The Tribe เรต20+ หนังภาษามือเรื่องแรกของโลก อึน โหวง เงียบ หายใจไม่ทั่วท้อง

แสดงความคิดเห็น

ภาพบางส่วนจากภาพยนตร์เรื่องThe Tribe  หนังภาษามือเรื่องแรกของโลก

The Tribe ภาพยนตร์จากยูเครน หรือในชื่อดั้งเดิม Plema หนังปี 2014 ที่เพิ่งมีจังหวะได้เข้าฉายในโรงใหญ่บ้านเราตั้งแต่1ตุลาคมที่ผ่านมา ชื่อเสียงเรียงนามที่เป็น จุดขายของหนังเรื่องนี้คือ เป็นหนังเงียบ...และเป็นหนังที่ใช้ภาษามือสื่อสารอย่างเดียวทั้งเรื่อง

หนังเงียบเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ขายสไตล์หนังเงียบขาวดำในยุคก่อกำเนิดภาพยนตร์แต่เป็นหนังเงียบจากเรื่องราวของสังคมคนหูหนวก เดิมทีคิดว่าโปสเตอร์ใช้ภาพดึงดูด แต่เมื่อได้ชมภาพยนตร์และย้อนกลับมาพิจารณาโปสเตอร์หนังเรื่องนี้ พบว่าส่งสารถึงคนดูชัดเจนมาก เมื่อคนสองคนเป็นมนุษย์เปลือยเปล่า ใช้ภาษามือ-สายตาในการสื่อสารและทั้งเรื่องก็ทิ้งคนดูให้สัมผัสกับสัญชาตญาณดิบสมชื่อเรื่อง

ภาพบางส่วนจากภาพยนตร์เรื่องThe Tribe  หนังภาษามือเรื่องแรกของโลก

ด้วยวิธีเล่าเรื่องผ่าน"ภาษามือ" แม้จะไม่เข้าใจภาษามือ แต่การลำดับเรื่องการแสดงทางร่างกายที่ชัดเจนก็ทำให้เราเข้าถึงโลกอาชญากรรมที่ทั้งเงียบมืดและสุดวังเวงในหนังเรื่องนี้ หนังทำได้สำเร็จมาก คือการสร้างความเงียบงันจนชวนอึดอัดให้กับคนดูเพราะต้องใช้สายตา สมาธิในการตีความท่าทางอากัปกริยาจากการสื่อสารของตัวละครในเรื่องผ่านรูปแบบการแช่กล้องนิ่งๆการลากกล้องถ่ายฉากยาวหรือลองเทค

รูปแบบที่ส่งผ่านให้คนดูต้องคอยจับจ้องที่ใบหน้า สีหน้า มือไม้ของตัวละคร โดยไม่มีเสียงเพลงสกอร์ใดมาบิ้ว นอกจากได้ยินเสียงตามธรรมชาติในเรื่องเท่านั้น เล่ามาถึงนี่อาจคิดว่าเป็นละครใบ้ แต่นี่ไม่ใช่ละครใบ้ เป็นเรื่องราวที่เกิดในโรงเรียนสอนเด็กหูหนวกมิติคนดูที่เหมือนผู้สังเกตการณ์เข้าไปจับจ้องอยู่เงียบๆ ผ่านการทำงานของผู้กำกับฯ มิโรสลาฟ สลาโบชพิตสกี ที่คุมให้ทุกอย่างอยู่กับ "ความจริง" ที่สุด บางช่วงจึงดูจริงเหมือนดูหนังสารคดีที่ลากกล้องไล่ตามตัวละครหลักแต่ก็จะนึกได้ในทันทีว่านี่คือภาพยนตร์แต่ซักพักหนังก็พาความรู้สึกให้ไพล่ไปคิดว่านี่อาจเป็นเรื่องจริงในบางห้วงบางขณะ

หนังเล่าเรื่องชีวิตในโรงเรียนสอนเด็กหูหนวกกับตัวละครเด็กหนุ่มที่เป็นนักเรียนเข้าใหม่ หน้าตาและบุคลิกที่ดูไร้เดียงสา ก่อนจะค่อยๆพาคนดูดำดิ่งไปสู่โลกมืดอีกด้านของโรงเรียนผ่านแก๊งนักเรียนหูหนวกที่ก่ออาชญากรรม ไม่แพ้กลุ่มมาเฟียระดับชาติตั้งแต่ส่งเด็กหูหนวกรุ่นน้องไปเร่ขายตุ๊กตาบนรถไฟสบจังหวะก็สามารถขโมยของบนรถไฟหรือปล้นกันได้ง่ายๆ

