ครั้งแรกกับนักไตรกีฬาผู้พิการทางสายตาคนแรกของประเทศไทย ผ่านการ training ของ CIMB Preferred

ครั้งแรกกับนักไตรกีฬาผู้พิการทางสายตาคนแรกของประเทศไทย ผ่านการ training ของ CIMB Preferred

ครั้งแรกในประเทศไทย กับนักไตรกีฬาผู้พิการทางสายตาผู้ใช้ใจและความมุ่งมั่นในโครงการ Exclusive Triathlon Training Season 2 by CIMB Preferred ของ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เคยประทับใจกับท่วงทำนองการแร็ปสุดดุดันของ อู๊ด OZEEOOS หรือ อำนาจ ศรีสังข์แร็ปเปอร์ ที่เคยสร้างกระแสทอล์กออฟเดอะทาวน์มาแล้วในรายการ The Rapper ครั้งนี้เขาจะพาให้ทุกคนตะลึงไปกับ Passion อันแรงกล้าอีกครั้ง โดยครั้งนี้เขาจะก้าวข้ามทุกขีดจำกัด ด้วยการพาตัวเองเป็นนักไตรกีฬาผู้พิการทางสายตาคนแรกของประเทศไทย

ต่อให้ไม่ใช่คอกีฬา หลายคนคงเคยได้ยินกิตติศัพท์ความโหดของไตรกีฬา หนึ่งในสุดยอดแห่งบททดสอบความแข็งแกร่งมาบ้างแล้ว นอกจากกำลังกายต้องแข็งแกร่งดั่งภูผา พร้อมจะวิ่ง-ปั่น-ว่าย แบบไม่หยุดพัก ยังต้องอาศัยแรงใจที่มุ่งมั่น และพร้อมจะส่งเสียงเชียร์ตัวเองว่าอย่ายอมแพ้ แล้วไปให้ถึงเส้นชัยให้ได้ แน่นอนว่า บททดสอบสุดหินนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะก้าวผ่าน แต่สำหรับเด็กผู้ชายที่ไม่เคยยอมแพ้ให้กับโชคชะตา หรืออ่อนข้อให้ขีดจำกัดใดๆ ที่จะมาขัดขวางความฝัน เขาพร้อมแล้วที่จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับตัวเอง

“ผมเชื่อเสมอว่า คนเราเมื่อมีความฝันแล้ว แทนที่จะทิ้งความฝันของตัวเอง ทำไมไม่ทำให้สุด ให้ประสบความสำเร็จไปเลย บางครั้งผมมักจะดูถูกตัวเองว่า ทำได้แค่นี้เหรอ เพื่อให้กำลังใจตัวเองสู้ต่อ เพราะผมเชื่อว่าเมื่อตัดสินใจจะทำอะไรแล้วต้องทำให้สุด”

อาจเพราะแนวคิด “สู้ขาดใจ ไม่ยอมทิ้งฝัน” ทำให้อู๊ดมีความสุข และยิ้มได้กับทุกวัน แม้จะเกิดมาในโลกที่เขารู้สึกสมัยเด็กว่าไม่มีใครเป็นเหมือนเขา

“ผมเกิดที่บุรีรัมย์ สมัยเด็กด้วยความที่บ้านกับโรงพยาบาลอยู่ไกลกันมาก ตอนที่ท้องแม่ผมเป็นไซนัสเลยซื้อยาสมุนไพรมาต้มกินเอง จนพอคลอดผมก็พิการทางสายตาตั้งแต่กำเนิด มองเห็นรางๆ พอจะช่วยตัวเองได้บ้าง เคยผ่าตัดมาทั้งหมด 11 ครั้ง ทั้งที่บุรีรัมย์และที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่อายุ 2 ขวบกว่าจนถึงอายุ 7 ขวบ แต่ก็ยังไม่หาย ผมมีพี่สาว 1 คน พี่ชาย 1 คน และน้องสาวคนสุดท้องอีก 1 คน พวกเขาทุกคนสายตาปกติ สมัยเด็กๆ มีบ้างที่รู้สึกแปลกแยก และแตกต่าง รู้สึกว่าทุกคนที่เกิดมาไม่มีใครเป็นเหมือนผม แต่ผมโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้กังวลในสิ่งที่ผมเป็น ท่านรักและเอาใจใส่ผมเป็นอย่างดีมาตลอด ผมจะมีอึดอัดบ้าง ก็ตอนเข้าโรงเรียน เพราะผมเรียนโรงเรียนเด็กปกติ ก็เป็นธรรมดาที่ต้องถูกเพื่อนล้อ รู้สึกเป็นเด็กมีปม ไปโรงเรียนก็ไม่มีเพื่อน”

