เฟซบุ๊กขู่ ถล่มสนง.ทนายคนพิการ พยานพาผวา น.1สั่ง 'ล่าตัว' เลื่อนเผาศพ

แสดงความคิดเห็น

ทนายพร้อมครอบครัวเหยื่อขาพิการ ที่ถูกแก๊งลูกตำรวจแทงดับ โร่แจ้งความร้องทุกข์ ถูกข่มขู่และหมิ่นประมาทผ่านเฟซบุ๊ก ตำรวจรับเรื่องสืบสวนหาเจ้าของเพจ ถ้าผิดจริงแจ้งข้อหาดำเนินคดี

ทนายพร้อมครอบครัวเหยื่อขาพิการ ที่ถูกแก๊งลูกตำรวจแทงดับ โร่แจ้งความร้องทุกข์ ถูกข่มขู่และหมิ่นประมาทผ่านเฟซบุ๊ก ตำรวจรับเรื่องสืบสวนหาเจ้าของเพจ ถ้าผิดจริงแจ้งข้อหาดำเนินคดี ส่วนด้านคดีครอบครัวเหยื่อเอาภาพวงจรปิดของธนาคารใกล้เคียงที่บันทึกเหตุการณ์ไว้ได้มาให้ตำรวจไว้เป็นหลักฐานอีกชิ้น โอดพยานที่เห็นเหตุการณ์หลายคนยังผวาภัยมืด ไม่ยอมเข้าให้การเป็นพยาน

จากเหตุสะเทือนใจกรณีวัยรุ่น 6 คน เมาโหดใช้มีดรุมฟันนายสมเกียรติ ศรีจันทร์ อายุ 36 ปีขาพิการเสียชีวิต หน้าร้านขายขนมปังภายในซอยโชคชัย 4 แยก 69 เมื่อเช้าวันที่ 1 พ.ค. ต่อมาตำรวจ สน.โชคชัย จับกุมตัวผู้ต้องหามาแถลงข่าว ปรากฏว่า มีลูกเจ้าหน้าที่ตำรวจใน บก.น.4 รวมอยู่ด้วย 4 คน จากทั้งหมด 6 คน แต่กระแสสังคมยังเรียกร้องให้ดำเนินคดีข้อหาหนัก เนื่องจากเป็นเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นกับคนพิการ และกลุ่มเพื่อน ผู้ต้องหายังโพสต์ข้อความข่มขู่ผู้ที่เกี่ยวข้องทางโซเชียลมีเดีย

ความคืบหน้าจาก สน.โชคชัย เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 พ.ค. นายอนันตชัย ไชยเดช ทนายความของญาตินายสมเกียรติ ศรีจันทร์ ชายพิการวัย 36 ปี ผู้พิการที่เสียชีวิต พร้อมด้วย และนางธัญชนก ศรีจันทร์ อายุ 46 ปี พี่สาว และนายเมธัส ผลประเสริฐ อายุ 26 ปี หลานผู้ตาย เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.ปกฉัตร สงวนแวว รอง สว. (สอบสวน) สน.โชคชัย เพื่อแจ้งความเอาผิดกับเจ้าของเฟซบุ๊กชื่อ “C’Gamez Chadade” ข้อหาหมิ่นประมาทและข้อหาข่มขู่ให้เกิดความหวาดกลัว ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พร้อมนำหลักฐานภาพถ่ายและข้อความในเฟซบุ๊กมาให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลักฐาน

นายอนันตชัยกล่าวว่า วันนี้ตนต้องการมาแจ้งความดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาท และข้อหาข่มขู่กับเจ้าของเฟซบุ๊กนี้ เนื่องจากมีหญิงสาวคนหนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กชื่อว่า “C’Gamez Chadade” ว่า ถูกใส่ร้าย พร้อมทั้งระบุจะถล่มสำนักงานทนายความของตนด้วย เนื่องจากสำนักงานทนายความของตนอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 3 ช่วงตึก ทำให้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง จึงเข้ามาเป็นพยานในคดี เพราะเห็นว่าเป็นคดีที่มีความสำคัญ ทั้งนี้ ตนไม่ทราบว่าเฟซบุ๊กดังกล่าวเป็นเฟซบุ๊กจริงหรือปลอม ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบก่อน