ภาพบางส่วนจากภาพยนตร์เรื่องThe Tribe  หนังภาษามือเรื่องแรกของโลก

ส่วนสภาพแบบที่ควรจะได้เห็นตามปกติในโรงเรียนนั้น มีเพียงภาพให้ดูช่วงต้นๆ จากนั้นทั้งหมดคือ เรื่องราวใต้ดินภายในโรงเรียน ไปจนถึงการส่งนักเรียนหญิงหูหนวกไปค้าบริการประจำให้กลุ่มผู้ขับขี่รถบรรทุกและมีทีท่าจะขยายเครือข่ายข้ามชาติและก้าวถึงบทลงโทษในกลุ่มอาชญากรรมหากใครนอกแถวอีกทั้งยังมีเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนเองที่เข้ามาเอี่ยวด้วย โดยสภาพที่โรงเรียนแห่งนี้ถูกเปิดขึ้นมาด้วยความหวังและน่าสดใสแต่เรากลับได้เห็นโลกของอาชญากรรมในโรงเรียนกันทั้งเรื่อง

ราวกับหลงเข้าไปอยู่ในชนเผ่าที่ปกครองกันด้วยสัญชาตญาณดิบ ด้านหนึ่งหนังสะท้อนโครงสร้างด้านมืดของสังคมเล็กๆสังคมด้านมืดของอาชญากรรมที่ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่อะไรเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับทุกที่และในทุกประเทศก็มีมุมนี้แต่วิธีการเล่าและสไตล์การนำเสนอที่ทำให้หนังกลายเป็นที่จดจำ หนังอุดมไปด้วยฉากแรงทั้งการใช้ความรุนแรงแบบเห็นชัดเจนการใช้ความรุนแรงทางจิตวิทยาฉากเซ็กส์ที่เปลือยหมดจดฉากอื้อฉาวชวนเหวอไปจนถึงฉากพีคๆบางฉากอย่างน้อยมีแน่นอน2-3ฉากที่ผู้กำกับฯส่งสารทางความรู้สึกสะพรึงเพริดให้คนดู สร้างสภาวะให้คนดูอึ้งเงียบไปกับหนังจนถึงฉากสุดท้ายที่สร้างความตะลึงได้อย่างน่าจดจำ (แม้เอาเข้าจริงจะไม่น่าจำ) แต่นั่นเองที่ The Tribe พาคนดูหายใจไม่ทั่วท้อง จบด้วยความอึนและโหวง จากนั้นความเงียบงันเข้ามาแทนที่

ขอบคุณ... http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1444041851 (ขนาดไฟล์: 143)

ที่มา: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 5 ต.ค.58
วันที่โพสต์: 8/10/2558 เวลา 11:37:45 ดูภาพสไลด์โชว์ The Tribe เรต20+ หนังภาษามือเรื่องแรกของโลก อึน โหวง เงียบ หายใจไม่ทั่วท้อง

