ความดีคุณปู่-ดนตรีบำบัดรักษา'หลานชายออทิสติก'

แสดงความคิดเห็น

อาคม วชิรโรจน์ประภา กับหลานชายน้องมิคกี้ กำลังเล่นดนตรีเปิดหมวก

การก่อเหตุ “ฆ่าตัวตาย” พร้อมคนในครอบครัว หรือที่ภาษาข่าวเรียกว่า “ฆ่ายกครัว” เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ ปัญหาส่วนใหญ่มาจากเครียดภาวะเศรษฐกิจ ไม่ก็เรื่องงาน เรื่องความรัก เหตุการณ์แต่ละครั้งสร้างความโศกเศร้าเสียใจให้กับผู้ที่อยู่ข้างหลังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปพร้อม ๆ กันหลายคน ถือว่าเป็นเรื่องน่าสะเทือนใจอย่างยิ่ง หากเรามีสติ...ขมวดปมปัญหาแล้วค่อย ๆ หาทางแก้ไขน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด... “เหยี่ยวขาว” เชื่อว่าทุกปัญหาต้องมีทางแก้ไข...การตัดสินใจฆ่าตัวตาย หลังจากฆ่าคนในบ้านถือเป็นการหนีปัญหา พร้อมทั้งสร้างบาปติดตัวไปด้วย ทั้งนี้มนุษย์ทุกคนเกิดมาก็ต้องเจอกับปัญหาร้อยแปดพันเก้าอยู่แล้ว แต่เราจะสู้มันด้วยวิธีไหนเท่านั้นเอง“

อยากแนะนำการสู้ปัญหาชีวิตของบุคคลคนหนึ่ง คือ “อาคม วชิรโรจน์ประภา” อายุ 54 ปี อาจารย์สอนวิชาดนตรี โรงเรียนมีนบุรี สังกัดกทม. ได้ชื่อว่าเป็น “คุณปู่”...ยืนหยัดสู้ด้วยความดี ความถูกต้อง ความรัก ...สู้ไปพร้อมกับ “ด.ช.เบญจพล แก้วงามลอย” หรือ “น้องมิคกี้” อายุ 14 ปี หลานชายเด็กพิการออทิสติก ด้านการสื่อความหมาย และยังเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่ 2 ขวบ โดยคุณปู่ใช้วิชาความรู้ที่มีอยู่คือดนตรี ช่วยบำบัดรักษาหลานชาย จนปัจจุบัน 2 ปู่หลานออกตระเวนเล่นดนตรีเปิดหมวกตามสถานที่ต่าง ๆ หารายได้เป็นค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูหลานได้อย่างภาคภูมิใจ มาลองฟังเรื่องราวสิ่งดี ๆ ที่ปู่มอบให้หลานกัน... อาจารย์อาคม เล่าว่า พ่อแม่มิคกี้แยกทางกันตั้งแต่เด็กได้ 2 ขวบ ตอนพาหลานมาส่งที่บ้านเห็นแล้วบอกตรง ๆ สงสารมาก ในใจคิดว่าเราเป็นครูสั่งสอนอบรมลูกศิษย์มาตั้งมากมายแล้วทำไมหลานคนเดียวจะเลี้ยงดูอบรมให้เป็นคนดีไม่ได้ ตอนแรกเหนื่อยมากเพราะมิคกี้มีอาการสมาธิสั้น เรียนรู้ช้า ไม่คุยกับผู้อื่น หงุดหงิดง่าย ไม่ชอบคนทำผิดระเบียบ ชอบทำตามกติกา และข้อตกลง ชอบเล่นรุนแรง ทำงานตรงเวลาไม่ชอบรอคอย และมีนิสัยติดเกม แต่มี “ไอคิว” ค่อนข้างดีมาก ช่วงนี้ต้องใช้ความอดทนสูงมาก เพราะเขาเป็นเด็กพิเศษ ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด กระทั่งหลาน 9 ขวบพ่อเขาสัญญาว่าจะมารับกลับไปดูแลเอง ตอนนั้นคิดมากจนแอบร้องไห้ มันทั้งดีใจ และเสียใจ ดีใจที่หลานจะกลับไปอยู่กับพ่อเขา แต่ลึก ๆ มันเหมือนเรากำลังจะขาดบางอย่างไปจากชีวิต สิ่งที่ผูกพันธุ์กันมากำลังจะเดินหายไปจากบ้านต่อหน้าต่อตา...แต่เหตุการณ์ไม่เป็นอย่างที่คิด พ่อเขาโทรฯมาบอกว่า ไม่พร้อม เนื่องจากยังหางานทำไม่ได้ อีกทั้งไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งหากพาไปอยู่ด้วยคงลำบากคำตอบที่ได้รับดีใจแต่ก็อดสงสารหลานไม่ได้“