“จากการแถลงข่าวของนายพีรพลผู้ต้องหา ลักษณะการแถลงข่าวเหมือนการจัดฉาก เพราะนำภาพจากกล้องซีซีทีวีที่มีเพียงรูปนายสมเกียรติเดินเข้าไปหาเรื่อง และนายพีรพลยังอ้างอีกว่า นำอาวุธมีดมาเพื่อป้องกันตัว หากดูจากวีดิโอแล้ว กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวรุมเข้าไปหานายสมเกียรติที่พยายามถอยหนี หากกลุ่มวัยรุ่นไม่แซว คงไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการข่มขู่ทำให้ไม่มีใครกล้ามาเป็นพยาน เพราะกลัวโดนทำร้ายร่างกาย ตอนนี้ได้ภาพจากกล้องของธนาคารไทยพาณิชย์ฯเพิ่มอีก 1 ตัว นำมามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย” นายอนันตชัยกล่าว

นางธัญชนก ศรีจันทร์ กล่าวทั้งน้ำตาว่า มีหลายคนที่เห็นเหตุการณ์ แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาเป็นพยาน เนื่องจากขนาดทนายที่มีชื่อเสียงที่ทำคดีให้คนใหญ่คนโตยังโดนข่มขู่ แล้วจะมีใครมากล้าเป็นพยาน จึงเหลือแค่ตน ทนายความ ลูกชายและ ลูกสาวเท่านั้น ขณะนี้ทางญาติได้เลื่อนการเผาศพออกไปเพื่อรอผลทางคดีให้เสร็จก่อน

ส่วนนายเมธัส ผลประเสริฐ กล่าวว่า ตนและทางญาติยังคงผวาอยู่ เนื่องจากยังคงมีคนมาวนเวียนหน้าร้าน วันนี้นำหลักฐานทางเฟซบุ๊กมาแจ้งความในข้อหาข่มขู่ให้เกิดความหวาดกลัว ส่วนงานศพของนายสมเกียรติ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ส่งพวงหรีดพร้อมมอบเงินเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับทางครอบครัวของนายสมเกียรติอีกด้วย

ด้าน พ.ต.อ.ชัยรพ จุณณวัตต์ ผกก.สน.โชคชัยเผยว่า ในส่วนของสำนวนคืบหน้าไปมาก แต่ยังไม่สามารถระบุวันส่งสำนวนฟ้องได้ ถึงแม้ว่าจะสอบปากคำผู้เสียหาย ผู้ต้องหาแล้ว แต่ยังต้องสอบพยานแวดล้อมที่เห็นเหตุการณ์เพิ่มอีกหลายปาก ก่อนนำข้อมูลมาหาความเชื่อมโยงกับภาพจากกล้องวงจรปิด อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ผู้ต้องหาจะเป็นลูกตำรวจ แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีเส้นสายช่วยเหลือในด้านคดีแน่นอน เพราะผู้ปกครองของผู้ต้องหายืนยันว่า หากลูกทำผิด ก็ให้ดำเนินคดีได้เลย ทั้งนี้ คดีดังกล่าวทาง บก.น.4 ตั้งคณะกรรมการทำคดีจำนวน 6 คน ให้ พ.ต.อ.ทวีรัชต์ ศรีธวัชพงศ์ รอง ผบก.น.4 เป็นหัวหน้าชุดสอบสวน

“วันนี้หลังจากรับแจ้งความจากทนายความผู้เสียหายแล้ว จะเรียกประชุมทีมพนักงานสอบสวนเพื่อถามความคืบหน้า ก่อนหน้านี้ได้สอบปากคำ 1 ใน 2 ผู้หญิงที่เป็นแฟนผู้ต้องหา และอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว อยู่ระหว่างติดต่อผู้หญิงอีก 1 คน มาให้การ ทราบชื่อและที่อยู่แล้ว ไม่น่าจะติดต่อยาก อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่ทนายมาแจ้งความ ตนต้อง ขอตรวจสอบและประชุมกับทีมพนักงานสอบสวนอีกครั้งเพื่อหาข้อมูลว่า ผู้หญิงคนดังกล่าวเป็นผู้โพสต์ข้อความและสร้างเพจดังกล่าวจริงหรือไม่ หากพบว่าจริงจะดำเนินคดีต่อไป” พ.ต.อ.ชัยรพกล่าว

