น่าสงสาร! ทารกน้อยพิการซ้ำซ้อน เกิดจากพ่อแม่พิการทางสมอง

แสดงความคิดเห็น

น้องเจิมขวัญ นอนรักษาตัวอยู่ในห้องผู้ป่วย โดยมีปู่และย่า รวมถึงญาติคอยเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด

ทารกเพศหญิงวัย 2 เดือนเศษ คลอดออกมามีความพิการทั้งปากแหว่ง เพดานโหว่ พิการทางสายตา นิ้วและขามีพังผืดยึดติด แพทย์ชี้น่าจะมาจากที่ทั้งพ่อแม่พิการทางสมอง ย่าเผยตอนที่ไปฝากท้อง หมอแจ้งว่าหลานจะออกมาพิการ แต่ทุกคนขอให้เอาเด็กไว้...

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 24 ส.ค.58 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีเด็กหญิงวัย 2 เดือนเศษ ป่วยเป็นโรคปากแหว่ง เพดานโหว่ มือเท้าพิการ และมีความพิการทางสายตาตั้งแต่กำเนิด มารักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลบ่อพลอย อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี จึงประสานนายแพทย์สุรวิทย์ ศักดานุภาพ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ่อพลอย เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง

เมื่อไปถึง พบเด็กหญิงวัย 2 เดือนเศษ พ่อแม่มีบ้านอยู่ ต.ช่องด่าน อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี นอนรักษาตัวอยู่ในห้องผู้ป่วย โดยมีปู่และย่า รวมถึงญาติคอยเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนพ่อกับแม่ซึ่งเป็นผู้พิการทางสมอง นั่งอยู่นอกห้อง นายแพทย์สุรวิทย์ ศักดานุภาพ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ่อพลอย เปิดเผยว่า กรณีของเด็กหญิงวัย 2 เดือนเศษ ที่ชื่อ ‘น้องเจิมขวัญ’ หรือ ‘น้องขวัญ’ เป็นกรณีที่พบได้ไม่บ่อยมากนัก เท่าที่พบส่วนใหญ่จะมีลักษณะผิดปกติอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่พบอยู่ประจำคือภาวะปากแหว่ง เพดานโหว่ แต่โอกาสที่จะพบปากแหว่ง เพดานโหว่ ร่วมกับนิ้วมือนิ้วเท้ายึดติดกันเจอได้น้อยมาก เท่าที่เคยรักษาเด็กทารกแรกเกิด ถือว่าไม่เคยเจอมาก่อนด้วยซ้ำ ซึ่งกรณีของน้องเจิมขวัญอยู่ระหว่างการรักษาอย่างต่อเนื่องที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา โดยภาวะผิดปกติที่จะต้องได้รับการผ่าตัดแก้ไข จะต้องรอให้น้องเจิมขวัญมีอายุตั้งแต่ 9 เดือนขึ้นไป จึงจะเริ่มผ่าตัดความผิดปกติปากแหว่งเพดานโหว่ได้ ในส่วนของมือเท้าที่ยึดติดกัน คงจะต้องค่อยๆ ใช้ระยะเวลาให้เด็กโตขึ้นกว่านี้

ส่วนกรณีที่น้องเจิมขวัญ มีพังผืดที่นิ้วมือนิ้วเท้าทั้ง 4 ข้างยึดติดกัน รวมทั้งบริเวณขาท่อนล่างมีผิวหนังยึดติดกับต้นขาทั้งสองข้างลักษณะคล้ายกับคนนั่งขัดสมาธิ ส่วนใหญ่มักจะไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดจากอะไร แต่ที่เคยเจอจะเกิดจากการที่มารดาใช้ยาซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาความเจริญเติบโตของเด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เมื่อทารกคลอดออกมาก็มีโอกาสผิดปกติได้มาก

สำหรับกรณีของน้องเจิมขวัญ ที่เกิดมาพิการปากแหว่ง เพดานโหว่ และพิการทางตา รวมทั้งมีพังผืดตามที่ปรากฏ ทราบว่าพ่อกับแม่ของน้องเจิมขวัญ มีอาการพิการทางด้านสมองทั้งคู่ ซึ่งปัจจัยภาวะทางพันธุกรรมดังกล่าว ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อเด็กได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นทุกภาวะ มีเพียงบางภาวะเท่านั้นที่จะส่งผลกระทบต่อทารก โดยทางโรงพยาบาลยังไม่ได้พบกับพ่อแม่ของเด็ก ซึ่งจะต้องมีการพูดคุยกันอีกครั้งหนึ่ง