แต่ความกดดันทั้งหมดทั้งมวลที่ได้รับ ก็ไม่ทำให้เด็กชายเจ็บปวดที่สุด เท่ากับเมื่อเพื่อนบอกว่า “เป็นแบบนี้โตขึ้นจะไปทำอะไร”

“คำพูดนั้นเหมือนเป็นจุดที่กระตุ้นผมทุกนาทีให้บอกกับตัวเองว่า เมื่อไหร่ที่มีโอกาสได้ทำในสิ่งที่รัก จงทำมันให้เต็มที่ เพื่อวันหนึ่งผมจะได้สามารถดูแลตัวเอง และคนที่รักได้”

อู๊ดอดทนเพื่อผ่านช่วงเวลาวัยเด็กที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบนั้นมาอย่างเข้มแข็ง ก่อนที่คุณแม่จะตัดสินใจส่งมาเรียนโรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ

“ผมอยากเรียนแต่ไม่อยากจากที่บ้านมา อยากอยู่กับแม่ ตอนนั้นผมร้องไห้ใหญ่ แต่สุดท้ายก็มาเรียนจนจบ ป.6 ผมตั้งใจเรียนจนเคยทำคะแนนได้ถึง 3.92 และได้เป็นประธานนักเรียนตอน ป.6 ก่อนจะย้ายมาเรียนที่โรงเรียนอัสสัมชัญสมุทรปราการซึ่งเป็นโรงเรียนเด็กปกติอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมปรับตัวได้ดีขึ้น ผมไม่โดนล้อ และยังมีเพื่อนที่คอยช่วยเหลือผม อย่างเวลาเรียนผมเรียนด้วยอักษรเบรลล์ เพื่อนที่นั่งข้างๆ ก็จะช่วยอ่านกระดานให้ผม”

ครั้งแรกกับนักไตรกีฬาผู้พิการทางสายตาคนแรกของประเทศไทย ผ่านการ training ของ CIMB Preferred

เพราะไม่เคยมองว่าความบกพร่องทางการมองเห็นเป็นอุปสรรคของการใช้ชีวิต แต่กลับมองว่า เป็นสปริงบอร์ดที่ทำให้เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีความอดทน และมุมานะมากกว่าคนอื่นๆ ทำให้เมื่ออู๊ดได้รับการทาบทามจากอาจารย์ที่โรงเรียนให้เข้าร่วม โครงการ Exclusive Triathlon Training Season 2 by CIMB Preferred เขาจึงตอบรับอย่างไม่ลังเล

“ตอนที่อาจารย์มาชวน วินาทีแรกคิดว่า oh my god จะได้เหรอ ต้องอายุ 18 หรือเปล่า เพราะไตรกีฬาดูเป็นกีฬาที่หนักมากๆ ต้องทั้งวิ่ง ปั่น ว่าย ในคราวเดียว แต่ผมก็คิดว่าน่าจะลองดู เลยตัดสินใจตอบรับอาจารย์ไปแบบไม่ลังเล และไม่ต้องเสียเวลาคิดนาน เพราะผมมีความเชื่อว่า คนเราเวลามี Passion ที่คิดจะทำอะไรหรือมีความฝันอะไรก็ตาม ต้องทำได้เลย ไม่งั้นผมคงไม่ไปประกวดในรายการ The Rapper จนกระทั่งได้เริ่มทำเพลงของตัวเอง และยังรับทำเพลงให้กับองค์กรต่างๆ อีกด้วย”

