น่าเวทนา ทารก 2 หน้า – สมอง 2 ก้อน แต่มีหัวเดียวกัน

น่าเวทนา – เดลี่เมล์ รายงานเมื่อ 23 ก.ค. เรื่องราวของ ด.ช.กีลัง อันดีกา ทารกวัย 2 เดือน จากเมืองบาตัม ในอินโดนีเซีย ที่เกิดมามีด้วยโรคเด็กสองหน้า โดยมีใบหน้าและสมองของฝาแฝดอีกคนที่อยู่ร่วมศีรษะเดียวกัน แต่ไม่ได้มีพัฒนาการเจริญเติบโตในครรภ์แม่

ด.ช.กีลังไม่สามารถดื่มนมได้ จึงจำเป็นต้องดื่มนมผ่านทางสายยาง แพทย์ระบุว่าทารกตัวน้อยไม่น่าจะมีชีวิตยืนยาวนัก อีกทั้งยังมีภาวะโพรงสมองคั่งน้ำ ซึ่งทารกที่เกิดมาจะได้รับความเสียหายทางสมองในระยะยาว ทำให้พิการทางการเรียนรู้ การพูด มีปัญหาการมองเห็นหรือความจำ หรือเป็นโรคลมบ้าหมู

ขณะที่ นางเออร์นีซาลี และ นายมุสตาฟา พ่อแม่ของด.ช.กีลัง ไม่ทราบถึงอาการป่วยร้ายแรงของทารกในครรภ์ กระทั่งทารกคลอดออกมาจากการผ่าตัดคลอด อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาเพื่อช่วยชีวิตลูกชายได้

ดร.เนนเดน อิสมาวาตี แพทย์โรงพยาบาล อาวัล บรอส ในเมืองบาตัม ผู้ดูแลด.ช.กีลัง กล่าวว่า ทีมแพทย์ไม่น่าจะสามารถผ่าตัดได้ และโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงจาการ์ตา เมืองหลวง ซึ่งมีเครื่องมือรักษาดีกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่า ด.ช.กีลังจะสามารถเข้ารับการผ่าตัดรักษาได้ทันที เนื่องจากทีมแพทย์ที่กรุงจาการ์ตายังพูดคุยเรื่องการรักษา

ด้านนางเออร์นีลาซารี เล่าว่า ขณะตั้งครรภ์ไม่พบความผิดปกติอะไร ขณะที่แพทย์โรงพยาบาล ชามาตา ซาฮีดียา ปันบิล ที่ฝากครรภ์ ไม่ได้สังเกตความผิดปกติ ทั้งที่อัลตร้าซาวด์ครรภ์แล้วถึง 3 ครั้ง

“แพทย์เพียงระบุว่า ศีรษะของทารกในครรภ์ขยายตัวและทารกอยู่ในท่าก้น (Breech position) ซึ่งไม่กลับหัวแบบปกติสำหรับการคลอด” นางเออร์นีลาซารีระบุ

ตอนนี้พ่อแม่ของด.ช.กีลังสิ้นหวังในการหาหนทางผ่าตัดแยกกะโหลกศีรษะของลูกชาย ขณะที่อาการผิดปกติดังกล่าวทำให้ลูกชายมีปัญหาสุขภาพ

ทั้งนี้ โรคเด็กสองหน้า เป็นหนึ่งในอาการพิการที่หายาก ทำให้ใบหน้าบางส่วนหรือทั้งหมดเติบโตมาเป็นสองหน้า เนื่องจากไข่ของแม่ไม่ได้แยกออกจากกันอย่างสมบูรณ์ระหว่างการตั้งครรภ์ ซึ่งส่วนใหญ่ทารกจะไม่รอดชีวิตหลังพ้นคลอด

กรณีของด.ช.กีลัง แม้จะมีร่างกายเดียวและสองแขนสองขาเหมือนปกติ แต่ในทางเทคนิคถือว่าเป็นแฝดติดกัน ซึ่งอาการดังกล่าวมีโอกาสเกิดขึ้น 1 ต่อ 250,000 ครั้ง ของการคลอดบุตร

สำหรับแนวทางการรักษาด.ช.กีลัง จะต้องผ่าตัดเอาสมองและใบหน้าของแฝดที่ไม่มีพัฒนาการแล้วออก และผ่าตัดบางส่วนของกะโหลกศีรษะ ซึ่งเป็นการผ่าตัดที่ค่อนข้างเสี่ยง

ขอบคุณ... https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_1369860

ที่มา: khaosod.co.th /มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 24 ก.ค.61
วันที่โพสต์: 25/07/2561 เวลา 10:34:36