น้องมิคกี้ กำลังเล่นเปียโน

“ตั้งแต่นั้นมา ผมเลยฝึกหลานให้เล่นดนตรี ครั้งแรกคือ เปียโน และกีตาร์ ต่อมาเปลี่ยนเล่นไวโอลิน แทบไม่น่าเชื่อมิคกี้จำตัวโน้ตเพลงได้โดยไม่ต้องดู จนสามารถเล่นได้เป็นอย่างดี ทำให้มีสมาธิ และการเรียนรู้ดีขึ้น เริ่มปรับตัวเข้าสังคมได้ ลดการเล่นเกมไปโดยปริยาย จากนั้นเลยพาไปเรียนดนตรีเสริม เพราะรู้ว่าชอบดนตรี จนปัจจุบันมิคกี้สามารถเล่นดนตรีแนวโฟล์คคันทรีตามงานต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ที่น่าแปลกคือช่วงอายุ 11 ปี สามารถร้องเพลงสากลแนวคันทรีได้เองโดยที่ไม่มีใครสอน ถือเป็นพรสวรรค์ของเด็ก อนาคตหวังมากอยากเห็นหลานเรียนจบปริญญาด้านดนตรี เชื่อว่าเขาทำได้แน่หากได้รับการสนับสนุน” หลังจากเด็กปรับตัวเข้ากับสิ่งต่าง ๆ ได้แล้ว ช่วงนี้เป็นช่วงสำคัญ เริ่มสอนทักษะการใช้ชีวิต การอยู่ร่วมกับสังคม ไม่เอาเปรียบผู้อื่น ไม่เห็นแก่ตัว ช่วยเหลือสังคม และตอบแทนแผ่นดินเกิด เน้นย้ำเสมอว่าต้องไม่รับสิ่งของหรือเงินทองจากคนอื่นเด็ดขาด หากจะรับต้องแลกด้วยการเล่นดนตรี ไม่ใช่ขอทาน ต้องไม่งอมืองอเท้า เงินที่ได้มาต้องแลกกับงานนั่นก็คือดนตรี ปัจจุบันหลานเรียนที่ กศน. เขตมีนบุรี วิธีเรียนแบบทางไกล ทำให้มีเวลาว่างทั้งวัน จึงออกเล่นดนตรีทุกวันจันทร์-ศุกร์ช่วงเย็นวันเสาร์ทั้งวันหยุดวันอาทิตย์เพราะต้องไปเรียนดนตรีและไปพบแพทย์“

ขอบคุณ... http://www.dailynews.co.th/article/329331 (ขนาดไฟล์: 167)

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย20มิ.ย.58
วันที่โพสต์: 2/07/2558 เวลา 11:56:06 ดูภาพสไลด์โชว์ ความดีคุณปู่-ดนตรีบำบัดรักษา'หลานชายออทิสติก'