ที่ บช.น.วันเดียวกัน พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. เผยว่า กรณีดังกล่าวตนจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย หากมีการข่มขู่ไม่ว่าจะทางใดก็ถือว่าเป็นการกระทำความผิด อีกทั้งมีเฟซบุ๊กที่มีการข่มขู่ทนายความ จะต้องนำตัวเจ้าของเฟซบุ๊กเข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้แจ้งเพียงข้อหาพยายามฆ่า แต่หากพบหลักฐานว่ามีการเตรียมการก่อน จะแจ้งข้อหาเจตนาฆ่าและไตร่ตรองไว้ก่อนทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตนมีความเห็นใจต่อครอบครัวผู้ตายอย่างมาก อยากให้มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีความเอนเอียงไปทางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแน่นอน

ขณะที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Juthamas Na Songkhla ญาติผู้เสียชีวิต เขียนเรื่องราวชีวิตที่น่าสงสารของนายสมเกียรติ ศรีจันทร์ ตั้งแต่หลังเกิดเหตุเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กให้สังคมได้รับรู้ความจริง และเมื่อเช้าวันที่ 5 พ.ค. ได้โพสต์ข้อความถึงเรื่องนี้อีกครั้งว่า ขอเล่าเรื่องเมธัส หลานชาย ผู้อยู่ในเหตุการณ์ ชาย 6 คน รุมทำร้ายนายสมเกียรติ ชายพิการขาลีบ จนถึงแก่ความตาย นายเมธัสเป็นเด็กหนุ่มที่ช่วยแม่ทำร้านขนมปังส่งเสียตัวเองจนเรียนจบปริญญาตรี หลังจากนั้น สมัครเป็นทหารรับใช้ชาติจนปลดประจำการ แล้วมารับหน้าที่บริหารร้านขนมปัง “ปังหอม” ต่อจากแม่ ให้นายสมเกียรติน้าชายมาช่วยงาน เมื่อเช้าวันที่ 1 พ.ค. หลังทำแป้งขนมปังเสร็จน้าเกียรติออกไปส่ง พอกลับมาเล่าว่า มีเรื่องกับกลุ่มเด็กวัยรุ่น พูดจาไม่ดีเลยทะเลาะกัน แต่บอกว่าเคลียร์จบไปแล้ว

แต่ไม่นานมีวัยรุ่นบุกมาที่ร้าน นายเมธัสเป็นคนมีสติและไม่ค่อยทำอะไรวู่วาม พยายามพูดคุยกับเด็กเหล่านั้นให้ใจเย็น ค่อยพูดค่อยจากัน และโทร.แจ้ง 191 ขณะนั้นไม่มีผู้ใหญ่อยู่เลยนอกจากน้าเกียรติก็มีแค่เมธัสและเฟิร์นเท่านั้น ในคลิปมีรูปน้าเกียรติถือมีดทำขนมปังกวัดแกว่งไปมาอยู่ท่ามกลางวงล้อมของคน 6 คน เมธัสพยายามเดินเข้าไปช่วยน้าจะเห็นว่ามีชาย 2 คน มาดักไว้ไม่ให้เข้าไป แต่เขาก็พยายามเข้าถึงตัวน้าได้ในที่สุด เพราะรู้ว่ามือข้างขวาของน้าเกียรติที่พยายามแกว่งมีดไปมาไม่ให้คนเข้ามาถึงตัว ไม่ได้มีแรงมากเท่าคนปกติ เมธัสลงนั่งข้างน้าเกียรติแล้ว ประคองไว้ตอนที่น้าเกียรติบอกว่า “น้าหายใจไม่ออกแล้ว” ตอนนั้นน้าเกียรติมีแผลที่มือ ที่หน้า แต่เพิ่งมาเห็นทีหลังว่า มีแผลใหญ่มาก ขณะนั้นมีเสียงไซเรนรถตำรวจดังขึ้น เขาบอกว่า “ผมดีใจที่สุดเลยอา เหมือนพระมาโปรดเลย”

