รายละเอียดกระทู้

ด.ช.สมศรี อามาตย์มนตรี หรือน้องปาล์ม อายุ 14 ปี อาศัยอยู่กับนางเลอลักษณ์ ชนะสาร หรือ ป้าแอ๊ะ อายุ 49 ปี พิการตาบอดทั้งสองข้าง หนุ่มน้อยที่อุบลราชธานี อายุ 14 ปีแล้วแต่ยังอยู่ ป.5 ต้องซ้ำชั้นจากเหตุหยุดเรียนบ่อย ไปทำงานหาเงินมาเลี้ยงป้าสะใภ้ตาบอด ส่วนพ่อแม่เกิดมาไม่เคยเห็นหน้า ครูวอนสังคมช่วยเหลือ เชื่อหากได้กินอิ่มเหมือนคนอื่นๆ จะเป็นเด็กเรียนดีคนหนึ่ง... เรื่องราวหนุ่มน้อยกตัญญูรายนี้ถูกเปิดเผยจากผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ Songuru Man หลังจากที่นำอาหารและทุนการศึกษาไปมอบให้ ด.ช.สมศรี อามาตย์มนตรี หรือน้องปาล์ม อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ป.5 โรงเรียนบ้านท่าไห (ไหทอง) ต.ท่าไห อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี ซึ่งอาศัยอยู่กับป้าที่ตาบอด ตามลำพังที่บ้าน ด.ช.สมศรี อามาตย์มนตรี อยู่ในชั้นเรียน ทั้งนี้ นายสนธยา เมยานนท์ อายุ 40 ปี เจ้าของเฟซบุ๊ก Songuru Man เปิดเผยว่า เมื่อช่วงต้นปี 2558 ตนได้เข้าไปช่วยเหลือคุณยายและหลานครอบครัวหนึ่งที่บ้านท่าไห จากนั้นได้มีชาวบ้านได้แจ้งว่า นอกจากยายหลานคู่นี้แล้ว ยังมีเด็กนักเรียนที่ด้อยโอกาสและยากจน ตนจึงได้เดินทางไปดู แต่ขณะนั้นตนได้มอบเงินให้เป็นค่าขนม 100 บาท แล้วก็กลับ มาปีนี้ ตนได้คิดถึงน้องคนดังกล่าว จึงได้นำข้าวสารอาหารแห้งพร้อมกับเงินทุนการศึกษา ที่รวบรวมกันจากเพื่อนในเฟซบุ๊กชื่อ Wanwarin Phoonphonhiran เป็นเงินจำนวน 3,000 บาท ไปมอบให้ จากการสอบถามชีวิตความเป็นอยู่ของเด็กคนดังกล่าว ชื่อ ด.ช.สมศรี อามาตย์มนตรี หรือน้องปาล์ม อายุ 14 ปี ทำให้สลดใจ เพราะน้องปาล์มนอกจากจะไม่เคยเห็นหน้าพ่อกับแม่แล้ว ยังต้องเป็นเสาหลักดูแลป้าที่ตาบอดทั้งสองข้าง จนต้องขาดเรียน และเรียนซ้ำชั้น ตนจึงได้นำเรื่องราวของน้องปาล์ม มาถ่ายทอดให้เพื่อนๆ ทางโลโซเชียลทราบ เผื่อน้องปาล์ม จะได้รับการช่วยเหลือจากผู้ใจบุญบ้าง หลังจากเรื่องของน้องปาล์ม เผยแพร่ออกมาทางโซเชียล ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางลงพื้นที่ไปที่บ้านเลขที่ 9849 หมู่ 13 ต.ท่าไห อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี พบเป็นบ้านปูนเดี่ยวชั้นเดียว สภาพบ้านพออยู่ได้ ในบ้านมีน้องปาล์ม อาศัยอยู่กับนางเลอลักษณ์ ชนะสาร หรือ ป้าแอ๊ะ อายุ 49 ปี พิการตาบอดทั้งสองข้าง ได้แต่นั่งอยู่บนแคร่หลังบ้าน นางเลอลักษณ์ กล่าวว่า เรื่องของน้องปาล์ม ที่มีคนเอาไปเผยแพร่นั้นเป็นความจริง ตนเองเป็นป้าของน้องปาล์ม ตาบอดมากว่า 18 ปี แล้วเนื่องจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ส่วนน้องปาล์มเป็นลูกของน้องชายสามีตน หลังจากที่น้องปาล์มคลอดออกมา น้องชายของสามีกับภรรยาซึ่งเป็นพ่อ แม่ ของน้องปาล์มได้เลิกรากัน ตนเป็นผู้เลี้ยงดูน้องปาล์มมาตั้งแต่เกิด ปัจจุบันน้องปาล์ม มีอายุ 14 ปี เรียนอยู่ชั้น ป.5 โรงเรียนบ้านท่าไห (ไหทอง) ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 2 ที่น้องปาล์มต้องเรียนซ้ำชั้น ป.5 เนื่องจากเวลาเรียนไม่พอ เพราะขาดเรียนไปรับจ้างขนทราย