อีกแรงผลักดันสำคัญที่นอกจาก Passion คือ การก้าวผ่านขีดจำกัดด้วยการพาตัวเองไปอีกขั้น “ไตรกีฬาไม่มีคนแบบพวกเราทำมาก่อน ผมจะเป็นคนแรก และเป็นผู้บุกเบิก” อู๊ด ประกาศตัวจะพิชิตไตรกีฬาสนามแรกในชีวิตให้ได้

ครั้งแรกกับนักไตรกีฬาผู้พิการทางสายตาคนแรกของประเทศไทย ผ่านการ training ของ CIMB Preferred

“ถามว่ามาฝึกซ้อมตรงนี้เหนื่อยมั้ย ก็เหนื่อยนะ แต่ผมคิดว่าเหนื่อยกับสิ่งที่ชอบมันคุ้มค่า ผมพยายามแบ่งเวลา มาซ้อมให้ได้ทุกครั้ง เพราะผมเองก็ไม่ได้ออกกำลังกายจริงจังมา 2 ปีแล้ว จากแต่ก่อนว่ายน้ำได้เป็นกิโล ตอนนี้ว่ายได้แค่ 300 เมตร 3 รอบก็เหนื่อยแล้ว มาปั่นจักรยานครั้งแรกเหนื่อยมาก กลับบ้านสลบเลย แต่แค่ครั้งแรกนะครับ หลังจากนั้นก็ไม่เป็นแล้ว เพราะอาศัยว่าเรามีพื้นฐานการออกกำลังกายมาก่อน ผมชอบนะที่ได้มาร่วมโครงการของ CIMB Preferred ได้มาเข้ารับการฝึกอย่างเป็นระบบแบบนี้ คนละอารมณ์กับทีมชาติเลย สนุกคนละแบบ จากทีมชาติเราฝึกกีฬาทีละอย่าง แต่อันนี้คือฝึก 3 ทักษะพร้อมกันเลย ถามว่าชอบอย่างไหน ผมชอบหมดเลย และคิดว่าไตรกีฬาครั้งนี้สนุกแน่”

ครั้งแรกกับนักไตรกีฬาผู้พิการทางสายตาคนแรกของประเทศไทย ผ่านการ training ของ CIMB Preferred

อู๊ดเริ่มเปิดฉากเล่าถึงเส้นทางสายกีฬาของตัวเองให้ฟังอย่างออกรส “ที่จริง ผมเริ่มออกกำลังกายมาตั้งแต่อายุ 10 ขวบแล้วครับ ผมมีคุณอาซึ่งเป็นนักกีฬาทีมชาติเป็นแรงบันดาลใจ ผมเล่นกีฬาหลายอย่าง เป็นนักกีฬาว่ายน้ำของโรงเรียน และเป็นนักวิ่งของโรงเรียน เคยไปร่วมรายการวิ่งมามากมาย ผมพิชิตฮาร์ฟมาราธอนแรกในงานกรุงเทพมาราธอน ตอนอายุ 13 ปี”

“ช่วง ป.6 เป็นช่วงที่ผมฟิตมาก นอกจากจะไปพิชิตมาราธอน ผมยังไปคัดตัวนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติไทย แล้วก็ติดด้วย แต่ระหว่างที่ไปเก็บตัวเตรียมไปแข่งกีฬาเอเชียนพาราเกมส์ ที่มาเลเซีย ทำพาสปอร์ตเรียบร้อย ผมเกิดเปลี่ยนใจ จากที่คิดว่าอยากเอาดีด้านกีฬาเป็นนักกีฬาทีมชาติ ความฝันผมเปลี่ยนไป เลยคิดว่าอยากกลับมาเรียนต่อและทำงานเพลงที่ผมรัก เลยตัดสินใจสละสิทธิ์”