พอรถตำรวจเคลื่อนมาจอด ทั้งเมธัสและน้าเกียรติหันไปมองด้วยความดีใจ ทันใดนั้นเองมีมีดผ่านหน้าเมธัส กะซวกฉึกเข้าที่คอน้าเกียรติเลือดพุ่งกระฉูด เราขอบคุณพระทุกองค์ที่หลานสองคนคือ เฟิร์นกับเมธัส ไม่ได้รับบาดเจ็บ ขอบคุณเมธัสที่มีสติไม่ไปหยิบอาวุธออกมาต่อสู้กับคนร้ายเพื่อช่วยน้า ทั้งๆ ที่เหตุเกิดถึงร้าน แน่นอนว่าอาวุธในร้านต้องหามาได้อยู่แล้ว เพราะถ้าเป็นแบบนั้น ครอบครัวเราอาจต้องสูญเสียมากกว่านี้ นาทีแรกที่เราไปหาหลานที่โรงพักเขาตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดเรา นึกขอบคุณเด็ก 6 คนนั้นที่ไม่หันมาทำร้ายเมธัสด้วย เมธัสเสียใจมากที่ช่วยน้าไม่ได้

วันรุ่งขึ้นคือวันที่ 3 พ.ค. มีนักข่าวหลายสำนักติดต่อมา เราให้เบอร์เมธัส เฟิร์นและแม่เขาไป หลานไปออกโทรทัศน์หลายช่อง มีคนมาสัมภาษณ์ถึงที่ร้านอีกหลายคน 4 พ.ค. มีเวลาได้คิดว่า ถ้าเมธัสยังพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ คนที่จะอยู่ในอาการย่ำแย่มากที่สุดคือตัวเขาเอง จึงโทร.ไปบอกให้หยุดการให้สัมภาษณ์ เพราะเขาแทบไม่กิน นอนก็ไม่หลับ เราเขียนเรื่องนี้เพื่อจะบอกว่า ผลกระทบของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันส่งผลต่อหลายๆ ชีวิต ขอโทษต่อพ่อแม่ของเด็กทั้ง 6 คนที่การเรียกร้องความยุติธรรมให้ชีวิตหนึ่ง ปราศจากลมหายใจแล้ววันนี้ส่งผลกระทบต่อท่าน ซึ่งไม่ได้เป็นผู้ลงมือ เราเชื่อว่า ณ เวลานี้ทั้งท่านและครอบครัวเรา ล้วนแล้วแต่ได้รับความทุกข์ใจพอๆกัน ขออย่ามีความเคียดแค้นต่อกัน ถ้าท่านได้มีโอกาสใกล้ชิดเด็ก 6 คนนั้น ขอให้พ่อแม่โอบกอดเขาสักครั้งเถอะค่ะ พวกเขาต้องการความรัก ความอบอุ่นใจ เราเชื่อว่าการขาดความรัก ความใส่ใจเป็นสิ่งหนึ่งอันนำมาซึ่งผลในวันนี้ #ขออโหสิกรรม

ขอบคุณ... http://www.thairath.co.th/content/616138

ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 6 พ.ค.59
วันที่โพสต์: 17/05/2559 เวลา 10:47:32 ดูภาพสไลด์โชว์ เฟซบุ๊กขู่ ถล่มสนง.ทนายคนพิการ พยานพาผวา น.1สั่ง 'ล่าตัว' เลื่อนเผาศพ