หาหอยเชอรี่ หาแมงจีนูน มาขายเลี้ยงป้า และส่งตัวเองเรียน โดยจะได้ค่าจ้างวันละ 50-100 บาท แล้วแต่คนจ้าง ส่วนเสาร์ - อาทิตย์ ก็ไปรับจ้างตักทรายขึ้นรถบรรทุก ได้คันละ 20-40 บาท ฝ่ายน้องปาล์ม ได้เล่าถึง ชีวิตประจำวันว่า ตื่นเช้ามา ตนเองต้องทำความสะอาดบ้าน ทำอาหารเช้าให้ป้า ก่อนจะไปโรงเรียน หลังกลับจากโรงเรียนก็จะไปเล่นกีฬา กลับมาทำงานบ้านแล้วเข้านอน ส่วนวันไหนเงินหมด ก็จะหยุดโรงเรียน 1 วัน ไปรับจ้างตักทราย วันละ 50-100 บาท เงินที่ได้มาจะเอาไปซื้อกับข้าว โดยที่เงิน 100 บาท ตนสามารถใช้ได้ 3-4 วัน แบ่งเงินส่วนหนึ่งไปใช้จ่ายในการซื้ออาหารในครอบครัว อีกส่วนก็แบ่งเป็นเงินออมและซื้อขนมกิน หากเงินซื้ออาหารหรือข้าวไม่พอก็จะเอาเงินออมออกมาซื้อข้าวแทน ด.ช.สมศรี อามาตย์มนตรี รับจ้างตักทราย ด้านนายไพฑูรย์ โคตรพัฒน์ อาจารย์ปรึกษา เล่าว่า น้องปาล์มเป็นเด็กดี มีความกตัญญู ขยัน ตั้งใจทำงานเอื้อเฟื้อต่อเพื่อน และครูอาจารย์ แต่ฐานะทางบ้านยากจน ไม่เคยพบพ่อแม่ตั้งแต่เกิด เพิ่งจะมีเลขบัตรประจำตัวประชาชนเมื่อตอนอยู่ประถมศึกษาปีที่ 4 ในปีที่ผ่านมาน้องปาล์มมักจะขาดเรียนบ่อย จนเวลาเรียนไม่พอ จนต้องซ้ำชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 อีก 1 ปี จากการสอบถามและเยี่ยมบ้านของน้องปาล์ม ทางโรงเรียนได้ทราบปัญหาและความกตัญญูของน้องปาล์มที่ทำอยู่ ทางโรงเรียนจึงได้อนุโลมให้เป็นบางกรณี แต่ในปีการศึกษานี้น้องปาล์มได้ขยันมาเรียนมากขึ้น แต่ก็ยังมีบางวันที่ต้องหยุดเรียน ไปรับจ้างเพื่อหาเงินมาซื้ออาหารให้ป้า ขณะที่นายสุชาติ กิตติโกสินท์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านท่าไห (ไหทอง) กล่าวว่า จากการติดตามความเป็นอยู่ของน้องปาล์ม คิดว่าหากน้องปาล์มได้มาโรงเรียนอย่างเต็มที่ การเรียนของน้องปาล์มจะดีขึ้นกว่านี้ จากการที่สอบถามครูประจำชั้นน้องปาล์มก็สามารถอ่านออกเขียนได้ในระดับกลางๆ ทั้งนี้ ทางโรงเรียนได้มีระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนออกเยี่ยมบ้านดูปัญหาต่างๆ ในส่วนของโรงเรียน ได้ดูแลในเรื่องของอาหารกลางวัน อาหารเสริมนม ชุดนักเรียนที่เป็นนโยบายของทางรัฐบาลจัดสรรให้นักเรียนทุกคนฟรี บางวันทางโรงเรียนได้ห่ออาหารกลางวันให้น้องปาล์มได้กลับไปกินที่บ้านตอนเย็นกับป้าด้วย นายสุชาติ กล่าวเสริมว่า น้องปาล์มเป็นเด็กที่มีความตั้งใจ ถ้าได้รับการช่วยเหลือ ไม่ให้มีภาระที่ไม่ใช่ของเด็กตัวเล็กๆ ให้มีหน้าที่เรียนอย่างเดียว และถ้าปัจจัยสี่พอเพียงน้องปาล์มก็จะได้มาตั้งใจเรียนอย่างเดียว คาดว่าน่าจะเป็นเด็กที่เรียนได้ดีคนหนึ่ง ส่วนเรื่องความกตัญญูทางโรงเรียนได้ยกย่องและนำมาเป็นตัวอย่างให้เพื่อนักเรียนหน้าแถวเป็นประจำ เพราะเป็นแบบอย่างที่ดี สำหรับประชาชนท่านใดที่มีจิตกุศลสามารถร่วมมอบทุนการศึกษาให้กับน้องปาล์ม หรือ เด็กชายสมศรี อามาตย์มนตรี ได้ที่บัญชี ธนาคารกรุงไทย สาขา เขื่องใน เลขที่บัญชี 984-2-33632-8 ชื่อบัญชี นายบพิตร สีระวัตร หรือนายไพฑูรย์ โคตรพัฒน์ หรือ ด.ช.สมศรี อามาตย์มนตรี(บัญชีร่วม). ขอบคุณ... http://www.thairath.co.th/content/575668