ทั้งนี้ น้องเจิมขวัญ ได้เข้ามารักษาอาการป่วยตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา ด้วยอาการเท้าข้างขวาบวม มีไข้ ไอแห้งๆ ไอบ่อย ไม่หอบ เวลาให้นมมีการสำรอก ต้องให้นมทางสายยาง ขณะนี้อาการของน้องเจิมขวัญ เริ่มดีขึ้นตามลำดับ คาดว่าภายใน 1-2 วัน คงจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ ส่วนในวันที่ 23 ก.ย.จะต้องไปพบหมอที่โรงพยาบาลพหลฯ ตามที่หมอนัด เท่าที่ทราบทางคณะแพทย์โรงพยาบาลพหลฯ ได้ตรวจสอบอวัยวะภายใน เช่น ตับ ไต หัวใจ ปอด และลำไส้ ทุกอย่างปกติเหมือนคนทั่วไป จะมีก็แต่ความผิดปกติภายนอกตามที่เห็น ซึ่งความผิดปกติภายนอกที่น่าเป็นห่วงเป็นเรื่องของปากแหว่ง เพดานโหว่ ขั้นตอนนี้ทางทีมแพทย์ได้ดูแลให้การรักษาอยู่ แต่จะต้องรอให้เด็กมีอายุที่อยู่ในวัยที่สามารถผ่าตัดได้ เพื่อให้มีความเสี่ยงน้อยที่สุด ซึ่งหลังจากผ่าตัดความผิดปกติของอวัยวะภายนอกแล้ว ในเรื่องความเจริญเติบโตของน้องเจิมขวัญ ก็จะเป็นปกติเหมือนเด็กทั่วไป

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ่อพลอย กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันน้องเจิมขวัญ ได้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้พิการตามกฎหมาย จึงได้สิทธิในการรักษาของผู้พิการ รวมทั้งได้สิทธิในโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ดังนั้น น้องเจิมขวัญ จึงได้สิทธิในการรักษาและผ่าตัดฟรี โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด และในเบื้องต้นได้รับการประสานจากสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี ให้เร่งทำประวัติของน้องเจิมขวัญ ให้ทราบโดยด่วน เพื่อสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี จะได้เอาข้อมูลของน้องเจิมขวัญ เข้าไปอยู่ในโครงการ พอ.สว. ซึ่งจะทำให้กระบวนการผ่าตัดรักษาและกระบวนการติดตามดูแลอาการน้องเจิมขวัญเป็นไปอย่างต่อเนื่อง สำหรับค่าใช้จ่ายที่ทางครอบครัวจะต้องรับผิดชอบคือค่าเดินทางไปรักษาเท่านั้น

ทางด้านย่าของ ด.ญ.เจิมขวัญ เล่าว่า ลูกชายและลูกสะใภ้ มีอาการทางสมองมาตั้งแต่เด็ก ขณะไปฝากท้องกับหมอที่ รพ.พหลฯ ทางแพทย์และพยาบาลได้แจ้งให้ทราบแล้วว่าหลานจะเกิดมาพิการ พร้อมกับสอบถามความสมัครใจของพ่อกับแม่เด็ก รวมทั้งครอบครัว ว่าต้องการให้ทารกคลอดออกมาหรือไม่ ซึ่งทุกคนก็ขอให้เด็กคลอดออกมา แต่เมื่อคลอดออกมาทุกคนต่างก็รู้สึกตกใจ โดยเฉพาะตน เมื่อเห็นสภาพของหลาน แต่จะต้องเลี้ยงเขาให้เจริญเติบโตต่อไป

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดกาญจนบุรี ได้ส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปที่ รพ.บ่อพลอย สอบถามประวัติของน้องเจิมขวัญ เพื่อจะได้รายงานให้ทางจังหวัดกาญจนบุรีทราบ พร้อมทั้งมอบเงินช่วยเหลือในเบื้องต้นจำนวน 2,000 บาทด้วย.

