นร.วัย 13 ร้อง 'นายอำเภอ' ช่วยพ่อป่วยหนัก-ตาบอด ต้องล้างไตด่วน

แสดงความคิดเห็น

เด็กหญิงม.1 เขียนจดหมายถึง "นายอำเภอศรีราชา" ให้ช่วยเหลือ หลังพ่อป่วยหนักและตาบอด2ข้าง ต้องรักษาล้างไตโดยด่วน แต่ไม่มีค่ารักษา

เด็กหญิงม.1 เขียนจดหมายถึง "นายอำเภอศรีราชา" ให้ช่วยเหลือ หลังพ่อป่วยหนักและตาบอด2ข้าง ต้องรักษาล้างไตโดยด่วน แต่ไม่มีค่ารักษา

จากกรณีเด็กหญิงณัฐมน ใจกาศ อายุ 13 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเทศบาลบ้านศรีมหาราชา ได้เขียนจดหมายถึง นายวรญาณ บุญณราช นายอำเภอศรีราชา จ.ชลบุรี ว่าตนอยู่กับบิดาและน้องชายอายุ 6 ขวบ ส่วนแม่ได้แยกทางกับพ่อตั้งแต่หนูเล็กๆ แต่ขณะนี้บิดาป่วยโดยโรคไตและตาบอดทั้ง 2 ข้าง โดยจะต้องทำการฟอกไตโดยด่วน เนื่องจากอาการเริ่มทรุดหนัก นอกจากนั้น หากต้องมาดูแลบิดาในช่วงฟอกไตแล้ว ตนและน้องชายจะไม่ได้เรียนหนังสือ เพราะต้องดูแลบิดาตลอดเวลาและไม่มีใครส่งน้องไปโรงเรียน ดังนั้น จึงได้เขียนจดหมายเพื่อขอความช่วยเหลือจากนายอำเภอศรีราชา

เมื่อเวลา 12.30 น. นายวรญาณ บุญณราช นายอำเภอศรีราชา กล่าวว่า หลังได้รับจดหมายแล้ว จึงได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา, สภากาชาดไทยอำเภอศรีราชา,โรงเรียนเทศบาลบ้านศรีมหาราชาเพื่อร่วมวางแนวทางในการช่วยเหลือในครั้งนี้

เนื่องจากทราบความเดือดร้อนและความต้องการของเด็กนักเรียนคนนี้ ในเบื้องต้นได้ประสานกับโรงพยาบาลสมเด็จฯ ในกรณีพิเศษ เพราะหากล้างไต ที่บริเวณหน้าท้อง จะต้องมีญาติพี่น้องคอยดูแลตลอดทั้งวัน เพราะการล้างไตที่บริเวณหน้าท้องจะต้องล้างทุกๆ 6 ชั่วโมง 4 ครั้งต่อวัน และต้องคอยดูแลเป็นพิเศษเพราะหวั่นติดเชื้อ แต่เนื่องจากครอบครัวนี้ไม่ญาติพี่น้อง โดยมีเพียง 3 คน พ่อและลูก 2 คน ซึ่งยังเด็กมากและเรียนหนังสืออยู่ ดังนั้นต้องการให้ทางโรงพยาบาลฯ ช่วยเหลือ โดยวิธีใช้เครื่องล้างไต ซึ่งจะไม่ยุ่งยากและเด็กสามารถเรียนหนังสือได้ตามปกติ

นายวรญาณ กล่าวต่อไปว่า สำหรับเรื่องการเรียนของเด็กทั้ง 2 คน ไม่น่ามีปัญหา เพราะพื้นที่อำเภอศรีราชา มีกองทุนให้ความช่วยเหลือหลายกองทุน ทั้งหน่วยงานรัฐและภาคเอกชน และขณะนี้ทางโรงเรียนได้ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี โดยเป็นห่วงแต่ผู้เป็นพ่อเท่านั้น ที่ต้องดูแลรักษา แต่เนื่องจากขั้นตอนการล้างไตนั้น มีหลายขั้นตอน จึงต้องขอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวีณ ศรีราชา เป็นกรณีพิเศษ ในเบื้องต้นก็ได้ให้การช่วยเหลือสนับสนุนการศึกษาแก่เด็กและครอบครัวจำนวนหนึ่ง