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

ทนายพร้อมครอบครัวเหยื่อขาพิการ ที่ถูกแก๊งลูกตำรวจแทงดับ โร่แจ้งความร้องทุกข์ ถูกข่มขู่และหมิ่นประมาทผ่านเฟซบุ๊ก ตำรวจรับเรื่องสืบสวนหาเจ้าของเพจ ถ้าผิดจริงแจ้งข้อหาดำเนินคดี ทนายพร้อมครอบครัวเหยื่อขาพิการ ที่ถูกแก๊งลูกตำรวจแทงดับ โร่แจ้งความร้องทุกข์ ถูกข่มขู่และหมิ่นประมาทผ่านเฟซบุ๊ก ตำรวจรับเรื่องสืบสวนหาเจ้าของเพจ ถ้าผิดจริงแจ้งข้อหาดำเนินคดี ส่วนด้านคดีครอบครัวเหยื่อเอาภาพวงจรปิดของธนาคารใกล้เคียงที่บันทึกเหตุการณ์ไว้ได้มาให้ตำรวจไว้เป็นหลักฐานอีกชิ้น โอดพยานที่เห็นเหตุการณ์หลายคนยังผวาภัยมืด ไม่ยอมเข้าให้การเป็นพยาน จากเหตุสะเทือนใจกรณีวัยรุ่น 6 คน เมาโหดใช้มีดรุมฟันนายสมเกียรติ ศรีจันทร์ อายุ 36 ปีขาพิการเสียชีวิต หน้าร้านขายขนมปังภายในซอยโชคชัย 4 แยก 69 เมื่อเช้าวันที่ 1 พ.ค. ต่อมาตำรวจ สน.โชคชัย จับกุมตัวผู้ต้องหามาแถลงข่าว ปรากฏว่า มีลูกเจ้าหน้าที่ตำรวจใน บก.น.4 รวมอยู่ด้วย 4 คน จากทั้งหมด 6 คน แต่กระแสสังคมยังเรียกร้องให้ดำเนินคดีข้อหาหนัก เนื่องจากเป็นเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นกับคนพิการ และกลุ่มเพื่อน ผู้ต้องหายังโพสต์ข้อความข่มขู่ผู้ที่เกี่ยวข้องทางโซเชียลมีเดีย ความคืบหน้าจาก สน.โชคชัย เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 พ.ค. นายอนันตชัย ไชยเดช ทนายความของญาตินายสมเกียรติ ศรีจันทร์ ชายพิการวัย 36 ปี ผู้พิการที่เสียชีวิต พร้อมด้วย และนางธัญชนก ศรีจันทร์ อายุ 46 ปี พี่สาว และนายเมธัส ผลประเสริฐ อายุ 26 ปี หลานผู้ตาย เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.ปกฉัตร สงวนแวว รอง สว. (สอบสวน) สน.โชคชัย เพื่อแจ้งความเอาผิดกับเจ้าของเฟซบุ๊กชื่อ “C’Gamez Chadade” ข้อหาหมิ่นประมาทและข้อหาข่มขู่ให้เกิดความหวาดกลัว ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พร้อมนำหลักฐานภาพถ่ายและข้อความในเฟซบุ๊กมาให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลักฐาน นายอนันตชัยกล่าวว่า วันนี้ตนต้องการมาแจ้งความดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาท และข้อหาข่มขู่กับเจ้าของเฟซบุ๊กนี้ เนื่องจากมีหญิงสาวคนหนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กชื่อว่า “C’Gamez Chadade” ว่า ถูกใส่ร้าย พร้อมทั้งระบุจะถล่มสำนักงานทนายความของตนด้วย เนื่องจากสำนักงานทนายความของตนอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 3 ช่วงตึก ทำให้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง จึงเข้ามาเป็นพยานในคดี เพราะเห็นว่าเป็นคดีที่มีความสำคัญ ทั้งนี้ ตนไม่ทราบว่าเฟซบุ๊กดังกล่าวเป็นเฟซบุ๊กจริงหรือปลอม ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบก่อน “จากการแถลงข่าวของนายพีรพลผู้ต้องหา ลักษณะการแถลงข่าวเหมือนการจัดฉาก เพราะนำภาพจากกล้องซีซีทีวีที่มีเพียงรูปนายสมเกียรติเดินเข้าไปหาเรื่อง และนายพีรพลยังอ้างอีกว่า นำอาวุธมีดมาเพื่อป้องกันตัว หากดูจากวีดิโอแล้ว กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวรุมเข้าไปหานายสมเกียรติที่พยายามถอยหนี หากกลุ่มวัยรุ่นไม่แซว คงไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการข่มขู่ทำให้ไม่มีใครกล้ามาเป็นพยาน เพราะกลัวโดนทำร้ายร่างกาย ตอนนี้ได้ภาพจากกล้องของธนาคารไทยพาณิชย์ฯเพิ่มอีก 1 ตัว นำมามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย” นายอนันตชัยกล่าว นางธัญชนก ศรีจันทร์ กล่าวทั้งน้ำตาว่า มีหลายคนที่เห็นเหตุการณ์ แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาเป็นพยาน เนื่องจากขนาดทนายที่มีชื่อเสียงที่ทำคดีให้คนใหญ่คนโตยังโดนข่มขู่ แล้วจะมีใครมากล้าเป็นพยาน จึงเหลือแค่ตน ทนายความ ลูกชายและ ลูกสาวเท่านั้น ขณะนี้ทางญาติได้เลื่อนการเผาศพออกไปเพื่อรอผลทางคดีให้เสร็จก่อน ส่วนนายเมธัส ผลประเสริฐ กล่าวว่า ตนและทางญาติยังคงผวาอยู่ เนื่องจากยังคงมีคนมาวนเวียนหน้าร้าน วันนี้นำหลักฐานทางเฟซบุ๊กมาแจ้งความในข้อหาข่มขู่ให้เกิดความหวาดกลัว ส่วนงานศพของนายสมเกียรติ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ส่งพวงหรีดพร้อมมอบเงินเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับทางครอบครัวของนายสมเกียรติอีกด้วย ด้าน พ.ต.อ.ชัยรพ จุณณวัตต์ ผกก.สน.โชคชัยเผยว่า ในส่วนของสำนวนคืบหน้าไปมาก แต่ยังไม่สามารถระบุวันส่งสำนวนฟ้องได้ ถึงแม้ว่าจะสอบปากคำผู้เสียหาย ผู้ต้องหาแล้ว แต่ยังต้องสอบพยานแวดล้อมที่เห็นเหตุการณ์เพิ่มอีกหลายปาก ก่อนนำข้อมูลมาหาความเชื่อมโยงกับภาพจากกล้องวงจรปิด อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ผู้ต้องหาจะเป็นลูกตำรวจ แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีเส้นสายช่วยเหลือในด้านคดีแน่นอน เพราะผู้ปกครองของผู้ต้องหายืนยันว่า หากลูกทำผิด ก็ให้ดำเนินคดีได้เลย ทั้งนี้ คดีดังกล่าวทาง บก.น.4 ตั้งคณะกรรมการทำคดีจำนวน 6 คน ให้ พ.ต.อ.ทวีรัชต์ ศรีธวัชพงศ์ รอง ผบก.น.4 เป็นหัวหน้าชุดสอบสวน “วันนี้หลังจากรับแจ้งความจากทนายความผู้เสียหายแล้ว จะเรียกประชุมทีมพนักงานสอบสวนเพื่อถามความคืบหน้า ก่อนหน้านี้ได้สอบปากคำ 1 ใน 2 ผู้หญิงที่เป็นแฟนผู้ต้องหา และอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว อยู่ระหว่างติดต่อผู้หญิงอีก 1 คน มาให้การ ทราบชื่อและที่อยู่แล้ว ไม่น่าจะติดต่อยาก อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่ทนายมาแจ้งความ ตนต้อง ขอตรวจสอบและประชุมกับทีมพนักงานสอบสวนอีกครั้งเพื่อหาข้อมูลว่า ผู้หญิงคนดังกล่าวเป็นผู้โพสต์ข้อความและสร้างเพจดังกล่าวจริงหรือไม่ หากพบว่าจริงจะดำเนินคดีต่อไป” พ.ต.อ.ชัยรพกล่าว ที่ บช.น.วันเดียวกัน พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. เผยว่า กรณีดังกล่าวตนจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย หากมีการข่มขู่ไม่ว่าจะทางใดก็ถือว่าเป็นการกระทำความผิด อีกทั้งมีเฟซบุ๊กที่มีการข่มขู่ทนายความ จะต้องนำตัวเจ้าของเฟซบุ๊กเข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้แจ้งเพียงข้อหาพยายามฆ่า แต่หากพบหลักฐานว่ามีการเตรียมการก่อน