ขอบคุณ... http://www.thairath.co.th/content/520511

ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย25ส.ค.58
วันที่โพสต์: 25/08/2558 เวลา 13:24:11 ดูภาพสไลด์โชว์ น่าสงสาร! ทารกน้อยพิการซ้ำซ้อน เกิดจากพ่อแม่พิการทางสมอง

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

น้องเจิมขวัญ นอนรักษาตัวอยู่ในห้องผู้ป่วย โดยมีปู่และย่า รวมถึงญาติคอยเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด ทารกเพศหญิงวัย 2 เดือนเศษ คลอดออกมามีความพิการทั้งปากแหว่ง เพดานโหว่ พิการทางสายตา นิ้วและขามีพังผืดยึดติด แพทย์ชี้น่าจะมาจากที่ทั้งพ่อแม่พิการทางสมอง ย่าเผยตอนที่ไปฝากท้อง หมอแจ้งว่าหลานจะออกมาพิการ แต่ทุกคนขอให้เอาเด็กไว้... เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 24 ส.ค.58 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีเด็กหญิงวัย 2 เดือนเศษ ป่วยเป็นโรคปากแหว่ง เพดานโหว่ มือเท้าพิการ และมีความพิการทางสายตาตั้งแต่กำเนิด มารักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลบ่อพลอย อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี จึงประสานนายแพทย์สุรวิทย์ ศักดานุภาพ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ่อพลอย เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อไปถึง พบเด็กหญิงวัย 2 เดือนเศษ พ่อแม่มีบ้านอยู่ ต.ช่องด่าน อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี นอนรักษาตัวอยู่ในห้องผู้ป่วย โดยมีปู่และย่า รวมถึงญาติคอยเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนพ่อกับแม่ซึ่งเป็นผู้พิการทางสมอง นั่งอยู่นอกห้อง นายแพทย์สุรวิทย์ ศักดานุภาพ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ่อพลอย เปิดเผยว่า กรณีของเด็กหญิงวัย 2 เดือนเศษ ที่ชื่อ ‘น้องเจิมขวัญ’ หรือ ‘น้องขวัญ’ เป็นกรณีที่พบได้ไม่บ่อยมากนัก เท่าที่พบส่วนใหญ่จะมีลักษณะผิดปกติอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่พบอยู่ประจำคือภาวะปากแหว่ง เพดานโหว่ แต่โอกาสที่จะพบปากแหว่ง เพดานโหว่ ร่วมกับนิ้วมือนิ้วเท้ายึดติดกันเจอได้น้อยมาก เท่าที่เคยรักษาเด็กทารกแรกเกิด ถือว่าไม่เคยเจอมาก่อนด้วยซ้ำ ซึ่งกรณีของน้องเจิมขวัญอยู่ระหว่างการรักษาอย่างต่อเนื่องที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา โดยภาวะผิดปกติที่จะต้องได้รับการผ่าตัดแก้ไข จะต้องรอให้น้องเจิมขวัญมีอายุตั้งแต่ 9 เดือนขึ้นไป จึงจะเริ่มผ่าตัดความผิดปกติปากแหว่งเพดานโหว่ได้ ในส่วนของมือเท้าที่ยึดติดกัน คงจะต้องค่อยๆ ใช้ระยะเวลาให้เด็กโตขึ้นกว่านี้ ส่วนกรณีที่น้องเจิมขวัญ มีพังผืดที่นิ้วมือนิ้วเท้าทั้ง 4 ข้างยึดติดกัน รวมทั้งบริเวณขาท่อนล่างมีผิวหนังยึดติดกับต้นขาทั้งสองข้างลักษณะคล้ายกับคนนั่งขัดสมาธิ ส่วนใหญ่มักจะไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดจากอะไร แต่ที่เคยเจอจะเกิดจากการที่มารดาใช้ยาซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาความเจริญเติบโตของเด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เมื่อทารกคลอดออกมาก็มีโอกาสผิดปกติได้มาก สำหรับกรณีของน้องเจิมขวัญ ที่เกิดมาพิการปากแหว่ง เพดานโหว่ และพิการทางตา รวมทั้งมีพังผืดตามที่ปรากฏ ทราบว่าพ่อกับแม่ของน้องเจิมขวัญ มีอาการพิการทางด้านสมองทั้งคู่ ซึ่งปัจจัยภาวะทางพันธุกรรมดังกล่าว ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อเด็กได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นทุกภาวะ มีเพียงบางภาวะเท่านั้นที่จะส่งผลกระทบต่อทารก โดยทางโรงพยาบาลยังไม่ได้พบกับพ่อแม่ของเด็ก ซึ่งจะต้องมีการพูดคุยกันอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ น้องเจิมขวัญ ได้เข้ามารักษาอาการป่วยตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา ด้วยอาการเท้าข้างขวาบวม มีไข้ ไอแห้งๆ ไอบ่อย ไม่หอบ เวลาให้นมมีการสำรอก ต้องให้นมทางสายยาง ขณะนี้อาการของน้องเจิมขวัญ เริ่มดีขึ้นตามลำดับ คาดว่าภายใน 1-2 วัน คงจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ ส่วนในวันที่ 23 ก.ย.จะต้องไปพบหมอที่โรงพยาบาลพหลฯ ตามที่หมอนัด เท่าที่ทราบทางคณะแพทย์โรงพยาบาลพหลฯ ได้ตรวจสอบอวัยวะภายใน เช่น ตับ ไต หัวใจ ปอด และลำไส้ ทุกอย่างปกติเหมือนคนทั่วไป จะมีก็แต่ความผิดปกติภายนอกตามที่เห็น ซึ่งความผิดปกติภายนอกที่น่าเป็นห่วงเป็นเรื่องของปากแหว่ง เพดานโหว่ ขั้นตอนนี้ทางทีมแพทย์ได้ดูแลให้การรักษาอยู่ แต่จะต้องรอให้เด็กมีอายุที่อยู่ในวัยที่สามารถผ่าตัดได้ เพื่อให้มีความเสี่ยงน้อยที่สุด ซึ่งหลังจากผ่าตัดความผิดปกติของอวัยวะภายนอกแล้ว ในเรื่องความเจริญเติบโตของน้องเจิมขวัญ ก็จะเป็นปกติเหมือนเด็กทั่วไป ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ่อพลอย กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันน้องเจิมขวัญ ได้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้พิการตามกฎหมาย จึงได้สิทธิในการรักษาของผู้พิการ รวมทั้งได้สิทธิในโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ดังนั้น น้องเจิมขวัญ จึงได้สิทธิในการรักษาและผ่าตัดฟรี โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด และในเบื้องต้นได้รับการประสานจากสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี ให้เร่งทำประวัติของน้องเจิมขวัญ ให้ทราบโดยด่วน เพื่อสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี จะได้เอาข้อมูลของน้องเจิมขวัญ เข้าไปอยู่ในโครงการ พอ.สว. ซึ่งจะทำให้กระบวนการผ่าตัดรักษาและกระบวนการติดตามดูแลอาการน้องเจิมขวัญเป็นไปอย่างต่อเนื่อง สำหรับค่าใช้จ่ายที่ทางครอบครัวจะต้องรับผิดชอบคือค่าเดินทางไปรักษาเท่านั้น ทางด้านย่าของ ด.ญ.เจิมขวัญ เล่าว่า ลูกชายและลูกสะใภ้ มีอาการทางสมองมาตั้งแต่เด็ก ขณะไปฝากท้องกับหมอที่ รพ.พหลฯ ทางแพทย์และพยาบาลได้แจ้งให้ทราบแล้วว่าหลานจะเกิดมาพิการ พร้อมกับสอบถามความสมัครใจของพ่อกับแม่เด็ก รวมทั้งครอบครัว ว่าต้องการให้ทารกคลอดออกมาหรือไม่ ซึ่งทุกคนก็ขอให้เด็กคลอดออกมา แต่เมื่อคลอดออกมาทุกคนต่างก็รู้สึกตกใจ โดยเฉพาะตน เมื่อเห็นสภาพของหลาน แต่จะต้องเลี้ยงเขาให้เจริญเติบโตต่อไป อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดกาญจนบุรี ได้ส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปที่ รพ.บ่อพลอย สอบถามประวัติของน้องเจิมขวัญ เพื่อจะได้รายงานให้ทางจังหวัดกาญจนบุรีทราบ พร้อมทั้งมอบเงินช่วยเหลือในเบื้องต้นจำนวน 2,000 บาทด้วย. ขอบคุณ... http://www.thairath.co.th/content/520511

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...