ เช่น ประสาทสัมผัสทางหู ฟังเรื่องราวของจิตอาสา เรื่องราวที่พี่เลี้ยงถ่ายทอดให้เขาฟังว่าภาพข้างหน้าเป็นอย่างไร เขาพบเจออะไร หรือสัมผัสด้วยมือของเขาเอง ได้จับช้างตัวเป็นๆ ได้ขึ้นไปขี่ช้าง ได้ขี่ม้า สิ่งต่างๆ เหล่านี้สามารถทำให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวอย่างมีคุณภาพ และทำให้กลุ่มเยาวชนคนตาบอดมีความสุขกับการเดินทางได้ครับ”

ขณะที่ นายไพรัชช์ ทุมเสน ผู้อำนวยการ กองตลาดภาคกลาง ภูมิภาคภาคกลาง เผยว่า “เราได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในอีกรูปแบบหนึ่ง นอกจากการเน้นการสร้างรายได้ให้กับประเทศแล้ว เราก็ยังมีโครงการที่ทำเพื่อสังคมด้วย เป็นโครงการ “เมืองไทย ใครๆ ก็เที่ยวได้” โดยผู้ร่วมเดินทางท่องเที่ยวในกลุ่มนี้ก็จะเป็นเด็กนักเรียนที่มีความพิการทางสายตา จากมูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เป็นการท่องเที่ยวที่มุ่งหวังจะให้เป็นสิ่งที่จะช่วยกระตุ้นให้คุณภาพชีวิตของคนไทยเราดีขึ้น

โดยให้โอกาสกับน้องๆ มาเดินทางท่องเที่ยว ได้รับความรู้และได้สัมผัสกับประสบการณ์จริง ซึ่งเราได้พาน้องๆ ไปที่ฟาร์มโคมนมไทยเดนมาร์ก ขององค์การส่งเสริมโคนมแห่งประเทศไทย (อสค.) ให้น้องๆ ได้ไปรีดนมวัว ได้ไปขี่ม้า ให้น้องๆ มีความสุข และหลังจากนั้นในช่วงบ่ายได้พาน้องๆ ไปนั่งช้างที่วังช้างพระนครศรีอยุธยา ช่วยส่งเสริมให้ครอบครัวของน้องๆ มีความสุขด้วย เป็นการทำประโยชน์ให้กับสังคม วันนี้เราพาน้องๆ มาที่วัดไชยวัฒนาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นการเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ ได้มาซึมซับกับความเป็นมาของประเทศไทยเรา คิดว่าโครงการนี้เป็นโครงการหนึ่งที่ช่วยให้สังคมเราแข็งแรง ลดความเหลี่อมล้ำทางสังคม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยก็จะทำโครงการดีๆ เหล่านี้ต่อไปครับ”

นางสาวธนวัน กาสี หัวหน้างานติดตามและประเมินผลตลาดในประเทศ พี่เลี้ยงจิตอาสาจาก ททท. “เนื่องจาก ททท. ประกาศรับสมัครจิตอาสาที่จะมาดูแลน้องๆ พอทราบข้อมูลก็เลยมาสมัครค่ะ เพราะปกติก็จะเป็นคนที่คอยต้อนรับน้องๆ แต่วันนี้เรามาเป็นคนที่ดูแลน้องๆ และเป็นครั้งแรกที่มาร่วมกิจกรรมแบบนี้ี้ ได้เห็นถึงความประทับใจของน้องๆ ซึ่งจริงๆ แล้วเขาไม่ได้มองเห็นภาพสถานที่ท่องเที่ยวเท่าไร แต่ที่เขาประทับใจน่าจะประทับใจกับการดูแลของพี่ๆ จิตอาสาที่ดูแลด้วยใจทุกท่านในการดูแลน้องๆ และอย่างเมื่อคืนก็มีนักร้อง “พี่เบิร์ด” ที่เป็นไอดอลของน้องๆ ได้เห็นน้องๆ เข้าไปจับมือ มีความรู้สึกว่าปลาบปลื้มมาถึงตัวเราด้วย คือส่งความสุขมาถึงเราด้วยที่เขาได้เจอได้สัมผัสพี่เบิร์ดไอดอลของเขา

สำหรับกิจกรรมนี้ ททท. อาจจะเป็นหน่วยงานที่นำร่องและจริงๆ เรามีหลายๆ หน่วยงานที่ให้ความร่วมมือ ก็อยากจะเชิญชวนหน่วยงานอื่นๆ ที่มีความสนใจ ร่วมกันมอบน้ำจิตน้ำใจและโอกาสที่ดีๆ ให้กับน้องๆ ที่เขาอาจจะยังไม่ได้โอกาสเท่ากับคนอื่นๆ ที่สามารถมองเห็น และเรายังมีกิจกรรมดีๆ แบบนี้อีกต่อไป มอบความรู้สึกที่ดีให้กับน้องๆ กันค่ะ”

ด้าน “น้องเหญิง” ด.ญ. วรรณพร นามวาด อายุ 15 ปี หนึ่งในผู้พิการทางสายตาจากโรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพฯ และร่วมเดินทางเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวในโครงการ “เมืองไทย ใครๆ ก็เที่ยวได้” ครั้งนี้ เผยถึงความรู้สึกในการท่องเที่ยวร่วมกับ ททท. “รู้สึกดีที่ได้มาท่องเที่ยวครั้งนี้ รู้สึกประทับใจที่ได้นอนโรงแรม ได้ขี่ช้าง และ ขี่ม้า เพื่อนๆ ก็สนุกมากค่ะ ถ้า ททท. จัดแบบนี้อีกก็อยากจะมาอีกค่ะ และหนูอยากบอกขอบคุณ ททท. แล้ววันหลังหนูจะมาอีกนะคะ ขอบคุณมากค่ะ”

ขอบคุณ... https://mgronline.com/onlinesection/detail/9620000060704

ที่มา: mgronline.com /มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 26 มิ.ย.62
วันที่โพสต์: 27/06/2562 เวลา 10:49:56 ดูภาพสไลด์โชว์ ททท. จัดกิจกรรมนำเที่ยวให้แก่กลุ่มผู้พิการทางสายตา ตอกย้ำโครงการ “เมืองไทย ใครๆ ก็เที่ยวได้” ทำได้จริง