สำหรับสิ่งที่ทำให้แร็ปเปอร์วัยทีนประทับใจ เมื่อได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Exclusive Triathlon aining Season 2 by CIMB Preferred อู๊ดตอบแบบไม่ได้คิดจะเอาใจโค้ช แต่สะท้อนจากความรู้สึกจริงๆ “ผมประทับใจโค้ชที่ทางโครงการจัดมาให้ครับ โค้ชไม่เคยมองว่าผมแตกต่างจากคนอื่น แถมยังคอยให้กำลังใจ โค้ชไม่เคยบอกว่าให้แค่นี้พอนะ แต่ให้ผมทำทุกอย่างอย่างเต็มที่ที่สุด โค้ชมองว่าผมทำทุกอย่างได้เหมือนคนอื่นๆ ทั้งวิ่ง ปั่น ว่าย ผมคิดเสมอว่าคนเราถ้าเชื่อว่าเราปกติ เราก็ปกติ ทำไมต้องเสียเวลาไปสนใจกับสิ่งที่ทำให้เราต้องสะดุดและไม่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ผมบอกตัวเองเสมอว่า บางครั้งเราไม่จำเป็นต้องสนใจในสิ่งที่เราเป็น แค่ทำในสิ่งที่อยากทำ แล้วใช้ใจของเราข้ามผ่านทุกอุปสรรคไปก็พอ และเพื่อนๆ พี่ๆ ที่ร่วมเทรนด้วยกันให้กำลังใจกัน ช่วยเหลือกัน เป็นกลุ่มที่แน่นแฟ้นมากครับ”

มาถึงวันนี้ อู๊ดย้ำหนักแน่นว่า เขาไม่เคยเสียใจที่เกิดมาเป็นแบบนี้ แต่กลับมองว่าเป็นเรื่องดี ไม่เช่นนั้นเขาคงยังมาไม่ถึงวันนี้ ก่อนจะชวนคุยต่อถึงความฝันตามประสาวัยรุ่น ตอนที่อู๊ดเคยหันหลังให้กับความฝันที่มุ่งมั่นมาตั้งแต่เด็ก แตะเบรกจากการออกกำลังกาย แล้วหันมาสนุกกับความฝันที่มาพร้อมฮอร์โมนวัยรุ่น

“ตอนอายุ 10 ขวบ ผมก็แต่งเพลงได้ 20 กว่าเพลงแล้ว (หัวเราะ) ผมเริ่มต้นจากการเป็นนักร้องนำ ตอนหลังอยากหัดเล่นกีตาร์ พี่ในวงเลยสอนจับคอร์ดแล้วก็หัดเรียนรู้ด้วยตัวเองมาเรื่อยๆ จนพอมีรายการ The Rapper ผมก็ตัดสินใจมาประกวด ถึงสุดท้ายจะไม่ได้แชมป์ของรายการ แต่นามสกุล The Rapper ก็ถือเป็นประตูแห่งโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตของผม ทำให้ผมได้มีโอกาสทำงานเพลงที่รักต่อไป เริ่มมีกลุ่มแฟนคลับ ได้เล่นคอนเสิร์ตมา 2 ครั้ง กำลังถ่ายรายการ คนค้นคน และ อายุน้อยร้อยล้าน แต่ที่ภูมิใจที่สุด คือ ทำให้ฝันของผมที่อยากจะทำให้พ่อแม่ภูมิใจ หาเลี้ยงตัวเองได้เป็นจริงเร็วกว่าที่คิด ทุกวันนี้ผมตั้งใจจะไม่ขอเงินแม่ใช้ ซึ่งผมก็เริ่มทำมาแล้ว 1 เดือนแล้ว” อู๊ดบอกเล่าด้วยน้ำเสียงที่มีความสุขราวกับโลกทั้งใบเป็นสีชมพู จนคนรอบข้างยังต้องยิ้มตาม