ด้านนางยุพิน ปริยัติดุลภาค เจ้าหน้าที่พยาบาลศูนย์ผู้ป่วยไต โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวีณ ศรีราชา กล่าวว่า กรณีการล้างด้วยเครื่องนั้นมีขั้นตอนที่ยุ่งยากและมีผู้ป่วยรอคิวเป็นจำนวนมาก ดังนั้นกรณีที่นายอำเภอศรีราชา ขอความช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งจะต้องปรึกษาหารือกับแพทย์ประจำศูนย์ผู้ป่วยไตอีกครั้ง แต่ก็ไม่น่ามีปัญหา เพราะกรณีนี้เป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากผู้ป่วยมีความพิการทางสายตาทั้ง 2 ข้าง นอกจากนั้น ยังไม่มีญาติมาคอยดูแลด้วย ดังนั้นเมื่อพิจารณาและเข้าเกณฑ์การล้างด้วยเครื่องฟอกไต ก็ไม่น่าจะมีปัญหาก็พร้อมจะดำเนินการได้ในทันที

นายศุภฤกษ์ รุ่งระวี อายุ 43 ปี บิดาเด็กหญิงณัฐมน ใจกาศ กล่าวว่า ขณะนี้อาการของตนเริ่มทรุดหนัก เนื่องจากไม่สามารถนอนราบกับพื้นหลับได้ โดยจะต้องนั่งหลับเท่านั้น นอกจากนั้นได้ช่วงนี้ไม่สามารถกินข้าวได้ โดยกินได้แต่เพียงนมกับโอวัลติน เพราะถ้ากินข้าวก็จะอาเจียรทันทีขณะนี้เป็นที่พึ่งสุดท้าย ที่ลูกสาวเขียนจดหมายถึงนายอำเภอศรีราชา เพราะตนไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว โดยมีเพียงเงินช่วยเหลือคนพิการ เดือนละ 800 บาท นอกจากนั้นได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน และทางโรงเรียนที่ทราบเรื่องภายในครอบครัว จึงพยายามหาทางช่วยเหลือด้านอาหารกลางวัน,ด้านทุนการศึกษาและเสื้อผ้าจากคณะอาจารย์

“สำหรับตนนั้น คงจะอยู่ได้อีกไม่นาน เพราะป่วยหลายโรค เช่น ความดัน ,โรคเบาหวานจนทำให้ตาบอด และขณะนี้เป็นโรคไต โดยเป็นห่วงแต่ลูกสาวและลูกชายเท่านั้น ต้องการให้มีความรู้ เพื่อดูแลตัวเองได้ในอนาคต” นายศุภฤกษ์ กล่าว

ขอบคุณ... http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/718972 (ขนาดไฟล์: 167)

ที่มา: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 20 ก.ย.59
วันที่โพสต์: 21/09/2559 เวลา 10:55:53 ดูภาพสไลด์โชว์ นร.วัย 13 ร้อง 'นายอำเภอ' ช่วยพ่อป่วยหนัก-ตาบอด ต้องล้างไตด่วน