จะแจ้งข้อหาเจตนาฆ่าและไตร่ตรองไว้ก่อนทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตนมีความเห็นใจต่อครอบครัวผู้ตายอย่างมาก อยากให้มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีความเอนเอียงไปทางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแน่นอน ขณะที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Juthamas Na Songkhla ญาติผู้เสียชีวิต เขียนเรื่องราวชีวิตที่น่าสงสารของนายสมเกียรติ ศรีจันทร์ ตั้งแต่หลังเกิดเหตุเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กให้สังคมได้รับรู้ความจริง และเมื่อเช้าวันที่ 5 พ.ค. ได้โพสต์ข้อความถึงเรื่องนี้อีกครั้งว่า ขอเล่าเรื่องเมธัส หลานชาย ผู้อยู่ในเหตุการณ์ ชาย 6 คน รุมทำร้ายนายสมเกียรติ ชายพิการขาลีบ จนถึงแก่ความตาย นายเมธัสเป็นเด็กหนุ่มที่ช่วยแม่ทำร้านขนมปังส่งเสียตัวเองจนเรียนจบปริญญาตรี หลังจากนั้น สมัครเป็นทหารรับใช้ชาติจนปลดประจำการ แล้วมารับหน้าที่บริหารร้านขนมปัง “ปังหอม” ต่อจากแม่ ให้นายสมเกียรติน้าชายมาช่วยงาน เมื่อเช้าวันที่ 1 พ.ค. หลังทำแป้งขนมปังเสร็จน้าเกียรติออกไปส่ง พอกลับมาเล่าว่า มีเรื่องกับกลุ่มเด็กวัยรุ่น พูดจาไม่ดีเลยทะเลาะกัน แต่บอกว่าเคลียร์จบไปแล้ว แต่ไม่นานมีวัยรุ่นบุกมาที่ร้าน นายเมธัสเป็นคนมีสติและไม่ค่อยทำอะไรวู่วาม พยายามพูดคุยกับเด็กเหล่านั้นให้ใจเย็น ค่อยพูดค่อยจากัน และโทร.แจ้ง 191 ขณะนั้นไม่มีผู้ใหญ่อยู่เลยนอกจากน้าเกียรติก็มีแค่เมธัสและเฟิร์นเท่านั้น ในคลิปมีรูปน้าเกียรติถือมีดทำขนมปังกวัดแกว่งไปมาอยู่ท่ามกลางวงล้อมของคน 6 คน เมธัสพยายามเดินเข้าไปช่วยน้าจะเห็นว่ามีชาย 2 คน มาดักไว้ไม่ให้เข้าไป แต่เขาก็พยายามเข้าถึงตัวน้าได้ในที่สุด เพราะรู้ว่ามือข้างขวาของน้าเกียรติที่พยายามแกว่งมีดไปมาไม่ให้คนเข้ามาถึงตัว ไม่ได้มีแรงมากเท่าคนปกติ เมธัสลงนั่งข้างน้าเกียรติแล้ว ประคองไว้ตอนที่น้าเกียรติบอกว่า “น้าหายใจไม่ออกแล้ว” ตอนนั้นน้าเกียรติมีแผลที่มือ ที่หน้า แต่เพิ่งมาเห็นทีหลังว่า มีแผลใหญ่มาก ขณะนั้นมีเสียงไซเรนรถตำรวจดังขึ้น เขาบอกว่า “ผมดีใจที่สุดเลยอา เหมือนพระมาโปรดเลย” พอรถตำรวจเคลื่อนมาจอด ทั้งเมธัสและน้าเกียรติหันไปมองด้วยความดีใจ ทันใดนั้นเองมีมีดผ่านหน้าเมธัส กะซวกฉึกเข้าที่คอน้าเกียรติเลือดพุ่งกระฉูด เราขอบคุณพระทุกองค์ที่หลานสองคนคือ เฟิร์นกับเมธัส ไม่ได้รับบาดเจ็บ ขอบคุณเมธัสที่มีสติไม่ไปหยิบอาวุธออกมาต่อสู้กับคนร้ายเพื่อช่วยน้า ทั้งๆ ที่เหตุเกิดถึงร้าน แน่นอนว่าอาวุธในร้านต้องหามาได้อยู่แล้ว เพราะถ้าเป็นแบบนั้น ครอบครัวเราอาจต้องสูญเสียมากกว่านี้ นาทีแรกที่เราไปหาหลานที่โรงพักเขาตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดเรา นึกขอบคุณเด็ก 6 คนนั้นที่ไม่หันมาทำร้ายเมธัสด้วย เมธัสเสียใจมากที่ช่วยน้าไม่ได้ วันรุ่งขึ้นคือวันที่ 3 พ.ค. มีนักข่าวหลายสำนักติดต่อมา เราให้เบอร์เมธัส เฟิร์นและแม่เขาไป หลานไปออกโทรทัศน์หลายช่อง มีคนมาสัมภาษณ์ถึงที่ร้านอีกหลายคน 4 พ.ค. มีเวลาได้คิดว่า ถ้าเมธัสยังพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...