หนุ่มวัย 25 ประสบอุบัติเหตุ จยย.ล้ม ถูกตัดขา! ไม่มีเงินแสนจ่ายหมอทันที
หนุ่มวัยเบญจเพศต้องกลายเป็นคนพิการ หลังประสบอุบัติเหตุ จยย.ล้ม แพทย์ รพ.เอกชน เรียกเก็บ 1 แสนบาททันทีจึงจะผ่าตัดให้ ครอบครัวไม่มีให้ถูกส่งต่อ รพ.แห่งที่สอง สุดท้ายรักษาไม่ทัน ถูกตัดขา 1 ข้าง
วันที่ (1 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทนายประชาชน ได้พาผู้สื่อข่าวไปพบกับ นายอภิรมย์ อายุ 25 ปี หนุ่มผู้โชคร้ายที่ประสบอุบัติเหตุ จนต้องถูกตัดขาทิ้ง เพราะเพียงแค่ไม่มีเงินจำนวน 100,000 บาท นำไปจ่ายให้แพทย์ทันทีในคืนที่เข้ารับการรักษาตัวกับ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านพักอาศัย
นายอภิรมย์ เล่าว่า ตนทำงานเป็นพนักงานของสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ตำแหน่ง Electrical Support Officer เงินเดือน 20,000 บาท ทำมาได้เกือบ 1 ปีแล้ว ทุกๆ วันจะขี่จักรยานยนต์ไปกลับระหว่างบ้านกับที่ทำงาน โดยเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตนเข้างานตอนกลางคืน ซึ่งในวันนั้นมีฝนตกหนัก ตนก็รอจนกระทั่งฝนหยุดตกก่อน จึงได้ขี่รถออกมาจากบ้าน เมื่อมาถึงบริเวณถนนบรมราชชนนี ปากทางเข้าถนนพุทธมณฑลสาย 2 ปรากฏว่าจักรยานยนต์ได้เสียหลักล้มลงเพราะถนนลื่น โดยไม่มีคู่กรณี ตนจำได้เพียงแค่ว่า ตอนนั้นเมื่อรถล้มแล้วรู้สึกเจ็บที่ขาขวามาก และสักพักหนึ่งก็มีเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ มาช่วยเหลือ ก่อนนำส่ง รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง
ขณะนอนรอดูอาการที่โรงพยาบาล ตนก็ยังพอรู้ตัวว่ามีหมอมาตรวจและทางครอบครัวก็มาดูอาการด้วย ซึ่งตอนนั้นได้ยินแม่ถามหมอว่า ลูกชายเป็นอย่างไรบ้าง และได้ยินหมอคนหนึ่งพูดว่า กระดูกขาหัก 3 ท่อน แม่มีเงิน 1 แสนหรือไม่ ถ้ามีก็หมอจะผ่าตัดให้เลย
ทั้งนี้แม่ก็บอกหมอว่า ให้ช่วยผ่าตัดให้ก่อนแล้วเช้าจะเอาเงินมาให้ได้หรือไม่ เพราะต้องไปขอยืมญาติมาจ่ายก่อน พอหลังจากที่สิ้นคำพูดของแม่แล้ว ตนก็ไม่ได้ยินอะไรอีกเลย รู้ตัวแค่ว่าถูกนำเข้าห้อง ไอ.ซี.ยู และฟื้นอีกทีก็ย้ายมาอีกโรงพยาบาลแล้ว ซึ่งเป็นโรงพยาบาลตามสิทธิประกันสังคม
แพทย์ รพ.มหาชัย 2 แจ้งว่า ต้องตัดขาข้างขวาตั้งแต่หัวเข่าลงไปทิ้ง เนื่องจากเส้นเลือดขาดและเซลล์ตายแล้ว ไม่สามารถต่อให้ได้ เพราะมาถึงมือหมอช้าเกินไป หากปล่อยทิ้งไว้อาจจะทำให้ติดเชื้อในกระแสเลือด และอาจจะเสียชีวิตลงได้ ทำให้ทางครอบครัวของตนต้องตัดใจยอมให้หมอตัดขาตนเองทิ้ง และนอนพักรักษาตัวอยู่กว่าครึ่งเดือน
นายอภิรมย์ ยังเล่าต่อว่า ตนได้ออกจากโรงพยาบาล เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทั้งความรู้สึกเสียใจที่ต้องสูญเสียขากลายเป็นคนพิการ เพราะตนเองนั้นก็เป็นเสาหลักของครอบครัว ต้องหาเลี้ยงดูภรรยาและบุตรชายวัย 4 ขวบ ที่กำลังเรียนอยู่ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ รวมทั้งช่วยครอบครัวของภรรยาด้วย
ส่วนอีกด้านหนึ่งก็เสียความรู้สึกต่อแพทย์ของ รพ. เอกชน แห่งแรกเป็นอย่างมาก ทำไมถึงไม่รักษาให้ตนเองก่อน แล้วเช้าค่อยให้ที่บ้านนำเงินมาจ่ายให้ หรือเมื่อรับตัวคนไข้เข้ามาแล้ว ก็จะต้องมีการตรวจเช็คประกันสังคม เมื่อพบว่าตนเองมีสิทธิประกันสังคมอยู่ที่ รพ.มหาชัย 2 ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลแห่งแรกมากนัก ทำไมไม่รีบส่งตัวไปยังโรงพยาบาลตามสิทธิของตน เพราะหากส่งตัวไปได้เร็ว ก็จะทำให้สามารถต่อเส้นเลือดที่ขาได้อย่างทันท่วงทีและตนไม่ต้องกลายมาเป็นคนพิการ
ทั้งนี้ พอหลังจากที่เกิดเหตุแล้ว ตนและครอบครัวก็รู้สึกเครียดมาก พยายามหาทางที่จะคุยกับทางแพทย์ของโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรก เพื่อให้ได้คำตอบว่าทำไมถึงไม่ผ่าตัดให้ตนก่อนในคืนนั้น ทำไมต้องมีเงินแสนถึงจะทำให้ แล้วแบบนี้คนจนๆ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะทำอย่างไร ไม่มีสิทธิรักษาจนต้องกลายเป็นคนพิการ และทำไมถึงตรวจไม่พบว่าเส้นเลือดที่ขาขาดด้วย
ตนก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี กลัวไปคุยกันเองแล้วจะเพลี่ยงพล้ำไปหมิ่นประมาทอีกฝ่าย ก็อาจจะทำให้ถูกฟ้องร้องกลับได้ กระทั่งมีเพื่อนแนะนำว่าให้โทรศัพท์ไปขอคำปรึกษาจากทนายตั้ม ตนจึงได้ลองโทรศัพท์ไปถามและก็ได้รับคำแนะนำว่า ทางทนายจะช่วยเดินเรื่องให้แต่ต้องให้มีการพูดคุยเพื่อรับฟังเหตุผลทางแพทย์หรือคณะผู้บริหารจาก รพ.เอกชนแห่งแรกเสียก่อน
ทางด้าน แม่ของนายอภิรมย์ เล่าว่า ในวันเกิดเหตุ ตนรีบเดินทางไปดูบุตรชายที่ รพ.เอกชนแห่งแรก และก็ได้พูดคุยกับคุณหมอ ซึ่งหมอก็บอกว่าถ้ามีเงิน 1 แสนก็จะผ่าตัดให้เลย พอตนบอกว่าให้ผ่าตัดให้ก่อนแล้วจะนำเงินมาจ่ายให้ตอนเช้า แต่หมอไม่ฟังเสียงที่ตนพูดออกไปเลย หมอเดินหนีไปโดยไม่หยุดฟังสักคำ
ส่วนลูกชายก็ถูกเข็นไปในห้องไอ.ซี.ยู และหมอช่วยเพียงแค่ใส่เครื่องรักษาปอด เนื่องจากมีลมออกจากปอด ซึ่งพวกตนก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จนกระทั่งผ่านไปหลายชั่วโมง ทาง รพ.เอกชนแห่งแรก ก็ส่งตัวลูกชายต่อไปที่ รพ.มหาชัย 2 เมื่อถึงมือแพทย์ แพทย์บอกว่าต้องตัดขาทิ้ง เพราะเส้นเลือดขาขาด และเซลล์ตายแล้ว เนื่องจากมาช้าไป ไม่สามารถต่อได้ ทำให้ทั้งตนและลูกสะใภ้แทบยืนไม่อยู่ แต่ก็ต้องตัดใจให้แพทย์ตัดขา เพื่อรักษาชีวิตที่เหลือเอาไว้
ซึ่งทางบ้านแค่ต้องการอยากรู้ว่า ทำไมแพทย์ของโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกไม่รักษาลูกชายก่อน แล้วทำไมตรวจไม่พบว่า เส้นเลือดขาที่ลูกชายขาดจนต้องต่อให้ทันภายใน 6 ชั่วโมง อีกทั้งจะเอาตัวลูกชายไว้นานทำไม เหตุใดไม่รีบนำส่ง รพ.มหาชัย 2 เลย หลังจากที่ตรวจพบสิทธิตามการรักษาของประกันสังคม
ภรรยาของนายอภิรมย์ฯ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุก็มีคณะผู้บริหารของ รพ.เอกชน เรียกตนเข้าไปพูดคุยด้วยครั้งหนึ่ง โดยบอกว่า แพทย์ได้ให้การรักษาอย่างถูกต้องตามกระบวนการแล้ว เพราะ ณ วินาทีนั้นต้องให้การรักษาที่ปอดก่อน ส่วนขาที่หักไว้ผ่าตัดต่อที่หลังได้ ซึ่งก็ได้มีการนัดพูดคุยเพื่อชี้แจงเอกสารทางการรักษาอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (2 ส.ค.) แต่ที่ตนสงสัยคือแพทย์ที่เข้ามาตรวจครั้งแรกตรวจอย่างไร ทำไมไม่พบว่าเส้นเลือดที่ขาด และจะต้องต่อภายใน 6 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นก็จะต่อไม่ได้อีก ซึ่งต่างจากแพทย์ของ รพ.มหาชัย 2 เมื่อรับตัวเข้ารักษานั้น แพทย์ได้ทำการตรวจแล้วถามว่า แพทย์ที่ ร.พ.แรกไม่ได้บอกหรือว่าเส้นเลือดที่ขาขาด ซึ่งตนและครอบครัวก็บอกไม่รู้ เพราะแพทย์จาก รพ.แรกบอกเพียงแค่ว่า กระดูขาท่อนล่างหัก 3 ท่อน และมีอาการลมออกจากปอดเท่านั้น
นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทนายประชาชน กล่าวว่า ทั้งนี้ในส่วนของทีมงานทนายประชาชนนั้น จะต้องขอตรวจสอบข้อมูลทางเอกสารทั้งหมดก่อน และจะต้องมีการรับฟังคำชี้แจงจากทางการแพทย์ของ รพ.เอกชนแห่งแรกด้วย จึงจะสามารถดำเนินการต่อทางด้านกฎหมายได้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
ที่มา: news.sanook.comออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 1 ส.ค.60
วันที่โพสต์: 2/08/2560 เวลา 13:12:02 