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

อาคม วชิรโรจน์ประภา กับหลานชายน้องมิคกี้ กำลังเล่นดนตรีเปิดหมวก การก่อเหตุ “ฆ่าตัวตาย” พร้อมคนในครอบครัว หรือที่ภาษาข่าวเรียกว่า “ฆ่ายกครัว” เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ ปัญหาส่วนใหญ่มาจากเครียดภาวะเศรษฐกิจ ไม่ก็เรื่องงาน เรื่องความรัก เหตุการณ์แต่ละครั้งสร้างความโศกเศร้าเสียใจให้กับผู้ที่อยู่ข้างหลังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปพร้อม ๆ กันหลายคน ถือว่าเป็นเรื่องน่าสะเทือนใจอย่างยิ่ง หากเรามีสติ...ขมวดปมปัญหาแล้วค่อย ๆ หาทางแก้ไขน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด... “เหยี่ยวขาว” เชื่อว่าทุกปัญหาต้องมีทางแก้ไข...การตัดสินใจฆ่าตัวตาย หลังจากฆ่าคนในบ้านถือเป็นการหนีปัญหา พร้อมทั้งสร้างบาปติดตัวไปด้วย ทั้งนี้มนุษย์ทุกคนเกิดมาก็ต้องเจอกับปัญหาร้อยแปดพันเก้าอยู่แล้ว แต่เราจะสู้มันด้วยวิธีไหนเท่านั้นเอง“ อยากแนะนำการสู้ปัญหาชีวิตของบุคคลคนหนึ่ง คือ “อาคม วชิรโรจน์ประภา” อายุ 54 ปี อาจารย์สอนวิชาดนตรี โรงเรียนมีนบุรี สังกัดกทม. ได้ชื่อว่าเป็น “คุณปู่”...ยืนหยัดสู้ด้วยความดี ความถูกต้อง ความรัก ...สู้ไปพร้อมกับ “ด.ช.เบญจพล แก้วงามลอย” หรือ “น้องมิคกี้” อายุ 14 ปี หลานชายเด็กพิการออทิสติก ด้านการสื่อความหมาย และยังเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่ 2 ขวบ โดยคุณปู่ใช้วิชาความรู้ที่มีอยู่คือดนตรี ช่วยบำบัดรักษาหลานชาย จนปัจจุบัน 2 ปู่หลานออกตระเวนเล่นดนตรีเปิดหมวกตามสถานที่ต่าง ๆ หารายได้เป็นค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูหลานได้อย่างภาคภูมิใจ มาลองฟังเรื่องราวสิ่งดี ๆ ที่ปู่มอบให้หลานกัน... อาจารย์อาคม เล่าว่า พ่อแม่มิคกี้แยกทางกันตั้งแต่เด็กได้ 2 ขวบ ตอนพาหลานมาส่งที่บ้านเห็นแล้วบอกตรง ๆ สงสารมาก ในใจคิดว่าเราเป็นครูสั่งสอนอบรมลูกศิษย์มาตั้งมากมายแล้วทำไมหลานคนเดียวจะเลี้ยงดูอบรมให้เป็นคนดีไม่ได้ ตอนแรกเหนื่อยมากเพราะมิคกี้มีอาการสมาธิสั้น เรียนรู้ช้า ไม่คุยกับผู้อื่น หงุดหงิดง่าย ไม่ชอบคนทำผิดระเบียบ ชอบทำตามกติกา และข้อตกลง ชอบเล่นรุนแรง ทำงานตรงเวลาไม่ชอบรอคอย และมีนิสัยติดเกม แต่มี “ไอคิว” ค่อนข้างดีมาก ช่วงนี้ต้องใช้ความอดทนสูงมาก เพราะเขาเป็นเด็กพิเศษ ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด กระทั่งหลาน 9 ขวบพ่อเขาสัญญาว่าจะมารับกลับไปดูแลเอง ตอนนั้นคิดมากจนแอบร้องไห้ มันทั้งดีใจ และเสียใจ ดีใจที่หลานจะกลับไปอยู่กับพ่อเขา แต่ลึก ๆ มันเหมือนเรากำลังจะขาดบางอย่างไปจากชีวิต สิ่งที่ผูกพันธุ์กันมากำลังจะเดินหายไปจากบ้านต่อหน้าต่อตา...แต่เหตุการณ์ไม่เป็นอย่างที่คิด พ่อเขาโทรฯมาบอกว่า ไม่พร้อม เนื่องจากยังหางานทำไม่ได้ อีกทั้งไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งหากพาไปอยู่ด้วยคงลำบากคำตอบที่ได้รับดีใจแต่ก็อดสงสารหลานไม่ได้“ น้องมิคกี้ กำลังเล่นเปียโน “ตั้งแต่นั้นมา ผมเลยฝึกหลานให้เล่นดนตรี ครั้งแรกคือ เปียโน และกีตาร์ ต่อมาเปลี่ยนเล่นไวโอลิน แทบไม่น่าเชื่อมิคกี้จำตัวโน้ตเพลงได้โดยไม่ต้องดู จนสามารถเล่นได้เป็นอย่างดี ทำให้มีสมาธิ และการเรียนรู้ดีขึ้น เริ่มปรับตัวเข้าสังคมได้ ลดการเล่นเกมไปโดยปริยาย จากนั้นเลยพาไปเรียนดนตรีเสริม เพราะรู้ว่าชอบดนตรี จนปัจจุบันมิคกี้สามารถเล่นดนตรีแนวโฟล์คคันทรีตามงานต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ที่น่าแปลกคือช่วงอายุ 11 ปี สามารถร้องเพลงสากลแนวคันทรีได้เองโดยที่ไม่มีใครสอน ถือเป็นพรสวรรค์ของเด็ก อนาคตหวังมากอยากเห็นหลานเรียนจบปริญญาด้านดนตรี เชื่อว่าเขาทำได้แน่หากได้รับการสนับสนุน” หลังจากเด็กปรับตัวเข้ากับสิ่งต่าง ๆ ได้แล้ว ช่วงนี้เป็นช่วงสำคัญ เริ่มสอนทักษะการใช้ชีวิต การอยู่ร่วมกับสังคม ไม่เอาเปรียบผู้อื่น ไม่เห็นแก่ตัว ช่วยเหลือสังคม และตอบแทนแผ่นดินเกิด เน้นย้ำเสมอว่าต้องไม่รับสิ่งของหรือเงินทองจากคนอื่นเด็ดขาด หากจะรับต้องแลกด้วยการเล่นดนตรี ไม่ใช่ขอทาน ต้องไม่งอมืองอเท้า เงินที่ได้มาต้องแลกกับงานนั่นก็คือดนตรี ปัจจุบันหลานเรียนที่ กศน. เขตมีนบุรี วิธีเรียนแบบทางไกล ทำให้มีเวลาว่างทั้งวัน จึงออกเล่นดนตรีทุกวันจันทร์-ศุกร์ช่วงเย็นวันเสาร์ทั้งวันหยุดวันอาทิตย์เพราะต้องไปเรียนดนตรีและไปพบแพทย์“ ขอบคุณ... http://www.dailynews.co.th/article/329331

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...