ครั้งแรกกับนักไตรกีฬาผู้พิการทางสายตาคนแรกของประเทศไทย ผ่านการ training ของ CIMB Preferred

“ผมคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประสบการณ์ ด้วยความที่เราเป็นแบบนี้ ทำให้เราต้องพยายามมองหาทัศนคติที่ตอบโจทย์กับสิ่งที่เราเป็น การที่เราเป็นแบบนี้ ทำให้ผมโตไวกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน ได้ผ่านบททดสอบยากๆ มาก่อนคนอื่น ทำให้มีภูมิคุ้มกัน และต่อให้หนทางข้างหน้าจะต้องเจออะไรก็ไม่หวั่น เพราะผ่านมาหมดแล้ว อย่างไตรกีฬาที่กำลังจะลงแข่งเร็วๆ นี้ ผมก็แข่งกับคนปกตินะ อย่างน้อยถ้ามีคนเข้าช้ากว่าผมก็ถือว่าโอเคนะ (หัวเราะ) ผมจะพยายามทำให้เต็มที่ ถึงไม่รู้ว่าต่อไป จะได้เติบโตเป็นนักกีฬาหรือเปล่า แต่คิดว่าถ้ามีโอกาสก็จะทำอีก จะพยายามออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพให้มากขึ้น ควบคู่ไปกับการทำงานเพลงที่รัก และที่ผมไม่ทิ้งแน่นอน คือ การเรียน”

อู๊ด ยังกล่าวทิ้งท้ายถึงใครหลายๆ คนที่อาจจะลังเลที่จะทำตามความฝัน หรือ ปล่อยให้อุปสรรคมาเป็นกำแพงไม่ให้เดินต่อไปข้างหน้าว่า “หลายคนกังวลไม่ลงมือทำ เพราะกลัวว่าทำลงไปแล้วผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็นอย่างไร ทั้งที่จริงแล้วการทำในสิ่งที่รักบางครั้งไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล ทำไปแล้ว ต่อให้ผลที่ออกมาไม่เป็นดั่งหวังก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ยังได้เรียนรู้จากความผิดพลาดนั้น ขอแค่ได้ทำในสิ่งที่รักก็พอ”

“อย่างไตรกีฬาครั้งนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้ผมได้กลับมาดูแลสุขภาพตัวเองอีกครั้ง จากที่ผ่านมา เราอาจหลงลืมไปโฟกัสอย่างอื่นมากไป เพราะสุดท้ายแล้ว ความรักที่เราควรมีเป็นอักดับแรก คือ ความรักตัวเอง รักในสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว เช่น แขน ขา สุขภาพ ถ้าเราไม่รักตัวเอง อย่าคิดว่าใครจะมารักคุณ” อู๊ดทิ้งท้ายอย่างกินใจ ก่อนจะตบปากรับคำเป็นมั่นเหมาะว่า จะเตรียมแร็ปไว้สำหรับร้องตอนเข้าสู่เส้นชัย กับการร่วมงานไตรกีฬาครั้งใหญ่ครั้งแรกในงาน CIMB THAI TRIATHLON FOR ASEAN DAY ที่จะถึงในวันที่ 5 สิงหาคมนี้

รามาร่วมส่งเสียงเชียร์ อู๊ด ไปพร้อม ๆ กัน

กิจกรรมดีๆ มีให้อย่างต่อเนื่อง ร่วมเป็นสมาชิก CIMB Preferred ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย โทร. 02 626 7888 www.cimbpreferred.com

ขอบคุณ... https://www.thairath.co.th/content/1341679

ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 26 ก.ค.61
วันที่โพสต์: 31/07/2561 เวลา 10:34:21 ดูภาพสไลด์โชว์ ครั้งแรกกับนักไตรกีฬาผู้พิการทางสายตาคนแรกของประเทศไทย ผ่านการ training ของ CIMB Preferred