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

เด็กหญิงม.1 เขียนจดหมายถึง "นายอำเภอศรีราชา" ให้ช่วยเหลือ หลังพ่อป่วยหนักและตาบอด2ข้าง ต้องรักษาล้างไตโดยด่วน แต่ไม่มีค่ารักษา เด็กหญิงม.1 เขียนจดหมายถึง "นายอำเภอศรีราชา" ให้ช่วยเหลือ หลังพ่อป่วยหนักและตาบอด2ข้าง ต้องรักษาล้างไตโดยด่วน แต่ไม่มีค่ารักษา จากกรณีเด็กหญิงณัฐมน ใจกาศ อายุ 13 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเทศบาลบ้านศรีมหาราชา ได้เขียนจดหมายถึง นายวรญาณ บุญณราช นายอำเภอศรีราชา จ.ชลบุรี ว่าตนอยู่กับบิดาและน้องชายอายุ 6 ขวบ ส่วนแม่ได้แยกทางกับพ่อตั้งแต่หนูเล็กๆ แต่ขณะนี้บิดาป่วยโดยโรคไตและตาบอดทั้ง 2 ข้าง โดยจะต้องทำการฟอกไตโดยด่วน เนื่องจากอาการเริ่มทรุดหนัก นอกจากนั้น หากต้องมาดูแลบิดาในช่วงฟอกไตแล้ว ตนและน้องชายจะไม่ได้เรียนหนังสือ เพราะต้องดูแลบิดาตลอดเวลาและไม่มีใครส่งน้องไปโรงเรียน ดังนั้น จึงได้เขียนจดหมายเพื่อขอความช่วยเหลือจากนายอำเภอศรีราชา เมื่อเวลา 12.30 น. นายวรญาณ บุญณราช นายอำเภอศรีราชา กล่าวว่า หลังได้รับจดหมายแล้ว จึงได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา, สภากาชาดไทยอำเภอศรีราชา,โรงเรียนเทศบาลบ้านศรีมหาราชาเพื่อร่วมวางแนวทางในการช่วยเหลือในครั้งนี้ เนื่องจากทราบความเดือดร้อนและความต้องการของเด็กนักเรียนคนนี้ ในเบื้องต้นได้ประสานกับโรงพยาบาลสมเด็จฯ ในกรณีพิเศษ เพราะหากล้างไต ที่บริเวณหน้าท้อง จะต้องมีญาติพี่น้องคอยดูแลตลอดทั้งวัน เพราะการล้างไตที่บริเวณหน้าท้องจะต้องล้างทุกๆ 6 ชั่วโมง 4 ครั้งต่อวัน และต้องคอยดูแลเป็นพิเศษเพราะหวั่นติดเชื้อ แต่เนื่องจากครอบครัวนี้ไม่ญาติพี่น้อง โดยมีเพียง 3 คน พ่อและลูก 2 คน ซึ่งยังเด็กมากและเรียนหนังสืออยู่ ดังนั้นต้องการให้ทางโรงพยาบาลฯ ช่วยเหลือ โดยวิธีใช้เครื่องล้างไต ซึ่งจะไม่ยุ่งยากและเด็กสามารถเรียนหนังสือได้ตามปกติ นายวรญาณ กล่าวต่อไปว่า สำหรับเรื่องการเรียนของเด็กทั้ง 2 คน ไม่น่ามีปัญหา เพราะพื้นที่อำเภอศรีราชา มีกองทุนให้ความช่วยเหลือหลายกองทุน ทั้งหน่วยงานรัฐและภาคเอกชน และขณะนี้ทางโรงเรียนได้ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี โดยเป็นห่วงแต่ผู้เป็นพ่อเท่านั้น ที่ต้องดูแลรักษา แต่เนื่องจากขั้นตอนการล้างไตนั้น มีหลายขั้นตอน จึงต้องขอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวีณ ศรีราชา เป็นกรณีพิเศษ ในเบื้องต้นก็ได้ให้การช่วยเหลือสนับสนุนการศึกษาแก่เด็กและครอบครัวจำนวนหนึ่ง ด้านนางยุพิน ปริยัติดุลภาค เจ้าหน้าที่พยาบาลศูนย์ผู้ป่วยไต โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวีณ ศรีราชา กล่าวว่า กรณีการล้างด้วยเครื่องนั้นมีขั้นตอนที่ยุ่งยากและมีผู้ป่วยรอคิวเป็นจำนวนมาก ดังนั้นกรณีที่นายอำเภอศรีราชา ขอความช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งจะต้องปรึกษาหารือกับแพทย์ประจำศูนย์ผู้ป่วยไตอีกครั้ง แต่ก็ไม่น่ามีปัญหา เพราะกรณีนี้เป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากผู้ป่วยมีความพิการทางสายตาทั้ง 2 ข้าง นอกจากนั้น ยังไม่มีญาติมาคอยดูแลด้วย ดังนั้นเมื่อพิจารณาและเข้าเกณฑ์การล้างด้วยเครื่องฟอกไต ก็ไม่น่าจะมีปัญหาก็พร้อมจะดำเนินการได้ในทันที นายศุภฤกษ์ รุ่งระวี อายุ 43 ปี บิดาเด็กหญิงณัฐมน ใจกาศ กล่าวว่า ขณะนี้อาการของตนเริ่มทรุดหนัก เนื่องจากไม่สามารถนอนราบกับพื้นหลับได้ โดยจะต้องนั่งหลับเท่านั้น นอกจากนั้นได้ช่วงนี้ไม่สามารถกินข้าวได้ โดยกินได้แต่เพียงนมกับโอวัลติน เพราะถ้ากินข้าวก็จะอาเจียรทันทีขณะนี้เป็นที่พึ่งสุดท้าย ที่ลูกสาวเขียนจดหมายถึงนายอำเภอศรีราชา เพราะตนไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว โดยมีเพียงเงินช่วยเหลือคนพิการ เดือนละ 800 บาท นอกจากนั้นได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน และทางโรงเรียนที่ทราบเรื่องภายในครอบครัว จึงพยายามหาทางช่วยเหลือด้านอาหารกลางวัน,ด้านทุนการศึกษาและเสื้อผ้าจากคณะอาจารย์ “สำหรับตนนั้น คงจะอยู่ได้อีกไม่นาน เพราะป่วยหลายโรค เช่น ความดัน ,โรคเบาหวานจนทำให้ตาบอด และขณะนี้เป็นโรคไต โดยเป็นห่วงแต่ลูกสาวและลูกชายเท่านั้น ต้องการให้มีความรู้ เพื่อดูแลตัวเองได้ในอนาคต” นายศุภฤกษ์ กล่าว ขอบคุณ... http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/718972

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...