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

ภาพบางส่วนจากภาพยนตร์เรื่องThe Tribe หนังภาษามือเรื่องแรกของโลก The Tribe ภาพยนตร์จากยูเครน หรือในชื่อดั้งเดิม Plema หนังปี 2014 ที่เพิ่งมีจังหวะได้เข้าฉายในโรงใหญ่บ้านเราตั้งแต่1ตุลาคมที่ผ่านมา ชื่อเสียงเรียงนามที่เป็น จุดขายของหนังเรื่องนี้คือ เป็นหนังเงียบ...และเป็นหนังที่ใช้ภาษามือสื่อสารอย่างเดียวทั้งเรื่อง หนังเงียบเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ขายสไตล์หนังเงียบขาวดำในยุคก่อกำเนิดภาพยนตร์แต่เป็นหนังเงียบจากเรื่องราวของสังคมคนหูหนวก เดิมทีคิดว่าโปสเตอร์ใช้ภาพดึงดูด แต่เมื่อได้ชมภาพยนตร์และย้อนกลับมาพิจารณาโปสเตอร์หนังเรื่องนี้ พบว่าส่งสารถึงคนดูชัดเจนมาก เมื่อคนสองคนเป็นมนุษย์เปลือยเปล่า ใช้ภาษามือ-สายตาในการสื่อสารและทั้งเรื่องก็ทิ้งคนดูให้สัมผัสกับสัญชาตญาณดิบสมชื่อเรื่อง ภาพบางส่วนจากภาพยนตร์เรื่องThe Tribe หนังภาษามือเรื่องแรกของโลก ด้วยวิธีเล่าเรื่องผ่าน"ภาษามือ" แม้จะไม่เข้าใจภาษามือ แต่การลำดับเรื่องการแสดงทางร่างกายที่ชัดเจนก็ทำให้เราเข้าถึงโลกอาชญากรรมที่ทั้งเงียบมืดและสุดวังเวงในหนังเรื่องนี้ หนังทำได้สำเร็จมาก คือการสร้างความเงียบงันจนชวนอึดอัดให้กับคนดูเพราะต้องใช้สายตา สมาธิในการตีความท่าทางอากัปกริยาจากการสื่อสารของตัวละครในเรื่องผ่านรูปแบบการแช่กล้องนิ่งๆการลากกล้องถ่ายฉากยาวหรือลองเทค รูปแบบที่ส่งผ่านให้คนดูต้องคอยจับจ้องที่ใบหน้า สีหน้า มือไม้ของตัวละคร โดยไม่มีเสียงเพลงสกอร์ใดมาบิ้ว นอกจากได้ยินเสียงตามธรรมชาติในเรื่องเท่านั้น เล่ามาถึงนี่อาจคิดว่าเป็นละครใบ้ แต่นี่ไม่ใช่ละครใบ้ เป็นเรื่องราวที่เกิดในโรงเรียนสอนเด็กหูหนวกมิติคนดูที่เหมือนผู้สังเกตการณ์เข้าไปจับจ้องอยู่เงียบๆ ผ่านการทำงานของผู้กำกับฯ มิโรสลาฟ สลาโบชพิตสกี ที่คุมให้ทุกอย่างอยู่กับ "ความจริง" ที่สุด บางช่วงจึงดูจริงเหมือนดูหนังสารคดีที่ลากกล้องไล่ตามตัวละครหลักแต่ก็จะนึกได้ในทันทีว่านี่คือภาพยนตร์แต่ซักพักหนังก็พาความรู้สึกให้ไพล่ไปคิดว่านี่อาจเป็นเรื่องจริงในบางห้วงบางขณะ หนังเล่าเรื่องชีวิตในโรงเรียนสอนเด็กหูหนวกกับตัวละครเด็กหนุ่มที่เป็นนักเรียนเข้าใหม่ หน้าตาและบุคลิกที่ดูไร้เดียงสา ก่อนจะค่อยๆพาคนดูดำดิ่งไปสู่โลกมืดอีกด้านของโรงเรียนผ่านแก๊งนักเรียนหูหนวกที่ก่ออาชญากรรม ไม่แพ้กลุ่มมาเฟียระดับชาติตั้งแต่ส่งเด็กหูหนวกรุ่นน้องไปเร่ขายตุ๊กตาบนรถไฟสบจังหวะก็สามารถขโมยของบนรถไฟหรือปล้นกันได้ง่ายๆ ภาพบางส่วนจากภาพยนตร์เรื่องThe Tribe หนังภาษามือเรื่องแรกของโลก ส่วนสภาพแบบที่ควรจะได้เห็นตามปกติในโรงเรียนนั้น มีเพียงภาพให้ดูช่วงต้นๆ จากนั้นทั้งหมดคือ เรื่องราวใต้ดินภายในโรงเรียน ไปจนถึงการส่งนักเรียนหญิงหูหนวกไปค้าบริการประจำให้กลุ่มผู้ขับขี่รถบรรทุกและมีทีท่าจะขยายเครือข่ายข้ามชาติและก้าวถึงบทลงโทษในกลุ่มอาชญากรรมหากใครนอกแถวอีกทั้งยังมีเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนเองที่เข้ามาเอี่ยวด้วย โดยสภาพที่โรงเรียนแห่งนี้ถูกเปิดขึ้นมาด้วยความหวังและน่าสดใสแต่เรากลับได้เห็นโลกของอาชญากรรมในโรงเรียนกันทั้งเรื่อง ราวกับหลงเข้าไปอยู่ในชนเผ่าที่ปกครองกันด้วยสัญชาตญาณดิบ ด้านหนึ่งหนังสะท้อนโครงสร้างด้านมืดของสังคมเล็กๆสังคมด้านมืดของอาชญากรรมที่ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่อะไรเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับทุกที่และในทุกประเทศก็มีมุมนี้แต่วิธีการเล่าและสไตล์การนำเสนอที่ทำให้หนังกลายเป็นที่จดจำ หนังอุดมไปด้วยฉากแรงทั้งการใช้ความรุนแรงแบบเห็นชัดเจนการใช้ความรุนแรงทางจิตวิทยาฉากเซ็กส์ที่เปลือยหมดจดฉากอื้อฉาวชวนเหวอไปจนถึงฉากพีคๆบางฉากอย่างน้อยมีแน่นอน2-3ฉากที่ผู้กำกับฯส่งสารทางความรู้สึกสะพรึงเพริดให้คนดู สร้างสภาวะให้คนดูอึ้งเงียบไปกับหนังจนถึงฉากสุดท้ายที่สร้างความตะลึงได้อย่างน่าจดจำ (แม้เอาเข้าจริงจะไม่น่าจำ) แต่นั่นเองที่ The Tribe พาคนดูหายใจไม่ทั่วท้อง จบด้วยความอึนและโหวง จากนั้นความเงียบงันเข้ามาแทนที่ ขอบคุณ... http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1444041851

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...