คำพูดใจๆ ของเสี่ยร้านหม้อน้ำ ลั่นขอทำต่อ เพื่อคนพิการที่เพิ่มขึ้นทุกวัน

คำพูดใจๆ ของเสี่ยร้านหม้อน้ำ ลั่นขอทำต่อ เพื่อคนพิการที่เพิ่มขึ้นทุกวัน

5 มิถุนายน 62 วันนี้ทีมข่าว TNEWS อุทัยธานีจะพาไปดูชีวิตของผู้ชายคนหนึ่ง ที่ผ่านมาเขาทำดีเพื่อสังคมโดยไม่หวังผลตอบแทนหวังเพียงเพื่อได้ช่วยเหลือ ผู้พิการ หรือผู้ด้อยโอกาส นายนฤพล เหลืองพฤกษชาติ หรือที่ชาวอุทัยธานีและผู้ที่รู้จักเรียกกันติดปากว่า เฮียเปี๊ยก เป็นเจ้าของกิจการ ร้านเปี๊ยก หม้อน้ำ ตั้งอยู่ที่ 5/58 ถ.รักการดีพัฒนา ต.อุทัยใหม่ อ.เมือง จ.อุทัยธานี ในวันนี้ เฮียเปี๊ยก หรือชื่อที่เรียกกันติดปากคือ เสี่ยใจดี ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ที่ผ่านมานั้น การเก็บวัสดุอะลูมิเนียมหรือหม้อน้ำที่เป็นอะลูมิเนียมนั้น ยังคงทำต่อเนื่องที่ผ่านมาได้ ส่งให้มูลนิธิขาเทียมพระราชทานไปแล้ว 8.5 ตัน และในปีนี้ทางร้านเปี๊ยกหม้อน้ำ นั้นสะสมได้ประมาณ 300 กิโลกรัมแล้ว ที่ผ่านมาเวลานับสิบปี สาเหตุที่ยังคงต้องเก็บวัสดุอะลูมิเนียม นั้นก็เพราะประเทศไทยนั้น มีคนพิการเพิ่มขึ้นทุกวัน ทุกปี ไม่ว่าจะเป็นการประสพอุบัติเหตุ ทหารที่รับใช้ชาติแล้วโดยระเบิดหรือกระสุนในสนามรบ แขน-ขา พิการ พวกเขาเหล่านี้ยังรอคอยความหวังที่จะมี แขน-ขา ใหม่ เพื่อเริ่มชีวิตใหม่กับครอบครัวและคนที่รักและเพื่ออยู่ร่วมกับสังคมได้ต่อไป

นายนฤพล ยังเปิดเผยว่า หากถามว่าท้อถอยไหมกับการทำแบบนี้ นายนฤพล จะตอบคนที่ถามไปว่า ไม่เคยคิดจะท้อหรือถอย เพราะสิ่งที่ทำอยู่ มันคือการช่วยเหลืออย่างแท้จริง แรงบันดาลใจ นั้นมาจาก ตอนที่แม่ ยังมีชีวิตอยู่ ท่านเป็นเบาหวานและติดเชื้อจำเป็นจะต้องตัดขา นายนฤพลกับพี่น้อง ก็จำต้องหาขาเทียมให้แม่ ในสมัยก่อนนั้นการหาขาเทียมนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆและต้องมีเงินถึงหลักหมื่นบาท เพราะระบบการคุ้มครองและรักษาย้อนไปสมัยสัก 30 ปีที่แล้วยังไม่ครอบคลุมหรือคุ้มครองผู้ป่วยเหมือนในสมัยนี้

นายนฤพล นั้นเล่าให้ฟังว่าทุกวันนี้มีรายการต่างๆและข่าวนำเสนอตามช่องทางต่างๆในเรื่องราวของนายนฤพล นั้นเยอะมาก แต่อยากจะบอกว่าข่าวหรือรายการที่ออกไป ไม่ได้อยากดังอะไรเลย ที่อยากให้คนรับรู้คือ การช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในสังคม เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และอยากให้สังคมไทย มีคนที่ออกมาช่วยเหลือสังคมผู้ด้อยโอกาสในสังคมกันเยอะๆ อยากให้สังคมทำแบบอย่างเช่นนายนฤพล เท่านั้นที่ต้องการ ทุกวันนี้มีคนถามว่า อะลูมิเนียมทำไมไม่ขายแล้วเอาเงินไปใช้ในครอบครัว คำตอบคือ ครอบครัวเรามีแล้วก็ต้องช่วยเหลือสังคม ถึงแม้จะไม่ได้มีฐานะถึงกับรวย แต่ด้วยลูกนั้นมีการงานทำกันหมดแล้ว หากนำอะลูมิเนียมไปขายนั้น 1 กิโลกรัม อยู่ในราคาไม่แน่นอน ในสมัยก่อน กิโลกรัมละ 80-90 บาท และขณะนี้ราคาขายเป็นของเก่าตามร้านรับซื้ออยู่ที่ 50-60 บาท “ไม่ขายแต่จะเก็บไว้ให้คนพิการ”นี่คือคำพูดของชายวัยใกล้ 60 ปีที่ชื่อเปี๊ยก เวลาเจอกับรถรับซื้อของเก่ามาขอซื้ออะลูมิเนียมที่ร้าน คำพูดง่ายๆแต่กินใจคนในสังคมอย่างมาก

นายนฤพล นั้นได้เล่าต่อว่า ตัวเองในสมัยวัยรุ่น นั้นก็ไม่ใช่คนดีอะไร ในจังหวัดอุทัยธานี รู้จักกันดีในชื่อ เปี๊ยก นักเลงอุทัยธานี เที่ยวตามเพื่อนตามฝูงไปเรื่อยเปื่อยในสมัยชีวิตวัยรุ่น และตอนอายุ 40 ปี หนึ่งเคยเป็นผู้สื่อข่าว หนังสือพิมพ์ ข่าวสดและเดลิมิลเล่อร์ พออายุมากขึ้นก็เริ่มอยากช่วยเหลือสังคมทางใดก็ทางหนึ่ง จึงมาพบว่าการเก็บวัสดุอะลูมีเนียมนั้นคือการช่วยเหลือสังคม ส่วนการเก็บสะสมวัสดุอะลูมิเนียมบางส่วนนั้น มีเพื่อนฝูงและชาวจังหวัดอุทัยธานีนำมาให้ รวมถึงต่างจังหวัดก็นำมาให้เพื่อร่วมบุญกัน ไม่ว่าจะเป็นฝาน้ำดื่ม ล้อรถยนต์ เครื่องยนต์และอีกหลายอย่างที่เป็นวัสดุอะลูมิเนียม

ขอบคุณ... https://www.77jowo.com/contents/124891

ที่มา: 77jowo.com /มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 5 มิ.ย.62
วันที่โพสต์: 6/06/2562 เวลา 09:18:50 ดูภาพสไลด์โชว์ คำพูดใจๆ ของเสี่ยร้านหม้อน้ำ ลั่นขอทำต่อ เพื่อคนพิการที่เพิ่มขึ้นทุกวัน